ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมหนัง จึงต่างจากทีวี  (อ่าน 55 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ickilas

  • ว่าที่ผู้กำกับดัง
  • Thaicine Explorer
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • *
  • กระทู้: 708
  • พลังใจที่มี 18
  • เพศ: ชาย
  • ไอเดียนำ อุปกรณ์ตาม หรือ ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
    • ฟิล์มแคนดู โปรดักชั่น
ทำไมหนัง จึงต่างจากทีวี
« เมื่อ: 09 กันยายน 2023, 17:11:43 »
[ทำไมหนัง จึงต่างจากทีวี ]

เพราะหนังเป็นภาพนิ่งเช่นเดียวกับรูปถ่ายเต็มภาพต่อเนื่องไปเรื่อยๆ วินาทีละ 24 ภาพเป็นอย่างน้อย

ทีวี เป็นภาพนิ่งไม่เต็มภาพ ก็คือมีการแบ่งภาพออกเป็นเส้นแนวนอนซ้อนสลับกัน 2 ภาพ 1 ภาพเรียกว่า 1 ฟิลด์ ใน 1 เฟรมจะมี 2 ฟิลด์ต่อเนื่องกันระหว่าง ฟิลด์บน(upper,odd,เส้นเลขคี่) และ ฟิลด์ล่าง(lower,even,เส้นเลขคู่) ฟิลด์บนก็คือภาพที่เราเห็นก่อน ฟิลด์ล่างคือภาพที่เราเห็นที่หลัง ใน 1 วินาทีจะเล่นเฟรม 25 เฟรม สำหรับประเทศไทย นั่นคือเราจะเห็นภาพ 50 ภาพที่ไม่ซ้ำกัน ใน 1 วินาที (50i บางกล้องก็ 25i แต่เป็นแบบ 50 ฟิลด์ 25 เฟรมเหมือนกัน )

สำหรับการเล่นภาพของทีวี เป็นแบบ interlaced scan

สำหรับการเล่นภาพของภาพยนตร์ในระบบดิจิตอล เป็นแบบ progressive scan (none interlaced) (no fields)

ในการถ่ายทำและการตัดต่อ มีบางงานเท่านั้น ที่จำเป็นต้องใช้แบบ interlaced scan มาดูกันว่าแบบไหนควรใช้ในงานอะไร
คลิปไวรอล
-กล้อง p
-ตัดต่อ p
-เรนเดอร์ไฟล์งาน p

รายการส่งช่องทีวี
-กล้อง i, p
-ตัดต่อ i, p
-เรนเดอร์ไฟล์งาน i

หนังโรง
-กล้อง p
-ตัดต่อ p
-เรนเดอร์ไฟล์งาน p

แผ่น
-เรนเดอร์ไฟล์งาน เหมือนการตัดต่อ
i=interlaced scan
p=progressive scan (none interlaced) (no fields)

กรณีตัดต่อแบบ i จะต้องตั้งฟิลด์ออเดอร์ให้ถูกต้องตรงกับกล้อง ว่าจะเล่นฟิลด์บนหรือล่างก่อน ถ้าตั้งผิด ภาพอาจจะสั่นไหวได้ในขณะที่ซับเจคมีการเคลื่อนไหว การแก้ไขวิดีโอ interlaced scan ที่เรนเดอร์ฟิลด์ออเดอร์ผิดมา วิธีที่ดีที่สุดคือการ de-interlace แล้วเรนเดอร์ให้เป็น progressive scan
การตัดฟุต i ด้วยตัวเลือก no fields มันจะผสานฟิลด์ odd กับ even เข้าด้วยกันเป็น 1 เดียว อาจจะได้โมชั่นเบลอที่ยาวเกินไปครับ ผมจะชอบ de-interlace ฟุตที่เป็น i มากกว่าที่จะผสานฟิลด์เฉยๆ แต่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า การถ่าย i แล้วมาดีอินเตอแล็ซให้เป็น p มันจะเสียรายละเอียดทางแนวตั้งไปครึ่งหนึ่งเสมอ เช่น เช่นจาก 1080 จะเป็น 540 แต่สัดส่วนแนวตั้งยังคงเดิม ส่วนรายละเอียดแนวนอนจะไม่เสีย หากต้องการงาน p ก็ควรถ่ายเป็น p มาจะดีที่สุด ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นสโตรกที่เฟรมเรต 24 25 30 เพราะถ้าความถี่รีเฟรซของจอสูงเกิน 50Hz มันก็จะไม่เห็นอาการสโตรก จะเห็นตอนเล่นไฟล์ดูที่กล้องเท่านั้น
..........................................
บทความโดย : A Filmcando


Yutthana seneewong (เอ)
Head Of OperationsHead Of Operations
Filmcando Productions Team (ilm Director, DOP, Colorist, Line Producer, Production Designer, Film Editor, 5.1Final Mix, DCP & IMF Making)
ติดต่องาน
ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง ราชบุรี  082-656-6992
https://www.facebook.com/director.ickilas/

ออฟไลน์ ickilas

  • ว่าที่ผู้กำกับดัง
  • Thaicine Explorer
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • *
  • กระทู้: 708
  • พลังใจที่มี 18
  • เพศ: ชาย
  • ไอเดียนำ อุปกรณ์ตาม หรือ ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
    • ฟิล์มแคนดู โปรดักชั่น
Re: ทำไมหนัง จึงต่างจากทีวี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 09 กันยายน 2023, 17:12:09 »
 :GreenScarf (16): :GreenScarf (16):
Yutthana seneewong (เอ)
Head Of OperationsHead Of Operations
Filmcando Productions Team (ilm Director, DOP, Colorist, Line Producer, Production Designer, Film Editor, 5.1Final Mix, DCP & IMF Making)
ติดต่องาน
ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง ราชบุรี  082-656-6992
https://www.facebook.com/director.ickilas/