ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 525 เสนอฉาย เปิดกรุโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ของนายเอี่ยวเซีย แซ่เซีย  (อ่าน 1023 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย

บทที่ 525
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
เปิดกรุโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ของนายเอี่ยวเซีย แซ่เซีย
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 16 พฤษภาคม 2557)


เปิดกรุโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ของนายเอี่ยวเซีย แซ่เซีย และ ประนอม แซ่เซีย


           ก่อนอื่น.. ต้องบอกก่อนว่า ถ้าผมและเพื่อนๆ ไม่ตัดสินใจกลับไปที่ร้อยเอ็ดอีกครั้งในวันที่ 12 พฤษภาคม 2557.. หรือไปแล้ว หาบ้านอาจารย์ไม่พบ พวกเราก็คงไม่รู้เรื่อง โรงหนังเฉลิมเอก หรอกครับ..

           จังหวัดร้อยเอ็ดนั้น ผมเคยมีโอกาสไปตามหากากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกจะเดินทางไปกับคุณโต๊ะ พันธมิตร เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2542 ตอนนั้นมีคุณปรีชา พรหมเสน เจ้าของบริการหนังราชาภาพยนตร์ เป็นคนติดต่อหากากฟิล์มหนังมาให้ พวกเราได้กากฟิล์ม 16 มม.เรื่อง ไทรโศก (มิตร-โสภา) น้องนางบ้านนา (ไชยา-อรัญญา) บ้านสาวโสด (มิตร-เพชรา-ครรชิต) และลูกแมว (มิตร-เพชรา) กลับมา… ส่วนครั้งที่ 2 ก็เดินทางไปกับคุณโต๊ะพันธมิตรอีกในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2546 ครั้งนี้ คุณปรีชาบอกว่า หาฟิล์มหนัง 16 มม.ให้เราไม่ได้แล้ว ก็เลยพาเราไปหาหนัง 35 มม.กันบ้าง ก็พาไปหาอาจารย์ประนอม แซ่เซีย ในซอยแห่งหนึ่งในตัวเมืองร้อยเอ็ด วันนั้นไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก แต่ก็มีกากฟิล์ม 35 มม.ติดมือมาจากบ้านอาจารย์ด้วย..

           แล้วเวลาก็ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้.. 10 ปีกว่าๆ แล้วครับ วันนี้.. พวกเราพร้อมที่จะช่วยหนัง 35 มม.กันแล้ว.. เรื่องราวของกรุฟิล์มต่างๆ จึงถูกนำมาทบทวนกันใหม่ บางแห่งที่เราติดต่อกลับไป ก็ได้คำตอบว่า เอาฟิล์มไปทิ้งหมดแล้วบ้าง ขายทิ้งไปบ้าง.. บางแห่งก็ยังมีฟิล์มอยู่ พวกเราก็ช่วยๆ กันไปนำกลับมา แต่สำหรับกรุฟิล์มที่ร้อยเอ็ดแห่งนี้ แม้ผมจะมีเบอร์โทรศัพท์ แต่โทรทีไร ก็ไม่มีใครรับสาย เปลี่ยนเวลาโทรแล้ว ก็ไม่มีคนรับสายอีกจนคุณนุ ประเดิม สง่าแสง บอกว่า พวกเราเสี่ยงๆ นั่งรถทัวร์ไปดูกันดีไหม.. ผมก็บอกคุณนุว่า เรารู้แค่เบอร์โทรศัพท์และบ้านเลขที่เท่านั้น ส่วนถนนตรอกซอกซอยอะไร ผมก็ไม่ได้เขียนไว้เลย พยายามจะสุ่มไปแล้ว แต่คุณโต๊ะพันธมิตรบอกว่า คุณปรีชาเคยบอกว่า แถวๆ นั้นเขารื้อบ้านทิ้งไปหลายหลังด้วย ก็เลยหวาดๆ ว่าจะตามหาบ้านอาจารย์ไม่พบ..ก็เลยหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อนจนกระทั่งวันที่พวกเราจะเดินทางไปตามรอย สาวเครือฟ้า ไปที่อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ก็เห็นพ้องต้องกันว่า เส้นทางบรบือไปร้อยเอ็ดอยู่ใกล้ๆ กัน ก็เลยวางแผนจะไปเดินสุ่มๆ หาบ้านอาจารย์กัน เผื่อว่าจะเจอบ้าง


           เช้าวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2557 พวกเรา 3 คนคือ ผม คุณนุ ประเดิม สง่าแสง และ คุณจุ๊บ Jub Classic Movie ก็ออกเดินทางจากจังหวัดขอนแก่น มุ่งหน้าไปร้อยเอ็ด ใช้เส้นทางถนนมิตรภาพ หมายเลข 2 วิ่งย้อนกลับไปทางอำเภอบ้านไผ่ แต่เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 208 มุ่งหน้าอำเภอโกสุมพิสัยและไปเชื่อมต่อถนนแจ้งสนิท หมายเลข 23 มุ่งหน้าร้อยเอ็ด ด้วยระยะทางประมาณ 122 ก.ม. ตลอดระยะเวลาการเดินทาง สิ่งที่ถูกพูดตอกย้ำมากที่สุดก็คือ เราจะหาเจอบ้านอาจารย์หรือไม่.. แล้วจะมีฟิล์มเหลือหรือไม่..แต่สิ่งที่ทำให้พวกเรามุ่งหน้าเดินทางไปนั้นก็คือ ความหวังที่จะเห็นหนังไทยเก่าๆ เพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเห็นว่า บ้านอาจารย์มีฟิล์มหนังไทยเก่าๆ อยู่เยอะมาก เพียงแต่ตอนนั้นมีเวลาจำกัด ก็เลยไม่ได้ดูอย่างละเอียดว่า มีเรื่องอะไรบ้างเท่านั้น..

           เมื่อรถตู้ของพี่เที่ยงวิ่งเข้าสู่ตัวเมืองร้อยเอ็ดนั้น ผมก็ยังงงๆ อยู่ว่า เราจะไปทางไหนกันดี จำได้แต่ว่าต้องวิ่งผ่านบึงพลาญชัยไปก่อน แล้วก็จอดถามเส้นทาง ระบุชื่อสถานที่ที่เคยจำได้เมื่อ 10 ปีที่แล้วจนได้พิกัดเส้นทาง แล้วจากนั้นพวกเราก็ลองเดินสุ่มๆ หาบ้านอาจารย์เอง ภาพความหลังเมื่อ 10 ปีที่แล้วเริ่มผุดขึ้นมาให้เห็น..ผมเดินสุ่มๆ หาบ้านเลขที่ที่ใกล้เคียง หาสถานที่อ้างอิงจนเจอบ้านอาจารย์..แต่บ้านอาจารย์ปิดประตูไว้ครับ ก็ต้องลองถามบ้านตรงข้ามกันดูว่า อาจารย์อยู่หรือไม่..โชคดีเป็นของเราครับ อาจารย์อยู่บ้านพอดี ส่วนคนที่ผมไปสอบถามนั้นก็เป็นอาจารย์เหมือนกัน รู้จักอาจารย์ประนอมดี แถมยังบอกว่า อาจารย์ประนอมนั้นเป็นลูกสาวเจ้าของโรงหนังเฉลิมเอกที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วย..

           หลังจากสวัสดี.. ทักทาย.. แนะนำตัวกันเสร็จ ผมก็เริ่มให้อาจารย์ประนอมเล่าถึงประวัติโรงหนังเฉลิมเอกให้ฟัง.. เจ้าของโรงหนังก็คือ นายเอี่ยวเซีย แซ่เซีย ซึ่งเป็นพ่อหรือเตี่ยของอาจารย์ สร้างฉายมาตั้งแต่ยุคหนัง 16 มม. เก้าอี้นั่งเป็นไม้..สมัยนั้นอาจารย์ประนอมจะช่วยเตี่ยขายตั๋วหนัง.. ต่อมาโรงหนังแห่งนี้ก็ปิดกิจการและถูกรื้อทิ้งไปแล้ว ที่ดินบางส่วนก็ได้สร้างเป็นมูลนิธิร้อยเอ็ดฯ ผมเข้าใจว่า เมื่อถึงยุคหนัง 35 มม.แล้ว นอกจากเตี่ยจะฉายหนัง ก็ยังเปิดให้เช่าฟิล์มหนัง 35 มม.ด้วยเพราะสังเกตจากกระเป๋าใส่ฟิล์มหนังที่เตี่ยสร้างขึ้นเองจากแผ่นไม้เพื่อให้มีความคงทนกว่ากระเป๋าทั่วไปที่ทำจากหนังเทียม..


           หลังจากเลิกกิจการโรงหนังแล้ว เตี่ยก็ยังคงเก็บความหลัง เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของโรงหนังไว้เกือบทั้งหมด เมื่อบ้านอาจารย์หลังนี้สร้างเสร็จ ก็ขนย้ายข้าวของต่างๆ มาจัดวางเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ มีผ้าม่านปิดคลุมไว้ไม่ให้ฝุ่นเข้า..ฟิล์มหนังถูกเก็บไว้ในบ้านหลังนี้ตลอดมากระทั่งพวกเราไปพบนี่แหละครับ..บอกตรงๆ ว่า วันนั้นพวกเราตื่นตะลึงเพราะเห็นชื่อหนังที่เขียนไว้ข้างกระเป๋า เพราะมันคือสิ่งที่สูญหายไปจากประวัติศาสตร์หนังไทยมาช้านานแล้ว..เป็นหนังที่บอกว่า พวกเราจะหาดูที่ไหน ไม่ได้อีกแล้ว พวกเราค่อยๆ เปิดฝากระเป๋าหนังดู ก็พบว่า ฟิล์มในกระเป๋านั้นยังค่อนข้างดี ไม่ค่อยมีกลิ่นเปรี้ยว ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า อายุฟิล์มมากขนาดนั้น จะยังอยู่ได้..

           อาจารย์ประนอมบอกว่า ฟิล์มหนังทั้งหมดเป็นของเตี่ย เตี่ยรักและหวงมากๆ จึงไม่เคยคิดที่จะขายให้ใครๆ แต่เมื่อทราบความประสงค์ของพวกเรา ก็เห็นด้วยกับวิถีทางการนำเสนอข้อมูลในเชิงประวัติศาสตร์หนังไทยที่พวกเราทำอยู่ ถือว่าเป็นการให้ความรู้กับคนทั่วๆ ไป ไม่ใช่เรื่องของการค้าขายจึงสอดคล้องกับอุดมการณ์การเป็นครูมาชั่วชีวิตของอาจารย์ประนอม ท่านก็เลยอนุญาตให้พวกเรายืมฟิล์มหนังมาใช้ได้..จากนั้นก็พาพวกเราไปจุดธูปไหว้ขออนุญาตจากเตี่ยเช่นกัน..  วันนั้น พวกเรานำฟิล์มมาไม่หมดเพราะรถตู้รับไม่ไหวแล้ว แต่ก็เรียกว่า ได้มาเยอะมากๆ ก็เลยบอกอาจารย์ว่า พวกเราจะรีบทำความสะอาดและฉายให้เสร็จเร็วๆ จะได้นำฟิล์มมาส่งคืนและยืมฟิล์มเรื่องอื่นๆ อีกต่อไป อาจารย์ประนอมก็ตกลง.. นอกจากนี้ อาจารย์ยังบอกอีกว่า จะพยายามค้นหาภาพถ่ายโรงหนังเฉลิมเอกให้ด้วย


           ก่อนที่เราจะดูเทปสัมภาษณ์พูดคุยและบรรยากาศอื่นๆ ของการเข้าไปเปิดกรุฟิล์มโรงหนังเฉลิมเอกนั้น ผมอยากบอกว่า ถ้าไม่มีกรุฟิล์มแห่งนี้ ประวัติศาสตร์หนังไทยจะขาดหายไปอีกนับสิบๆ เรื่องเลยนะครับ..

           ขอบคุณ คุณมานะ หวายทิพย์ ด้วยครับสำหรับการจะเล่าถึงประวัติโรงหนังเฉลิมเอกแห่งนี้..อาจารย์ประนอมบอกพวกเราว่า ตัวอาจารย์จะเกี่ยวข้องกับกิจการโรงหนังของเตี่ย ก็ตรงที่ขายตั๋วหนังเท่านั้น ส่วนเรื่องรูปถ่ายโรงหนังหรืออื่นๆ นั้น จะพยายามช่วยค้นหาให้..คงต้องพึ่งคุณมานะนี่แหละครับ..ส่วนการนำฟิล์มไปคืนให้อาจารย์นั้น ตอนนี้ยังกำหนดไม่ได้ แต่อยู่ในเวลา 2 เดือนนี่แหละครับ คิดว่าตอนไปหาอาจารย์นั้น ผมจะปริ้นซ์กระทู้บทนี้ไปให้อาจารย์อ่านด้วยเพราะท่านไม่ได้เล่นอินเตอร์เน็ตหรือเฟสบุ๊ก อยากให้ท่านเห็นว่ามีเพื่อนๆ สนใจกรุฟิล์มหนังของเตี่ยท่านมากแค่ไหน. นี่ขนาดผมยังไม่ได้บอกรายชื่อหนังนะครับ (แต่ถ้าเปิดคลิปสัมภาษณ์ดูก็จะเห็นกระเป๋าหนังเป็นบางเรื่องอยู่แล้ว) ขอเวลาผมตรวจเช็คฟิล์มหนังและฉายหนังดูก่อนนะครับ จะได้ไม่ผิดเรื่อง แต่รับรองว่า เป็นหนังไทยเก่าๆ ที่หาดูที่ไหนไม่ได้แล้วครับ..ส่วนภาพข้างล่างนี้เป็นภาพบรรพบุรุษของท่านครับ..

           ตรงนี้แหละครับที่อาจารย์ประนอมพาพวกเราจุดธูปบอกกล่าวก่อนที่จะยืมฟิล์มมาฉายครับ..ถ้าใครดูเทปสัมภาษณ์แล้ว จะเห็นว่า อาจารย์เป็นคนใจดี คุยสนุก ฟังแต่เสียง เห็นแต่ภาพ ก็ไม่นึกว่าอายุท่านจะปาเข้าไปถึง 70 ปีแ้ล้วครับ..ไปครั้งที่แล้ว เรายังคุยกันได้ไม่มาก ผมว่า ถ้าเรานำฟิล์มไปคืนท่านครั้งหน้านี้ เราควรจะอยู่คุยกับท่านนานๆ นะครับ.. เพื่อนๆ คนไหนว่างก็รวมๆ กันไป ร้อยเอ็ดรถวิ่งไปประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถึง.. เราไปถึงก็เที่ยงๆ จากนั้นก็นำฟิล์มไปใส่กระเป๋าเดิม จัดเรียงให้เรียบร้อย และยืมฟิล์มส่วนที่เหลือมาอีก.. จากนั้นก็อยู่คุยกับท่าน ระหว่างนั้นก็นำไฟล์หนังที่แปลงเสร็จแล้วไปฉายให้ดูด้วย ดูกันไป คุยกันไป ค่ำๆ ก็พาท่านไปหาอาหารอร่อยๆ ทานกัน.จากนั้นก็นอนค้างสักคืน.. แล้วเช้าๆ ก็ออกมาทำบุญให้เตี่ยท่าน จากนั้นก็กลับกรุงเทพฯ..เพื่อนๆ เห็นเป็นประการใดบ้างครับ..


           ครับ พรุ่งนี้ คุณนุฯ ไม่อยู่บ้านเพราะติดงานบริษัทที่นัดไว้แล้ว แต่ว่าผมก็จะเข้าไปบ้านคุณนุฯ ไปตรวจเช็คฟิล์มหนังต่างๆ คิดว่า คงจะต้องอยู่จนดึกนะครับ ต้องงดไปคลองถมนะครับ. ช่วงนี้กำลังทุ่มเวลาให้กับฟิล์มกรุนี้ก่อนครับ ต้องเร่งทำให้เสร็จเร็วๆ จะได้ไปอาจารย์อีกขณะนี้ ก็กำลังปรับแต่งสีหนังไทยที่ผมเคยขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ไปแล้ว.. เรื่องนี้ฟิล์มต้นฉบับก็ไม่เหลือ ฟิล์มชุดอื่นๆ ก็หายเข้ากลีบเมฆ..โชคดีที่เตี่ยของอาจารย์ประนอมเป็นคนรักข้าวของต่างๆ เมื่อเลิกกิจการแล้ว ก็ยังเก็บฟิล์มไว้..

           โชคดีจึงเป็นของพวกเราที่จะได้เห็นหนังที่คิดว่า สาบสูญไปแล้ว.. ฟิล์มตัวนี้อายุ 37 ปีแล้ว เส้นฝนก็เยอะเหมือนกัน แต่หนังยังดูได้ครับ..เพราะเก็บไว้ในกล่องไม้ที่เตี่ยดัดแปลงมาเป็นกระเป๋าฟิล์ม หนังจึงรอดมาอย่างปาฎิหาริย์.. หนังเรื่องทีว่าคือ เจ้าพ่อ 7 คุก หนังปี 2520 สมบัติ-สรพงศ์ นำแสดง.. สำหรับท่านที่ยังไม่รู้จักอาจารย์ประนอม ก็ต้องดูเทปสัมภาษณ์นี้ครับ อาจารย์ประนอม แซ่เซีย ลูกสาวเจ้าของโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ผู้ซึ่งให้พวกเรายืมฟิล์มหนังไทยเก่าๆ มา..ส่วนเรื่องการเดินทางไปร้อยเอ็ดนั้น รอฟังเพื่อนๆ ท่านอื่นอีกนะครับ (ปล.วันนี้ยูทูปไม่โชว์ภาพตัวอย่างครับ)

คลิกได้เลยครับ..





เจ้าของโรงหนังก็คือ นายเอี่ยวเซีย แซ่เซีย

ประนอม แซ่เซีย


คลิ๊กชม...
เปิดกรุโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ของนายเอี่ยวเซีย แซ่เซียและประนอม แซ่เซีย



<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/tupVfVMFzGQ?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
...............


           พวกเรายินดีอย่างยิ่ง ถ้าจะได้คุณมานะ หวายทิพย์ มือฉายหนังของโรงหนังเฉลิมเอก ร่วมเดินทางไปร้อยเอ็ดไปหาอาจารย์ด้วยกัน..ผมว่า วันนั้นคงสนุกน่าดูเพราะภาพความหลังหรืออดีตเก่าๆ ของโรงหนังเฉลิมเอก คงจะปรากฏชัดมากขึ้นเพราะทุกวันนี้ คุณมานะก็เริ่มฟื้นความหลังออกมาพวกเราฟังเรื่อยๆ แล้วครับ เรานั่งกินอะไรกันไป คุยกันไปแล้วฉายหนังจากฟิล์มของเตี่ยไปก็ดีนะครับ..ส่วนฟิล์มหนังเรื่อง บ้า สมบัติ-อรัญญา นั้น วันนั้นผมยังหาไม่เจอครับ เรายังหาไม่หมดครับ ยังมีบางส่วนที่ไม่มีกระเป๋าใส่ด้วยครับ.. ตอนนี้ ผมก็พยายามจะเร่งซ่อมฟิล์มให้เร็วที่สุด อยากไปหาอาจารย์แล้วครับ.. เดี๋ยววันนี้ผมก็จะหายไปทั้งวันนะครับ ไปซ่อมฟิล์มก่อน..แต่ว่าก่อนจะไปซ่อมฟิล์มนั้น ผมขอฉายภาพนิ่งจากฟิล์มหนังของโรงหนังเฉลิมเอกที่พวกเราเลือกมาฉายก่อนนะครับ เรื่องนี้ทำเสร็จแล้วครับ ดูภาพนิ่งก่อนนะครับ ...35 มม.สโคป ภาพเต็มสัดส่วน..มีเส้นฝนครับ






สีของฟิล์มไม่ค่อยเหมือนกัน เวลาปรับสี จึงยากหน่อยครับ




ฉากนี้ สมบัติ กินหนู..


นิรุตติ์-ศิริขวัญ


ฟิล์มทั้งเรื่องสีเฟด แดงๆ แต่ว่าเราปรับแก้สีได้นิดหน่อยครับ


หนังที่เป็นภาพเคลื่อนไหวนั้น เดี๋ยวค่อยตัดต่อโพสฉายนะครับ วันนี้ดูภาพนิ่งไปก่อน


ขบวนช้าง..ตอนท้ายๆ เรื่อง



ดาวร้าย ดามพ์ ดัสกร..


สมบัติ-เนาวรัตน์..


สำหรับหนังเรื่อง เจ้าพ่อ 7 คุกนั้น พวกเรานำกระเป๋าไม้ที่ใส่ฟิล์มหนังมาด้วยครับ หาดูกระเป๋าแบบนี้ได้ยาก ก็เลยขอยืมอาจารย์มาด้วย ใครอยากถ่ายรูปคู่กับกระเป๋าประวัติศาสตร์นี้ ก็ต้องไปบ้านคุณนุฯนะครับ.. ภาพนี้ เกชา เปลี่ยนวิถี


หนังมีตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบแบบนี้ครับ..แต่ว่าระหว่างเดินเรื่องนั้นก็มีขาดๆ หายๆไปบ้าง..แต่ก็ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดเพราะนี่คือ ฟิล์มชุดสุดท้ายที่ถูกค้นพบจากกรุโรงหนังเฉลิมเอกครับ.. ตอนนี้ ผมขอตัวเดินทางไปซ่อมฟิล์มที่บ้านคุณนุฯ ก่อนนะครับ...


สำหรับท่านที่ยังไม่รู้จักอาจารย์ประนอม ก็ต้องดูเทปสัมภาษณ์นี้ครับ อาจารย์ประนอม แซ่เซีย ลูกสาวเจ้าของโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ผู้ซึ่งให้พวกเรายืมฟิล์มหนังไทยเก่าๆ มา..(ปล.วันนี้ยูทูปไม่โชว์ภาพตัวอย่างครับ)

คลิกได้เลยครับ..


           สวัสดีครับทุกท่าน..ช่วงนี้ผมยังจะอยุู่กระทู้นี้ก่อนนะครับ.. สำหรับ เจ้าพ่อ 7 คุก นั้น คงต้องรอเวลาอีกสักพักนะครับถึงจะตัดต่อและโพสฉาย ตอนนี้ ผมเอาเวลาไปตรวจเช็คฟิล์มก่อนนะครับ อยากเร่งให้เสร็จเร็วๆ นะครับเพราะมีฟิล์มตั้ง 92 ม้วนที่ยืมมาจากอาจารย์ประนอม ไม่รู้ว่าจะเสร็จวันไหนเพราะสภาพฟิล์มแต่ละเรื่อง แตกต่างกัน.. แล้วก็ยังฟิล์มที่ยืมมาคุณโอ เทพมงคล อีก 62 ม้วนที่ก็ต้องเร่งทำเช่นกัน ช่วงนี้ ต้องแข่งกับเวลา แข่งกับการตายของฟิล์มบางเรื่องด้วยครับ..

           วันนี้ ผมก็ตรวจเช็คฟิล์มได้ 6 เรื่อง บางเรื่องก็ได้มาครบเรื่อง มาเรื่องก็ได้เพียงครึ่งเรื่องเท่านั้น บางเรื่องก็ยังแยกไม่ออกว่า ม้วนไหนเป็นม้วนไหน ส่วนสภาพฟิล์มที่เช็ควันนี้มี 2 เรื่องที่ฟิล์มเปราะบาง มีรอยแตกเยอะมากๆ ไม่รู้จะซ่อมไหวหรือเปล่า จะฉายได้หรือเปล่า เป็นหนังปี 2515 ที่ครรชิต-อรัญญา แสดงนำ..คิดว่า พรุ่งนี้จะลองฉายดูก่อนว่า จะผ่านเครื่องหรือไม่.. ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่สภาพเปราะบาง มีรอยแตกเยอะมากๆ เช่นกันเป็นหนังปี 2517 ยอดชาย-ภาวนา แสดงนำครับ หนังหาดูไม่ได้แล้ว ต้องพยายามช่วยเขาหน่อย อุตส่าห์เหลือฟิล์มมาถึงมือเราตั้ง 5 ม้วน..แต่ที่โหดที่สุดของวันนี้ก็คือ หนังปี 2518 สมบัติ-ภาวนา แสดงนำ เรื่องนี้ฟิล์มไม่ค่อยแตกครับ แต่ว่า ฟิล์มบิดงอ แบบว่าฟิล์มหนึ่งม้วนต้องตัดแยกออกมาเป็น 2 ม้วนครับ มันล้นม้วน แถมยังมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวโชยตลบทั้งบ้าน..

           จากฟิล์มที่ได้มา 5 ม้วน เรื่องนี้ก็ต้องซอยแบ่งออกเป็น 10 ม้วนครับ ไม่งั้นฉายลำบาก.. และด้วยความที่ห่วงว่า ฟิล์มน่าจะอยู่อีกไม่นานเพราะสภาพบิดงอมากๆ หากปล่อยให้โดนอากาศ โดนลมจะยิ่งโป่งพองและจะมีบางส่วนแข็งตัว อาจจะวิ่งไม่ผ่านประตูฟิล์ม..ดังนั้น คืนนี้จึงลัดคิวฉายหนังเรื่องนี้ก่อน กว่าจะสำเร็จได้ เล่นเอาเหนื่อยครับ ภาพออกมาจะมีรอยพลิ้วตามจังหวะการบิดของฟิล์มด้วยครับ แต่ดีที่ฟิล์มยังผ่านประตูฟิล์มได้ครับ.. เป็นอันว่า คืนนี้ เราช่วยหนังที่สูญพันธุ์ไปแล้ว กลับมาเรื่องหนึ่งครับ นั่นคือเรื่อง พ่อยอดมะกอก.. ครับ...


           หนังเรื่องที่ว่าคือ 11 มม. จริงๆ แต่ว่าเราค้นเจอมาเพียง 3 ม้วนเองครับ เป็นหนังที่เก่าที่สุดในกรุฟิล์มนี้ครับ แต่สภาพก็เยินอย่างที่บอกไว้คือ มีรอยแตกรูหนามเตยมากเหลือเกิน วันนี้ แหละครับ จะรู้ผลว่า จะรอดหรือไม่รอด หรือว่าจะต้องซ่อมอีกนานแค่ไหน..


           หนังบางเรื่องของกรุโรงหนังเฉลิมเอกนั้น เนื่องจากเก็บไว้นานมากๆ บางเรื่องก็ไม่มีกระเป๋าใส่ฟิล์ม เข้าใจว่า กระเป๋าเปื่อยเสียหายไปแล้ว ก็เลยเอากระเป๋าทิ้งไป ฟิล์มบางเรื่องก็ถูกกองๆ ไว้ พอเรานำกลับมา ก็ต้องมาเลือกดูว่า เป็นหนังเรื่องอะไรกันบ้าง อย่างแรกๆ ก็คือ เช็คจากสีของฟิล์มว่า เป็นโทนเดียวกันหรือไม่ จากนั้นก็จับแยกๆ เป็นกลุ่มๆ ไว้ แล้วก็ต้องพยายามเดาให้ได้ว่า หนังม้วนนั้นเป็นม้วนที่เท่าไรของเรื่อง..ซึ่งเท่าที่ปรากฏมานั้น หนังกรุนี้ไม่นิยมเจาะรูฟิล์มเป็นสัญลักษณ์เหมือนปัจจุบัน เขาจะใช้วิธีใส่กระเป๋าฟิล์มไว้ แล้วเรียงเป็นม้วน 1-2-3 จากฝากระเป๋าไป..

           เราต้องหยิบให้เป็นด้วย ไม่งั้นก็ผิดม้วนอีก บางเรื่่องก็มีการใช้ตะปูขูดเขียนเป็นตัวเลขไว้ที่ช่วงต้นๆ ม้วน เช่น ถ้าเห็นที่ต้นๆ ม้วนเขียนเลขว่า 3 นั่นก็คือ เป็นหนังม้วนที่ 3.. แต่ส่วนใหญ๋ไม่ค่อยเขียนไว้ครับ คราวนี้ พอเราได้ฟิล์มมาแบบรวมๆ กัน ก็เลยต้องใช้วิธีฉายไปก่อน แล้วค่อยมาคิดว่า เป็นหนังม้วนที่เท่าไร.. แต่ถ้าหนังโดดมากๆ ก็ต้องอาศัยเรียงม้วนจากความจำที่เคยดูมาก่อน.. แต่ถ้าไม่เคยดูมาก่อน ก็ต้องอาศัยอ่านเรื่องย่อจากหนังสือดาราเก่าๆ แบบนี้แหละครับ.. เรื่อง พ่อยอดมะกอก นี้หนังมาไม่ครบเรื่อง ก็เลยต้องดูจากเรื่องย่อนี้ แล้วก็เรีียงม้วนครับ..

           ผมขอรายงานความคืบหน้านะครับ.. วันนี้ ตอนบ่ายๆ อาจารย์ประนอมฯ ได้โทรศัพท์มาหาผม..บอกว่า ทราบเรื่องของพวกเราเพิ่มเติมขึ้นจากคุณมานะ หวายทิพย์ แล้วและยังบอกอีกว่า ตอนนี้อาจารย์ได้ค้นหารูปถ่ายที่เกี่ยวกับโรงหนังเฉลิมเอกได้แล้วหลายแผ่นครับ..จะเก็บไว้รอพวกเราไปรับกลับมา.. ผมก็เลยบอกอาจารย์ว่า พวกเรากำลังเร่งซ่อมฟิล์มและฉายหนังกันอยู่ครับ คิดว่า จะฉายให้เสร็จเร็วที่สุดและจะรีบนำฟิล์มไปคืนอาจารย์พร้อมกับรับภาพนิ่งโรงหนังเฉลิมเอกและจะขอยืมฟิล์มหนังบางเรื่องที่พวกเรายังมาไม่ครบกลับมาอีกด้วย..

           ผมบอกว่า ไปงวดนี้จะปริ๊นข้อความในกระทู้บทนี้ไปให้อาจารย์อ่านด้วยและจะนำหนังกรุนี้ไปฉายให้ดูด้วย.. งวดนี้จะค้างคืนด้วย จะได้พูดคุยกันให้สนุกไปเลย คุณมานะก็บอกว่าจะไปด้วยกัน..ท่านดีใจมากๆ ที่พวกเราจะไปเยี่ยมไปหาครับ..ผมคาดว่า น่าจะเป็นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์กลางเดือนมิถุนายนนะครับ.. ส่วนความคืบหน้าเรื่องหนังนั้น มาถึงวันนี้ พวกเราเช็คฟิล์มและฉายไปแล้วจำนวน 10 เรื่อง มีทั้งหนังที่จบเรื่องและไม่จบเรื่องครับ..คิดว่า ช่วงนี้จะเร่งทำให้เสร็จทั้งกรุก่อน จากนั้นก็จะนำฟิล์มไปคืนอาจารย์ อยากให้อาจารย์เห็นหนังก่อน แล้วผมก็จะค่อยๆ ทยอยนำมาโพสเป็นเรื่องๆ เป็นบทไปนะครับ..อดใจรอหน่อยนะครับ


           เห็นเพื่อนๆ สนใจหนังเก่ากรุนี้กันมาก ผมก็เลยแจ้งรายชื่อหนังให้ทราบไว้ก่อน แต่ว่าที่บอกว่า ฉายแล้วก็คือ ฉายแล้วนะครับ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการตัดต่อ ปรับแต่งภาพและลำดับเรื่อง(ม้วน) ให้ถูกต้องเพราะฉายไม่เรียงม้วนนะครับ.. ฉายไป 10 เรื่องก็ยังเหลืออีก 9 เรื่องครับ..(รายชื่อขอฉายก่อน จะแจ้งให้ทราบ บอกก่อน กลัวผิดครับ) ส่วน 1 ใน 9 ก็คือ หนัง 16 มม.ที่ยังไม่ทราบชื่อ ดูฟิล์มแล้วโดนความชื้น ภาพจะลอกๆ ทั้ง 4 ม้วนครับ เอาไว้ฉายเรื่องสุดท้ายครับ..เพื่อนหลายคนดีใจที่เราได้หนังกรุนี้มาดู.. ตอนนี้หนังยังไม่ฉาย ก็ดูเทปเจ้าของกรุฟิล์มไปก่อนนะครับ

คลิกได้เลยครับ..





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 พฤษภาคม 2014, 12:38:36 โดย นายเค »


สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย
           พวกเราคงจะเดินทางไปโดยรถตู้คันที่เคยไปนั่นแหละครับ คนขับชื่อ พี่เที่ยง เป็นรถตู้ของลูกสาวพี่แอ๊ด จีราภา ปัญจศีล ดาราทองพระราชทานรุ่นเดียวกับมิตร ชัยบัญชา ครับ พี่เอ็ม อิงคศักย์ ใช้ประจำเวลามีกิจกรรมในกลุ่มเราครับ..ตามปกติรถตู้คันนี้นั่งได้ประมาณ 10 คนครับ คือ หลัง 3-3-3 และหน้า 1 แต่ว่างวดนี้ ผมต้องใส่ฟิล์มหนังไปคืนอาจารย์ด้วย ก็ยังมีที่นั่งได้ครับ..แล้วค่อยนัดหมายกันอีกทีว่า จะเดินทางได้วันไหน ตอนนี้ กำลังเร่งซ่อมฟิล์มและฉายทำภาพอยู่ครัับ เหลืออีก 8 เรื่อง ก็จะหมดแล้วครับ.. ขอบคุณ คุณมานะ หวายทิพย์ อย่างมากครับที่จะอำนวยความสะดวกให้และร่วมเดินทางไปด้วยกัน..


           ส่วนเรื่องการเช็คฟิล์มนั้น ผมเช็คคร่าวๆ เพราะเราไม่ได้ฉายหนักเหมือนหนังโรง หนังกลางแปลง ไม่ใช้เตาอ๊าคหรือแสงซีน่อน เครื่องก็เลยไม่ร้อน เราก็ซ่อมฟิล์มแค่พอฉายผ่านหัวเครื่องเท่านั้นครับ.. ส่วนที่พี่ตุ๊กตาบอกว่า มองไม่เห็นภาพในเฟสบุ๊กนั้น ก็เห็นคนอื่นๆ บอกเหมือนกันว่า บางทีถ้าเราไม่ได้เล่นจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เราจะไม่เห็นภาพหรือเห็นวีดีโอครับ.. ปิดท้าย คืนนี้ด้วยภาพนิ่งจากฟิล์มหนังที่ผมเคยขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ไปแล้วเพราะไม่มีฟิล์มเนกาตีฟ ไม่เคยมีการทำวีดีโอเทปไว้ด้วย.. และไม่มีข่าวคราวเรื่องกากฟิล์มหนังอีกเลย หนังฉายออกโรงไปตั้งแต่ปี 2519 ก็ตระเวนฉายไปตามหนังเร่ หนังกลางแปลงและก็หายไปตามกาลเวลา.. หนังชื่อ ชะตาชีวิต..แล้วก็เหมาะเจาะเหลือเกินที่ผมได้รู้จักอาจารย์ประนอม.. ไปหาอาจารย์มาตั้งแต่ปี 2546 ตอนนั้นผมยังมองไม่เห็นฟิล์มเรื่องนี้..และเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พวกเราไปหาอาจารย์อีก ก็เจออาจารย์อย่างบังเอิญ แล้วเจอหนังไทยเก่าๆ หลายๆ เรื่องรวมทั้ง ชะตาชีวิต..

           แทบไม่น่าเชื่อว่า ฟิล์มหนังทั้ง 7 ม้วนจบ แม้จะเป็นฟิล์มธรรมดา แต่เพราะเตี่ยอาจารย์สร้างกล่องใส่ฟิล์มด้วยแผ่นไม้ จึงทำให้ฟิล์มมีอายุคงทนมาถึงมือเราได้ ฟิล์มไม่มีกลิ่น ไม่อับ ไม่ชื้น ฉายผ่านสบายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราได้เห็น ด.ญ.ตุ๊กตา จินดานุช สมาชิกของเราในหนังเรื่องนี้ด้วย ผมดูจากใบปิดโฆษณาแล้ว ไม่ได้ลงชื่อไว้ แต่ในไตเติ้ลเขาเขียนไว้ครับ ผมฉายหนังเรื่องนี้จบแล้ว เหลือแต่ปรับแต่งภาพให้เป็นแบบจอสโคปและแก้สีเท่านั้น..วันนี้ ก็เลยนำภาพนิ่งจากฟิล์มมาฝากพี่ตุ๊กตาก่อนนะครับ.. ป.ล.มีเพื่อนๆ บอกว่า หนังฉายปี 2519 แต่ทำไม ด.ญ.ตุ๊กตา จึงยังเด็กๆ อยู่เลย ไม่รู้ว่าหนังฉายช้าไปหรือเปล่าครับ..


เรื่องที่ทำเสร็จแล้ว...อีเสือ ปี 2520


กรุง ศรีวิไล เป็นพระเอก...


ศศิมา สิงห์ศิริ-กรุง จากเรื่อง อีเสือ


แต่บทเด่นๆ จะอยู่กับ วาสนา ชลากร ที่รับบทเป็น อีเสือ..

           ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะมาเยี่ยมชมนะครับ ช่วงนี้ ผมกับเพื่อนๆ พยายามจะเร่งตรวจซ่อมและฉายหนังกรุโรงหนังเฉลิมเอก ของนายเอี่ยวเซีย แซ่เซียและอาจารย์ประนอม แซ่เซีย ให้เสร็จเร็วๆ นะครับ..บางเรื่องก็ฉายแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแต่งสี แต่ก็พยายามจะรายงานให้เพื่อนๆ ทราบก่อนครับ.. วันนี้ก็เลยจะนำภาพที่ยังไม่แต่งสีของหนังหลายๆ เรื่องที่ทำแล้วมาให้ชมกันก่อนนะครับ เริ่มจากเรื่อง 2 สิงห์เอเซีย หนังปี 2520 ภาพนี้ อรัญญา-ตึ้งกวงหยง..



ภาพยังไม่ปรับแต่งสีนะครับ เป็นหนังปี 2520 พวกเราค้นเจอฟิล์มได้มาก่อนเพียง 3 ม้วนครับ


เรื่องนี้ พระเอกฮ่องกง พบ พระเอกไทย..


แล้วนี่ก็พระเอกไทยครับ สมบัติ เมทะนี จากเรื่อง 2 สิงห์เอเซีย


ต่อไปก็เรื่อง 11 ม.ม. หนังปี 2515 เรื่องนี้ก็ได้มาเพียง 3 ม้วนสั้นๆ ครับ


สภาพฟิล์มยังดีอยู่ครับ.. พระเอกคือ ครรชิต ขวัญประชา..


มี ลือชัย นฤนาท เป็นดารารับเชิญด้วยครับ..แม้ยังไม่ปรับแต่งสี แต่ภาพก็ยังใช้ได้นะครับ


ภาพนี้ ครรชิต-อรัญญา จากเรื่อง 11 ม.ม. ปี 2515


จากในกระท่อม ก็มาถึงฉากในบ้านครับ หนังยังได้มาไม่ครบ คุณจุ๊บบอกว่า ถ้าไปอีกคราวนี้ จะขอค้นให้เจอม้วนอื่นๆ ให้ครบเลยครับ..


แล้วก็มาถึงอีกเรื่อง ยังไม่ปรับแต่งสีนะครับ นำมาให้ดูก่อน เรื่อง นางงูเห่า ปี 2519 ภาพนี้ อรัญญา นามวงษ์ ครับ


แล้วนี่ก็พระเอก นางงูเห่า สมบัติ เมทะนี ครับ..ฉากนี้เจอนางเอกตอนกลับไปหลบซ่อนตัวในป่า หนังได้มาครบ 7 ม้วนครับ

สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย
ดูภาพ นางงูเห่า ไปเรื่อยๆ นะครับ


ภาพนี้มี ประจวบ ฤกษ์ยามดี และ ลักษณ์ อภิชาติ ด้วยครับ นางงูเห่า


นางงูเห่า อีกครับ


ท่ายิงปืนสวยๆ ของ นางงูเห่า ปี 2519 หนังที่คิดว่า จะไม่ได้ดูแล้ว แต่กรุโรงหนังเฉลิมเอก ก็สานฝันให้คนไทยได้ดีใจกันอีกครั้ง..


ถัดมาที่ฉายแล้วก็คือ มันส์เขาล่ะ หนังปี 2521 แต่ว่าฟิล์มค่อนข้างแย่ครับ


มันส์เขาล่ะ รวมดาราตลกไว้เยอะครับ.. แต่ว่าพวกเราได้มาก่อนเพียง 3 ม้วนครับ..


ล้อต๊อก ชูศรี ก็มาครับ..


นางเอกก็มาเยอะครับ..เดี๋ยวปรับแต่งสีเสร็จ ก็จะดีขึ้นนะครับ..


มันส์เขาล่ะ..


อีกสักภาพครับ มันส์เขาล่ะ หนังได้มาเพียง 3 ม้วนครับ คุณจุ๊บบอกว่า จะพยายามค้นฟิล์มให้เจออีกครับ


สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย
วันนี้ ลงภาพนิ่งรายงานความคืบหน้าไปเรื่อยๆ นะครับ เรื่องนี้เป็นหนังที่เพื่อนๆ หลายคนถามถึง..หนังปี 2520 เรื่อง ศึก 5 เสือ..


หนังได้มาครบ 7 ม้วนครับ..ศึก 5 เสือ


สมบัติ-อรัญญา จาก ศึก 5 เสือ..


สุริยา-เนาวรัตน์ ก็มาครับ.. ศึก 5 เสือ


ฉากท้ายๆ เรื่อง ยกขบวนดาวร้ายมาเต็มจอ..


โฉมหน้าดาวร้ายของ ศึก 5 เสือ


ปิดท้าย ศึก 5 เสือ..ทำเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ปรับแต่งสีนะครับ


          เรื่องท้ายสุดที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ก็คือ หนังเรื่อง สองเสือใจสิงห์.. หนังปี 2520 สภาพฟิล์มค่อนข้างแตกเยอะ แต่ก็พยายามฉายก็ผ่านออกมาได้ครับ เรื่องนี้มีดาราญี่ปุ่นมาแสดงด้วยครับ..


ส่วนดาราไทยก็คนนี้แหละครับ กรุง ศรีวิไล.. แต่หนังได้มาเพียง 2 ม้วน ก็เป็นภาระที่คุณจุ๊บจะต้องกลับไปค้นหาให้เจออีกเพราะได้มาเป็นม้วนที่ 4 ม้วนที่ 5 เท่านั้น



มีดาราคนนี้ด้วยครับ สองเสือใจสิงห์..


เรื่องนี้ ฟิล์มสีซีดๆ จนอาจปรับแต่งสีไม่ได้แล้วนะครับ


สองเสือใจสิงห์ ปี 2520


ท้ายๆ ของม้วนที่ 5 เรื่อง สองเสือใจสิงห์ ครับ.. แล้วจะกลับมารายงานความคืบหน้าต่อไปครับ


ที่มีวันนี้ได้นั้น ทั้งหลายทั้งปวง พวกเราต้องขอบคุณเจ้าของกรุฟิล์ม..

คลิ๊กดูที่นี่..



           ครับ..ยังมีหนังที่คาดไม่ถึงอีกมากครับ..ถ้าไปด้วยกันงวดนี้จะได้ช่วยคุณจุ๊บรื้อค้นครับเพราะยังมีหนังบางเรื่องที่ต้องตามหาม้วนที่เหลือๆ ที่กองๆ ไว้แบบนี้อีกครับ..


           ผมลองคำนวนเวลาดูคร่าวๆ แล้ว พวกเราน่าจะนำฟิล์มไปคืนอาจารย์ประนอมได้อย่างเร็วที่สุดวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายนนี้นะครับ เดี๋ยวจะลองถามอาจารย์ดูว่า ท่านอยู่บ้านหรือไม่ครับ.. ส่วนหนังจากกรุนี้นั้น เดี๋ยวค่อยโพสให้ชมนะครับ..

           แทรกภาพก่อนนะครับ ฉายไปแล้วครับ ได้มาไม่จบเรื่อง..มานพ-เหมยฟ้า จากเรื่อง เผาขน ปี 2519.. ป.ล.ฝากบอกคุณMaxkie Mitt หน่อยครับ ยังเหลือหนังกรุง ศรีวิไล อีก 2 เรื่องที่ยังไม่ได้ฉาย จะให้รอฉายสดๆ วันเสาร์นี้หรือไม่ครับ..ส่วนความเห็นของท่านอื่นๆ เดี๋ยวเข้ามาตอบครับ..


ก่อนจะพูดคุยอะไรกัน ดูภาพนิ่งจากหนังที่ทำเสร็จแล้ว แต่ยังไม่แก้สีนะครับ จากเรื่อง เผาขน ปี 2519 เหมยฟ้า ดาวยั่วสมัยนั้น


อรัญญา นามวงษ์ กับฉากที่หลายคนถามหา.. เผาขน ปี 2519


เผาขน...


เผาขน..ปี 2519


เผาขน นั้นได้มาก่อน 3 ม้วนครับ ยังต้องตามหาส่วนที่เหลือครับ..


ส่วนภาพนี้มาจากเรื่อง ชะตาชีวิต ปี 2519 ยังไม่แก้สีนะครับ


จากเรื่อง ชะตาชีวิต


ชะตาชีวิต ขึ้นชื่อ ยอดชาย เป็นพระเอก แต่บทหนักๆ ตกอยู่ที่ ครรชิต ครับ


ชะตาชีวิต นั้นได้หนังมาครบ 7 ม้วนครับ สมบูรณ์มากๆ..


ท้ายๆ เรื่องเมื่อลูกสาวของ ครรชิต-เพชรา โตขึ้นก็จะถึงบทของ ด.ญ.ตุ๊กตา จินดานุช ครับ ฉากนี้ร้องเพลงในโรงเรียน..


สุดท้ายของ ชะตาชีวิต..


ต่อไปก็คือเรื่อง พ่อยอดมะกอก ปี 2518 เส้นฝนเยอะ ยังไม่แก้สี


พ่อยอดมะกอก ปี 2518 ครับ


หนังได้มา 5 ม้วนครับ ขาดม้วนที่ 1 ครับ..


พ่อยอดมะกอก..


ป้าหอม.. พ่อยอดมะกอก หนังตลกมากๆ ครับ


สายัณห์ จันทรวิบูลย์ ก็เล่นครับ พ่อยอดมะกอก..


จากนั้นก็มาถึงเรื่อง อาถรรพณ์สวาท ปี 2517 ครับ.


ยอดชาย-ภาวนา ครับ ยังไม่แก้สี จากเรื่อง อาถรรพณ์สวาท เรื่องนี้ได้มา 5 ม้วน ขาดม้วนจบครับ..ต้องให้คุณจุ๊บขุดหาต่อไป..


ยอดชาย ยุคที่ยังเป็นพระเอก ปี 2517


สายัณห์ จันทรวิบูลย์ มาในบทแอบรักภาวนา อีกแล้ว


หนังยังไม่จบดีครับ ถึงประมาณนี้ ฟิล์มก็หมดม้วนแล้ว จึงคิดว่า น่าจะขาดม้วนจบไปนะครับ..


          ไหนๆ ก็ฉายเสร็จแล้ว ก็เลยนำมาลงให้เห็นๆ เลยว่า กรุฟิล์มของโรงหนังเฉลิมเอกนั้นมีหนังหายากขนาดไหน..ใครไปบ้านคุณนุวันเสาร์นี้ ก็ขอดูเป็นตัวอย่างได้นะครับ.. ส่วนผมนั้นก็ต้องรีบไปตั้งแต่เช้าๆ ครับเพราะช่วงนี้ติดเคอร์ฟิว ก็เลยไม่ได้เข้าบ้านคุณนุ หนังที่คิดๆ ว่าจะฉายเสร็จ ก็เลยไม่เสร็จ ฉะนั้น เหลือแค่วันเสาร์-อาทิตย์นี้ที่จะต้องเร่งๆ ให้เสร็จเพราะแม้จะเหลืออีก 5-6 เรื่อง แต่ก็ยังมีฟิล์มแตกๆ ฉายยากๆ อีก 2-3 เรื่องที่ต้องใช้เวลานานครับ คืนวันเสาร์อาจไม่กลับบ้าน จะค้างคืนฉายให้เสร็จๆ เลยครับ....

          คราวนี้ ก็ขอรายงานความคืบหน้าต่อนะครับ เบื้องต้นเมื่อวานนี้ คุณมานะ หวายทิพย์ บอกว่า จะให้ญาติๆ ที่อยู่จังหวัดร้อยเอ็ด เข้าไปบอกอาจารย์ประนอมว่า พวกเราจะไปถึงวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายนนี้ ซึ่งคุณมานะก็บอกว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร อาจารย์คงอยู่บ้าน ส่วนคุณมานะเองก็จะเดินทางไปพร้อมกันกับเราด้วย สิ่งหนึ่งที่คุณมานะบอกไว้ก็คือ ตั้งแต่จากมานั้น ก็ยังคิดถึงข้าวของเครื่องใช้ของโรงหนังเฉลิมเอก ไปคราวนี้ อยากเข้าไปจัดแจง จัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อยครับ ซึ่งผมก็บอกว่าตรงกับใจของคุณจุ๊บเลยครับที่ประสงค์เช่นนั้นกัน..จากนั้นพวกเราก็จะนั่งคุย พูดคุยถึงอดีตของโรงหนังเฉลิมเอกโดยมีคุณมานะกับอาจารย์ประนอมร่วมกันฟื้นอดีตให้พวกเราฟัง..มีการทำบุญให้อาก๋ง เตี่ยและบรรพบุรุษด้วย เสร็จแล้วเราก็พักค้างคืนกัน เช้าวันที่ 8 มิถุนายน ก็เดินทางกลับ..ครับ เดี๋ยวผมรอฟังคุณมานะอีกครั้งหนึ่งว่า อาจารย์ทราบเรื่องหรือยัง ถ้าทราบแล้ว ก็จะรีบติดต่อรถตู้ของพี่เที่ยงเพื่อตกลงนัดหมาย จากนั้นก็มาถึงคิวเพื่อนๆ ละครับว่า ใครจะไปกับเราบ้าง หรือใครจะช่วยค่าใช้จ่ายหรือช่วยทำบุญครั้งนี้บ้างครับ.. ไปครั้งนี้ต้องนำฟิล์มประมาณ 90 กว่าม้วนใส่รถไปคืนด้วย คงต้องเสียพื้นที่รถไปเกือบครึ่งคันนะครับ..อาจจะไปได้ประมาณ 6 คนนะครับ...

          เมื่อช่วงบ่ายๆ ที่ผ่านมานี้ ผมโทรติดต่อพี่เที่ยงเพื่อจองรถตู้ไปร้อยเอ็ด เรียบร้อยแล้่วครับ เราไปค้างกันคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นวันอาทิตย์ก็เดินทางกลับ..ช่วงนี้ยังติดเวลาฯ ก็เลยไม่ได้ไปหาคุณนุ กลัวจะกลับบ้านไม่ทัน ทำให้หนังที่เหลือๆ ไม่คืบหน้า.. พรุ่งนี้วันเสาร์คิดว่า จะรีบไปแต่เช้านะครับ..ไปเร่งให้เสร็จเร็วๆ สำหรับเรื่องการเดินทางไปร้อยเอ็ดนั้น ตอนนี้ มีผู้ร่วมเดินทางหลักๆ ยืนพื้นรอแล้ว 3 คนคือ ผม คุณนุ ประเดิม สง่าแสง คุณจุ๊บ.. และตามมาติดๆ ก็เป็น พี่อี๊ด Aartoanr Roopchom กับ Maxkie Mitt ส่วนพี่ตุ๊กตา จินดานุช นั้นบอกว่า ถ้าได้สาวแตง โปสเตอร์ไปเป็นเพื่อนด้วย ก็จะไปด้วย งานนี้รอฟังสาวแตงว่า จะโอเคหรือไม่.. ที่ไปกันได้น้อยก็เพราะต้องกันที่ส่วนหนึ่งไว้วางฟิล์มหนังนะครับ..ส่วนท่านที่บอกว่า จะช่วยค่าใช้จ่ายหรือเงินทำบุญนั้นก็เตรียมตัวได้เลยครับ..

          วันเสาร์-อาทิตย์ที่เพิ่งผ่านมานี้ พวกเราหลายคนไปพบกัน ไปเป็นกำลังใจให้แก่กัน ไปนัดแนะกันว่า วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายนที่จะถึงนี้ จะมีพวกเราหลายๆ คนเดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ด ไปหาอาจารย์ประนอม.. ไปขอบคุณท่านที่อุตส่าห์เก็บประวัติศาสตร์หนังไทยไว้ให้พวกเราได้ดูกันอีก..ไปครั้งนี้ นอกจากพวกเราจะนำฟิล์มกลับไปคืนท่านแล้ว พวกเรายังจะไปแสดงความขอบคุณ ไปจุดธูปไหว้เตี่ยหรือนายเอี่ยวเซีย แซ่เซีย เจ้าของโรงหนังเฉลิมเอก ต้นตอแห่งการเก็บประวัติศาสตร์หนังไทยครั้งนี้ แถมเรายังจะได้ฟังเรื่องราวเก่าๆ จากคุณมานะ หวายทิพย์ คนฉายหนังคนแรกๆ ของโรงหนังเฉลิมเอก ที่จะมาเล่าบรรยากาศเก่าๆ ให้พวกเราฟังอีกด้วย..งานนี้จะเต็มไปด้วยไมตรีจิตและความอุบอุ่น..สรุปว่า ที่ลงตัวแน่ๆ พร้อมที่จะเดินทางไปด้วยกันแล้วมี 5 คนคือ ผม-พี่อี๊ด อาทร-คุณนุ-คุณจุ๊บ-คุณแม็กกี้..

          ส่วนพี่ตุ๊กตา รอดูไฟเขียวของสาวแตง โปสเตอร์ ก่อนว่า จะไปได้หรือไม่..พูดถึงพี่ตุ๊กตาแล้ว การเปิดกรุโรงหนังเฉลิมเอกครั้งนี้ทำให้เราได้พบหนังเรื่อง ชะตาชีวิต ปี 2519 ที่ ด.ญ.ตุ๊กตา แสดงไว้ ได้รับบทดีมากๆ มากขนาดว่า วันเสาร์ที่ผ่านมา พี่ตุ๊กตา จินดานุช ต้องขอไปดูหนังดูตาตัวเองก่อนที่บ้านคุณนุ อันเป็นที่มาของภาพข้างล่างนี้..และเพื่อความไม่ประมาท หากว่าสาวแตงเดินทางไม่ได้ พี่ตุ๊กตาก็ได้ฝากของไปขอบคุณอาจารย์ประนอมด้วยแล้วและยังฝากเงินไว้เป็นร่วมไมตรีจิตครั้งนี้ด้วยจำนวนหนึ่ง..ส่วนรายต่อมาที่ฝากเงินร่วมทำบุญไว้ก่อน ก็คือ น้องบัว หทัยชนก มงคล ครับ.. สรุปว่า ตอนนี้หนังจากกรุโรงหนังเฉลิมเอกชุดแรกที่พวกเราไปยืมมานั้นฉายหมดแล้วครับ..พรุ่งคอยดูว่า ผมจะเปิดกรุโรงหนังเฉลิมเอกด้วยหนังเรื่องอะไร...


          มีท่านใดทราบหรือไม่ว่า นี่คือ โรงหนังอะไร อยู่ที่ไหน..  ภาพจากหนังเรื่อง ชะตาชีวิต ปี 2519 ครับ..

          ผมว่า ลักษณะรูปร่าง ไม่เหมือนโรงหนังปารีส สะพานขาว นะครับ..แต่ผมเองก็ยังไม่ทราบว่าเป็นโรงไหนนะครับ..ทีนี่ มีขอข้อมูลการเดามาประกอบ แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะออกฉายปี 2519 นั้น แต่เท่าที่ฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากพี่ตุ๊กตา จินดานุช แล้ว หนังน่าจะถ่ายไว้ก่อนหลายปี ดูจากการเติบโตของตัวพี่ตุ๊กตานะครับ..หากเราสังเกตป้ายโฆษณาที่โรงหนังนี้จะมีหนังรอโปรแกรมฉายอยู่ เช่น รสสวาท ที่เข้าฉายครั้งแรก 30 มิถุนายน 2516 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมไทย.. รสสวาท ออกฉายครั้งแรก 29 มิถุนายน 2516 ที่โรงหนังแมคเคนน่า..ซึ่งสมัยปีนั้น หนังเรื่องหนึ่งๆ จะฉายกันครั้งแรกในกรุงเทพฯเพียงโรงเดียว..หากฉาย 2 เรื่องควบ ก็น่าจะเป็นโรงหนังชั้นสองนะครับ..แต่จะเป็นโรงหนังอะไร ผมก็ยังไม่รู้..

          หนังจากกรุโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด นั้น ฉายเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่ขั้นตอนการตัดต่อ ปรับแต่งสีนะครับ. วันนี้จึงประเดิมฉายเรื่องแรกด้วยงานชิ้นเอกของ ด.ญ.ตุ๊กตา จินดานุช กับ ชะตาชีวิต ของโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด
คลิ๊กดู...


          ภาพข้างบนนี้ ประมาณปี 2516 ถ้าเงียบแบบนี้ ก็แสดงว่า ยังไม่เคยมีท่านใดจำโรงหนังโรงนี้ได้..เดาๆ ว่าน่าจะเป็นในกรุงเทพฯนะครับเพราะฉากต่อเนื่องกันกับฉากนี้จะเดินในกรุงเทพฯนะครับ..

          ถ้างั้น เราก็ต้องเริ่มเดาๆ กันแล้วล่ะครับว่า ในปี 2516 นั้น โรงหนังที่เป็นโรงหนังชั้นสองหรือชานเมืองแถวย่านสามเสนหรือบางซื่อที่มีตัวอาคารติดกับถนนหลวงแบบนี้ จะมีชื่อโรงอะไรบ้าง..แล้วใครจะเดาถูกละครับ

          ขอเดาว่าอาจจะเป็น โรงหนังเฉลิมพันธ์ ซึ่งอยู่ใกล้คลองประปา บางซื่อ เตาปูนนะครับ ผมก็เลยนำรูปโรงหนังเฉลิมพันธุ์ในยุคหลังๆ ก่อนจะเลิกกิจการมาให้ดูเปรียบเทียบครับ.. ส่วนโรงหนังราชวัตรรามา นั้น ผมยังไม่เคยเห็นครับ ไม่รู้อยู่ตรงไหนของราชวัตรครับ.. แต่ที่แน่ๆ โรงหนังตามภาพข้างบนนี้ หน้าโรงจะต้องมีสามแยกถนนนะครับ..ซึ่งโรงหนังเฉลิมพันธุ์ ก็ตรงสามแยกแบบนั้นเช่นกัน..เดี๋ยวมาดูรูปจากฟิล์มเพิ่มเติมนะครับ..


ภาพนี้จะเห็นว่า โรงหนังที่ว่านี้อยู่ตรงสามแยกใหญ่ๆ เลยนะครับ..


พอเพชรา..เดินมาจากโรงหนัง ภาพต่อเนื่องจะเรียงแบบนี้นะครับ..


เดินผ่านหน้าร้านขายของและทักเด็กว่าเป็นลูก...


และก็เดินมาเรื่อยๆ จะเห็นภาพนี้ ถ้าหนังไม่ตัดแปะนะครับ..จะเห็นว่ามีป้ายบอกทางเข้า ประชานิเวศน์ 1-2 มีป้ายโรงเรียนอาชีวศิลป์ ด้วย..


จากนั้น เพชรา ก็เดินไปที่สวนสาธารณะแห่งนี้.. เอาล่ะครับ ที่นี่พอจะนึกออกหรือยังว่า เป็นโรงหนังอะไร ใครจะฟันธงครับ..


            โรงหนังกรุงเทพรามา ผมยังไม่เคยเห็นหน้าโรงเต็มๆ เคยไปตอนที่ยังไม่ปิดกิจการ ต้องเดินเข้าไปในตัวตลาดเตาปูนด้วยจึงจะเจอ ก็เลยไม่แน่ใจว่า เมื่อปี 2516 ตามหนังเรื่อง ชะตาชีวิต จะใช่หรือเปล่า..แต่ถ้าเป็น โรงเฉลิมพันธุ์ แล้ว ดูทำเลที่ตั้งแล้ว จะใกล้เคียงกับภาพในฟิล์มนะครับ..รอฟังท่านอื่นๆ อีกนะครับ..


ภาพชุดนี้ ฝากให้กลุ่มคนรักรถไฟ อ.พุทธพร ส่องศรี ครับ หนังเพิ่งฉายเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ตัดต่อนะครับ จากเรื่อง ไฟเหนือ ลมใต้ (2520 กรุง-อรัญญา) เราหาฟิล์มได้มาก่อน 4 ม้วน หนังยังไม่จบครับ ก็เลยลงภาพนิ่งฉากรถไฟมาให้ดูก่อนครับ ภาพนี้ กรุง ศรีวิไล กำลังจะขึ้นรถไฟ..


สถานีที่ขึ้นรถไฟครับ..อยู่จังหวัดไหน..


พอขึ้นไปก็นั่งรถไฟไปลงที่ ชุมทางหาดใหญ่ ครับ..


กรุง คุยกันสักพักก็นั่งรถไฟอีก..คราวนี้โผล่ถึงบางซื่อ ครับ..จากนั้นหนังก็พาไปทางภาคเหนือ..ครับ..


พุทธพร ส่องศรี คลองเรียน เป็นที่หยุดรถไฟ ไม่มีตัวอาคารสถานีครับ อยู่ถัดจากสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ไปทางสุไหงโก-ลกไม่ไกลครับ (ชุมทางหาดใหญ่อยู่ที่ กม. 928.58 ส่วนคลองเรียนอยู่ที่ กม. 931.05 ครับ
ภาพในไฟเหนือ ลมใต้ (2520) นี้ ถือเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพเดียวที่เหลืออยู่ให้เห็นครับ เพราะที่หยุดรถคลองเรียนยุบเลิกไป 30 กว่าปีแล้วครับ ผมเองไม่เคยเห็นรถไฟขบวนไหนจอดที่นี่เลยตั้งแต่เด็กครับ
ปัจจุบันไม่มีซากใด ๆ เหลือให้เห็นแล้ว ขอบคุณพี่มนัสมากครับ ดีใจมากที่ได้เห็นป้ายคลองเรียนที่เคยเห็นประจำตอนเด็ก ๆ ครับ รอชมภาพเคลื่อนไหวครับ


           ครับ ขอบคุณครับ.. ส่วนเรื่อง ชะตาชีวิต ปี 2519 ครรชิต-เพชรา ก็มีเกี่ยวกับรถไฟเหมือนกันครับ ลงภาพนิ่งให้ดูก่อนนะครับ ลองดูนะครับว่า จะถ่ายทำแถวๆ ไหนกันครับ อ.พุทธพร ส่องศรี ผมเห็นป้ายแล้ว แต่ยังอ่านไม่ได้



















ครับ หมดแค่นี้แหละครับ ครรชิต เล่นเป็นกรรมกรรถไฟฯ  ;D  ;D

           
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 พฤษภาคม 2014, 10:20:15 โดย นายเค »
สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได

ออฟไลน์ สถิตย์ บุตรน้อย

  • Thaicine Movie Team
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • *
  • กระทู้: 1989
  • พลังใจที่มี 32
  • สถิตย์ บุตรน็อย
วัยเด็กจริงๆครับ เจ้าพ่อ 7 คุก ขอบคุณสําหรับข้อมูลดีๆครับ
สถืตย์ บุตรน้อย
ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
18/18 กม.18 ถนนบางนา-ตราด ต.บางโฉลง
อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540 
089-9263878
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
บัญชีออมทรัพย์ สาขา ม.หัวเฉียว
เลขที่บัญชี 596-104-9754

ออฟไลน์ CHANEL

  • มหาเถร ภาพยนตร์
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • *
  • กระทู้: 492
  • พลังใจที่มี 15
  • เพศ: ชาย
  • รักเธอตลอดไป หนังกลางแปลง แม้เธอจะทำฉันเจ็บก็ตาม
ปรีชา คชสาร(ชา ร้อยจอ) 34 ม.8 ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี 72150   089-4477844

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย
           ครับ..ก็อย่างที่เคยพูดๆ ไว้เสมอมาว่า การดูหนังครั้งแรกๆ ในปีที่ออกฉายนั้น เราก็ดูเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก แต่พอเวลาผ่านไปสัก 10 ปี 20 ปีหรือ 30-40 ปีแล้ว ถ้าเราได้กลับมาดูหนังเรื่องนั้นๆ อีกครั้ง เราก็จะดูเพื่อทบทวนอดีต ทบทวนความจำ แต่สิ่งที่เราจะได้มาโดยไม่คาดคิดก็คือ การเห็นประวัติศาสตร์ของสิ่งต่างๆ จากภาพยนตร์เรื่องนั้น จึงเป็นที่มาของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านฟิล์มภาพยนตร์.. วันนี้ เราได้ความรู้เพิ่มจากเพื่อนๆในเรื่อง รถไฟหลายอย่าง..เหลือแต่เรื่องโรงหนังที่ตั้งคำถามไว้ที่ยังไม่มีท่านใดมาชี้ขาดให้ว่า ตกลงแล้วควรจะเป็นโรงหนังอะไร..

           พวกเรายืมมาก่อน 19 เรื่องครับ บางเรื่องก็ยังได้มาไม่ครบม้วน..บางเรื่องก็ได้มาครบแล้วครับ ส่วนรายชื่อนั้น ผมทยอยบอกไปเรื่อยๆ แล้ว บางเรื่องก็ลงภาพประกอบ ลองคลิกดูความเห็นก่อนหน้านี้ขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ นะครับ จะพบครับ..

           สำหรับการเดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ดของพวกเราที่จะถึงในเร็วๆวันนี้นั้น ผมอยากจะเรียกว่า เป็นวันขอบคุณ.. ขอบคุณสำหรับเจ้าของโรงหนังเฉลิมเอก..ขอบคุณสำหรับอาจารย์ประนอมทายาทโรงหนังเฉลิมเอก.. ขอบคุณคุณมานะ หวายทิพย์ คนฉายหนังรุ่นแรกๆ ของโรงหนังเฉลิมเอกที่จะมาเล่าอดีตให้ฟัง.. ขอบคุณสำหรับการรักและการเก็บฟิล์มหนังกรุนี้ไว้มาอย่างยาวนานเป็นสิบๆปี..เก็บโดยไม่รู้ว่า ในอนาคตจะมีคนอย่างพวกเราๆ ไปขอยืม ไปขอใช้..หนังไทยเก่าๆ ที่พวกเรายืมมา 19 เรื่องนั้นและอีกไม่ทราบว่า จะกี่เรื่องที่พวกเราจะไปหยิบยืมมาใหม่อีก..บอกตรงๆ ว่า ล้วนแต่เป็นหลักฐานสำคัญของประวัติศาสตร์หนังไทยเพราะหนังเหล่านั้น บางเรื่องแทบจะหาฟิล์มเนกาตีฟหรือฟิล์มต้นฉบับไม่ได้แล้ว จะหากากฟิล์มก็ไม่ได้อีก จะหาอะไรที่เป็นภาพเคลื่อนไหวจากหนังก็ไม่ได้เช่นกัน..ลองคิดเล่นๆ ว่า นี่ ถ้าไม่มีฟิล์มกรุนี้ ประวัติศาสตร์หนังไทยจะเศร้าหมองสักแค่ไหน..ทุกวันนี้ ลำพังคนที่จะทำเพื่อหนังไทยเก่าๆ ก็หาได้ยากแล้ว หนำซ้ำกากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ ก็ยิ่งหาได้ยากกว่า..คงไม่ต้องบอกว่า พวกเราตื้นตันใจ ดีใจขนาดไหนที่มีโอกาสได้ช่วยหนังไทยกรุนี้.. แล้วท่านล่ะครับ คิดว่า เพียง "คำขอบคุณ" อย่างเดียว จะสามารถทดแทนบุญคุณของโรงหนังเฉลิมเอกได้หมดหรือ..ยิ่งพูดยิ่งคุยกับอาจารย์ประนอม ก็ยิ่งรู้ว่า ท่านเป็นคนใจดี ใจดีจนพวกเราเกรงใจท่าน..เกรงใจจนไม่รู้ว่า จะทำอย่างไรให้รู้สึกเหมือนกับว่า เลยคำขอบคุณไปให้มากกว่านี้..

           วันนั้น พอพวกเรารู้ว่า อาจารย์ประนอมกตัญญูและเคารพรักบรรพบุรุษเป็นอย่างยิ่ง..และทราบว่า ในเวลาอีกไม่นานนี้ อาจารย์จะทำบุญให้บรรพบุรุษของท่าน..แว่บแรกที่เราคิดได้ตอนนั้น ก็คือ ฝากเงินช่วยทำบุญกับท่านดีกว่า.. อย่างน้อยๆ ก็ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่พวกเราได้หยิบยืมฟิล์มหนังของบรรพบุรุษท่านมาดู มาใช้..ซึ่งความข้อนี้ ผมได้ถ่ายทอดไปยังเพื่อนๆ หลายคนแล้วจนมีเพื่อนฝากเงินไปช่วยทำบุญครั้งนี้หลายคนแล้ว..นี่แหละครับที่ผมบอกว่า ต้องเรียกว่า เป็นวันขอบคุณ..เพราะเป็นการขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการช่วยหนังไทยครั้งนี้...

           ผมเองทันเห็นโรงหนังศรีพรสวรรค์ ที่ตลาดนนทบุรี ครับ แต่ก็ดันจำหน้าตาไม่ได้ว่า รูปทรงอาคารจะเป็นอย่างไร จะใช่ตามลักษณะโรงหนังที่เห็นจากฟิล์มนี้หรือไม่..รอฟังท่านอื่นอีกนะครับ..


           มานั่งดูภาพนิ่งจากฟิล์มแล้ว ก็ยังงงๆ ว่า โรงหนังตามภาพนี้ควรจะเป็นโรงหนังอะไร แต่แน่ๆ ต้องเป็นโรงหนังชานเมืองรอบกรุงเทพฯ นี่แหละครับเพราะเขาเริ่มฉายหนังควบ 2 เรื่องในช่วงปี 2516 เพราะถ้าเป็นโรงหนังต่างจังหวัดจริงๆ ในช่วงเดียวกันนั้น ก็จะมีแต่โรงหนังตามตัวจังหวัดซึ่งประมาณปีนั้น ยังฉายเรื่องเดียวอยู่ครับ.. ทีนี่ พอดูจากรูปแล้ว ที่ติดใจอยู่นิดเดียวที่คิดว่า ไม่น่าใช่โรงหนังเฉลิมพันธ์ก็เพราะตัวอาคารโรงหนังที่เห็นๆ นี้จะอยู่ริมฟุตบาท แต่ตัวอาคารโรงหนังเฉลิมพันธ์ จะอยู่ลึกเข้าไปอีกอย่างน้อยๆ ก็ 5 เมตร.. แต่ถ้าคิดว่าเป็นโรงหนังศรีพรสวรรค์ นครบุรี ก็น่าจะใกล้เคียงกว่าเพราะโรงหนังศรีพรสวรรค์นั้น ตัวอาคารติดอยู่ริมฟุตบาท..แล้วจะมีห้องซ้ายมือสุดของตัวโรงหนังเป็นร้านขายของด้วย ใกล้เคียงมากครับ แต่ยังไม่กล้าฟันธงครับ...

หนังจากกรุโรงหนังเฉลิมเอก..รอคิวฉายอีกเรื่องครับ รักเต็มเปา ปี 2521..ตอนนี้ดูภาพนิ่งไปก่อน..


ดาราแสดงเยอะครับ..


ป๋าต๊อก มากับบทถนัด พ่อสื่อแม่ชัก ให้คนเขารักกัน..


สมบัติ เล่นเป็น พ่อแล้วครับ




หนังมีเพลงด้วยครับ แต่เป็นเพลงที่แต่งขึ้นใหม่นะครับ..กำหนดฉายที่นี่เร็วๆ นี้ครับ..


รักเต็มเปา เป็นหนังตลก มีเพลงครับ..บทบู๊ไม่ค่อยเน้นครับ มีแบบนิดหน่อย..


ใบปิด รักเต็มเปา

            รักเต็มเปา รออีกหน่อยนะครับ..ได้ชมแน่ๆ ครับ..วันเสาร์-อาทิตย์นี้ ผมจะเข้าบ้านคุณนุฯ ไปเร่งหนังอีกกรุของคุณโอ เทพมงคล ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะค้างนานเกินไป...ส่วนวันเสาร์หน้า 7 มิถุนายน พวกเรา 7+1 ก็จะเดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ดกันแล้วนะครับ..ไปแสดงความขอบคุณที่เตี่ยและอาจารย์ประนอมฯ ได้เก็บหนังไทยเก่าๆ ดีๆ หาดูที่ไหนไม่ได้แล้ว ไว้ให้พวกเราได้ชื่นชมกัน..จริงๆ แล้ว โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อย ผมเองอยากให้พวกเราไปกันเยอะๆ ครับ อาจารย์ท่านจะได้ดีใจที่ฟิล์มหนังเก่าเก็บของเตี่ยนั้นมีคุณค่าทางจิตใจกับคนรักหนังเก่าแค่ไหน..

            เมื่อค่ำวานนี้ คุณ Regis Madec ฝรั่งที่รักหนังไทย ก็โอนเงินช่วยค่าใช้จ่ายและร่วมทำบุญฯในการที่พวกเราจะเดินทางไป "วันขอบคุณ"อาจารย์ประนอม มาให้อีกท่านหนึ่งแล้วครับ..ความจริงวันดีๆ แบบนี้ ผมอยากให้คุณ Regis ไปด้วยจริงๆ แต่จังหวะเหมาะๆ เวลาที่คุณ Regis มาเมืองไทยนั้น ไม่เคยตรงกับกิจกรรมของพวกเราเลย..เสาร์หน้านี้ พวกเราก็จะเดินทางไปกันแล้วนะครับ..

            ครับ วันนี้วันจันทร์แล้ว อีกไม่กี่วัน พวกเราก็จะเป็นตัวแทนทุกๆท่านใน facebook นี้ เดินทางไปทำหน้าที่ "ขอบคุณ" เจ้าของกรุฟิล์มกรุนี้แล้วครับ..แ้ม้จะเป็นการนำฟิล์มไปคืนและไปยืมฟิล์มมาใหม่อีก พวกเราหลายคนก็ยังตื่นเต้นกันครับว่า ฟิล์มที่เหลือๆ ที่ไม่ปรากฏชื่อข้างกระเป๋าหรือฟิล์มที่ไม่มีกระเป๋านั้น จะเป็นเรื่องอะไรบ้าง ต่างคนต่างก็คิด ขอให้เป็นหนังที่ตัวเองชอบๆ ไม่รู้ว่า โชคจะช่วยหรือเปล่า..กลับมาจากบ้านคุณนุเมื่อคืน ผมก็นำหนังจากกรุของโรงหนังเฉลิมเอก มาตัดต่อเตรียมฉายบ่ายนี้..โปรดติดตามนะครับว่า จะเป็นหนังเรื่องอะไร..


            เมื่อสักครู่นี้ คุณ Eak Kung ส่งข้อความมาบอกว่า ได้โอนเงินช่วยค่าใช้จ่ายและเงินทำบุญที่พวกเราจะเดินทางไปใน วันขอบคุณ ที่จะถึงนี้แล้วนะครับ..สรุป รายชื่อเพื่อนๆ เฉพาะที่มอบเงินฝากผมไว้ตอนนี้มีดังนี้ คือ
1) พี่ตุ๊กตา จินดานุช ทีแรกก็ให้ไว้ก่อน กลัวว่ารถจะเต็ม แต่ตอนนี้ไปด้วยกันแล้วครับ งานนี้ขาดพี่ตุ๊กตาไม่ได้..
2) น้องบัว หทัยชนก มงคล นี่ก็บ่นๆ อยากไป แต่งวดนี้รถเต็มแล้ว..
3) คุณเห้าเหลียง แซ่น้า นี่ผมอยากให้ไปด้วย แต่พี่แกไม่ค่อยว่าง..
4) คุณ Regis Madec ขานี้ อยากไปทุกครั้งที่พวกเราไปหาฟิล์ม แต่จังหวะไม่เคยตรงกันสักที..
แล้วก็สดๆ ร้อนๆ คุณเอกคุงครับ..คนนี้ ถ้าเราได้ตัวไปช่วยหาฟิล์ม รับรองแม่ยกตรึม.. ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันช่วยหนังไทยครับ และถ้ามีรายชื่อเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ..


            เผลอแป๊บเดียว ข้างบนคุยกันสนุกเลยนะครับ..เอาไว้ถ้าพี่เห้าเหลียงจะไปจริงๆ เราก็อาจจะตั้งเป็น "โครงการหนีเมียไปช่วยหนัง" หรือถ้าเจ๊เขาไปด้วย ก็จะเปลี่ยนเป็น โครงการชวนเมียไปช่วยหนัง..ท่าทางจะดีนะครับเพราะมีนายทุนใหญ่ไปด้วย...ก่อนอื่น ขอเขียนซ้ำข้อความเมื่อกลางวันหน่อยนะครับ... คุณEak Kung ส่งข้อความมาบอกว่า ได้โอนเงินช่วยค่าใช้จ่ายและเงินทำบุญที่พวกเราจะเดินทางไปใน วันขอบคุณ ที่จะถึงนี้แล้วนะครับ..

สรุป รายชื่อเพื่อนๆ เฉพาะที่มอบเงินฝากผมไว้ตอนนี้มีดังนี้ คือ
1) พี่ตุ๊กตา จินดานุช ทีแรกก็ให้ไว้ก่อน กลัวว่ารถจะเต็ม แต่ตอนนี้ไปด้วยกันแล้วครับ งานนี้ขาดพี่ตุ๊กตาไม่ได้..
2) น้องบัว หทัยชนก มงคล นี่ก็บ่นๆ อยากไป แต่งวดนี้รถเต็มแล้ว..
3) คุณเห้าเหลียง แซ่น้า นี่ผมอยากให้ไปด้วย แต่พี่แกไม่ค่อยว่าง..
4) คุณRegis Madec ขานี้ อยากไปทุกครั้งที่พวกเราไปหาฟิล์ม แต่จังหวะไม่เคยตรงกันสักที..


            แล้วก็สดๆ ร้อนๆ คุณเอกคุงครับ..คนนี้ ถ้าเราได้ตัวไปช่วยหาฟิล์ม รับรองแม่ยกตรึม.. ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันช่วยหนังไทยครับ และถ้ามีรายชื่อเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ.. ทีนี่ก็มาถึงวันนัดหมายเดินทางนะครับ เมื่อวานนี้ ผมโทรไปบอกพี่เที่ยงคนขับรถตู้ไว้แล้วว่า พอออกจากบ้านมาปุ๊บ จุดแรกก็ให้แวะรับพี่ตุ๊กตาที่ป้ายรถเมล์ หน้าธนาคารกสิกรไทย ตรงข้ามห้างเดอะมอลล์ ท่าพระ...คาดว่า รถจะถึงจุดนั้นประมาณตีห้าครึ่ง.. จากนั้นรถจะวิ่งไปยังบ้านคุณนุฯ ซึ่งคุณจุ๊บจะอยู่ที่นั่นด้วย..จากนั้นก็ออกรถมารับผมกับคุณแตงโปสเตอร์ที่ตลาดนนท์บุรี..แล้วก็วิ่งไปรับพี่อี๊ดที่นายห้างเซีย รังสิต..แล้วก็ตรงไปร้อยเอ็ด ส่วนคุณแม็กกี้นั้น กำลังรอฟังว่า จะไปค้างที่บ้านคุณนุหรือไม่..หรือว่าจะให้รับแถวธรรมศาสตร์รังสิต...

คลิ๊กดู..
ตอนนี้ ก็มาดูเทปอีกครั้งนะครับ เปิดกรุโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ของนายเอี่ยวเซีย แซ่เซียและประนอม แซ่เซีย



            การเดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ดของพวกเรา 8 คนในวันเสาร์ที่ 7-8 มิถุนายน 57 นี้ ผมอยากจะเรียกว่าเป็น วันขอบคุณ..พวกเราจะเป็นตัวแทนของเพื่อนๆ ใน facebook ชุมทางหนังไทยในอดีตแห่งนี้ ไปขอบคุณเจ้าของโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด..ไปขอบคุณอาจารย์ประนอม แซ่เซีย ลูกสาวเจ้าของโรงหนังเฉลิมเอก..แล้วก็ไปขอบคุณคุณมานะ หวายทิพย์ คนฉายหนังรุ่นแรกๆ ของโรงหนังเฉลิมเอก ที่วันนั้นจะมาเล่าอดีตของโรงหนังเฉลิมเอกให้พวกเราฟัง..คำขอบคุณของพวกเรานั้นจะเป็นการขอบคุณสำหรับการรักและการเก็บกากฟิล์มหนังกรุนี้ไว้มาอย่างยาวนานเป็นเวลา 30-40 ปี..

            เขาเก็บไว้โดยไม่รู้ว่า ในอนาคตจะมีคนอย่างพวกเราๆ ไปพบ ไปเห็น ไปขอยืมฟิล์มมาฉายดู..เดือนที่แล้วพวกเราไปยืมฟิล์มหนังไทยเก่าๆ มา 19 เรื่องแล้ว ตอนนี้เราฉายแปลงสัญญาณไว้หมดแล้ว เหลือแต่โพสฉายใน facebook นี้..บอกตรงๆ ว่า หนังไทยแต่ละเรื่องล้วนแต่เป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติเราเพราะปัจจุบัน ฟิล์มหนังไทยเหล่านั้นแทบจะหาที่ไหนไม่ได้แล้ว.ผมพูดอยู่เสมอว่า ถ้าไม่มีฟิล์มกรุนี้ ประวัติศาสตร์หนังไทยจะต้องสูญพันธุ์ไปเป็นสิบๆ เรื่อง...คงไม่ต้องบอกว่า พวกเราตื้นตันใจและดีใจขนาดไหนที่มีโอกาสได้ช่วยหนังไทยกรุนี้..

            แม้ว่าอาจารย์ประนอมจะให้เวลาเราถึงสองเดือน แต่เพราะเป็นหนังสำคัญและเพื่อนๆ ก็อยากดูเร็วๆ พวกเราก็เลยเร่งสปีดเต็มที่ในการตรวจซ่อมฟิล์มและฉายทำภาพ.. เมื่อทำเสร็จ เมื่อนำออกฉายให้เพื่อนๆ ดูแล้ว ก็เลยคิดว่า พวกเราควรจะทำอะไรให้อาจารย์ประนอมรู้ว่า ฟิล์มหนังกรุนี้มีความหมายมากๆ เพียง "คำขอบคุณ" อย่างเดียว คงไม่สามารถจะทดแทนบุญคุณอันใหญ่หลวงของโรงหนังเฉลิมเอกได้หมด..ยิ่งรู้ว่า อาจารย์ประนอม ท่านเป็นคนใจดี พวกเราก็ยิ่งเกรงใจท่าน..เกรงใจจนไม่รู้ว่า จะทำอย่างไรให้รู้สึกเหมือนดีๆ ให้เลยคำ ขอบคุณ ไปให้มากกว่านี้.. วันนั้น พอพวกเรารู้ว่า อาจารย์ประนอมจะทำบุญให้บรรพบุรุษของท่านในเร็วๆ วันนี้..พวกเราก็เลยถือโอกาสจะร่วมทำบุญกับท่านด้วย.. อย่างน้อยๆ ก็ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่ท่านไม่เรียกร้องอะไรจากพวกเราเลย..นี่แหละครับที่ผมบอกว่าเป็น วันขอบคุณ..


            ก็อย่างที่ผมบอกทุกๆ ท่านไว้นะครับ ครั้งนี้ พวกเราจะเป็นตัวแทนเดินทางไปใน วันขอบคุณอาจารย์และบรรพบุรุษ..พวกเราไปรถตู้คันเดียว ขาไปก็จะต้องนำฟิล์มไปคืนอาจารย์ด้วย..ส่วนขากลับ ก็จะขอยืมฟิล์มส่วนที่เหลือๆ กลับมาอีก ก็เลยต้องจำกัดจำนวนคนเดินทางในรถคันนี้ครับ ครั้งนี้เราไปกัน 7+1 เท่ากับ 8 คน...และก็จะมีคุณโรจน์สัจจะ มหาโจร ที่จะเดินทางจากนครพนม มาสมทบเพิ่ม และเห็นว่า คุณเจน อักษราพิจารณ์ ก็จะเดินทางมาสมทบด้วย..งานขอบคุณครั้งนี้ ผมเองก็อยากให้เพื่อนๆ หรือคนที่ได้ดูหนังจากกรุนี้ไปแสดงความขอบคุณร่วมกันเยอะๆ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้รู้ว่า ฟิล์มเก่าๆ ที่บรรพบุรุษของอาจารย์ประนอมอุตส่าห์เก็บไว้ด้วยใจรัก ก็มีคนเห็นคุณค่า เห็นความสำคัญนะครับ..


            โดยหลักแล้ว ของทุกอย่าง ย่อมมีค่าอยู่ในตัวของมันเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่จะมองเห็นคุณค่าได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า เขาจะมองหรือไม่เท่านั้น..อย่างกรุฟิล์มของบรรพบุรุษอาจารย์ประนอมกรุนี้..ผู้ที่มองเห็นคุณค่าเป็นคนแรกก็คือ เตี่ยหรือนายเอี่ยวเซีย แซ่เซีย ครับ..แม้ท่านจะเลิกโรงหนัง เลิกให้เช่าฟิล์มหนังกลางแปลงไปนานแล้ว..แต่ท่านก็ยังคงเก็บกากฟิล์มที่มีเส้นฝน สีแดงๆ เหล่านั้นไว้เป็นสิบๆ เรื่อง ผมเคยเห็นแต่พอเขาเลิกกิจการ เขาก็ขายโล๊ะทิ้งไปหมด ไม่ค่อยจะมีใครเก็บของเก่าๆ เหล่านี้ไว้เลย..แต่เตี่ยคนนี้ก็ยังเก็บ ยังรักและยังหวงอยู่ ตอนจัดเก็บใหม่ๆ ก็จัดวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย..เพราะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ผมกับคุณโต๊ะ พันธมิตร เคยขอเข้าไปดูฟิล์มกรุนี้ แต่ดูไม่นาน ไม่ละเอียดเพราะอาจารย์ประนอมบอกว่า เป็นของเตี่ย..เตี่ยไม่ให้ขาย..เตี่ยให้เก็บไว้ พวกเราก็ไม่กล้ารบกวนท่าน อีกอย่างตอนนั้น เราไปหาแต่หนัง 16 มม.ด้วย..

            แต่วันนั้นเพราะอาจารย์เกรงใจคุณปรีชา คนที่พาเราไป พอเห็นว่า เราสนใจหนังเรื่องหนึ่ง ท่านก็เลยจะให้เป็นของขวัญ ท่านไม่เรียกร้องเงินทองอะไร..จากนั้นเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันนี้..แต่ก็ใช่ว่า พวกเราจะผ่านด่านการขอยืมฟิล์มมาได้ง่ายๆ เราต้องอาศัยความสัมพันธ์เดิมๆ อาศัยการพูดคุยว่า เราจะยืมฟิล์มหนังเหล่านั้นไปทำประโยชน์ในเชิงการเรียนรู้อย่างไรบ้าง..ผมเองจะเน้นพูดคุยในเรื่องข้อมูลประวัติศาสตร์หนังไทยที่กำลังจะถูกลืม..มีแต่เสียงเล่าเสียงลือว่า หนังเรื่องนั้น ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ แต่ไม่เคยมีใครได้เห็นภาพเคลื่อนไหวของหนังเหล่านั้นอีกเลย..อาจารย์ท่านฟังพวกเรา แล้วก็ถามแต่เพียงว่า ที่เราทำๆ อยู่แบบนี้นั้น เราได้เงินทองกี่บาทจากการทำ..พอรู้ว่า พวกเราทำแบบไม่มีรายได้ ทำไปเพราะใจรัก ทำไปเพราะอยากจะได้ดูหนังที่เคยดูหรือที่อยากจะดู พวกเราก็เลยร่วมกลุ่มกันขึ้นมา ยอมลงทุน ลงแรง ออกตามหาฟิล์มหนังเก่าๆ มาฉายดู..เราฉายในเชิงการเรียนรู้ประวัติศาสตร์หนังไทย..เท่านั้นแหละครับ อาจารย์ประนอมก็เลยบอกว่า ตัวอาจารย์เองก็เป็นครูมาทั้งชีวิต หากว่า ฟิล์มหนังเก่าๆ ของเตี่ยจะช่วยให้คนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพิ่มเติม อาจารย์ก็ยินดีให้ยืมไปใช้ ไปทำประโยชน์ต่อสังคม..

            นั่นแหละครับ วันนั้น จึงเป็นที่มาของการยอมเปิดกรุให้พวกเรา..และทั้งหลายทั้งปวงนี้ จึงเป็นที่มาของการพาเพื่อนๆ เดินทางไปขอบคุณอาจารย์ที่ร้อยเอ็ดในวันที่ 7 มิถุนายนนี้.. ผมเองทราบว่า มีเพื่อนๆ อยากไปด้วยหลายคน แต่ตอนนี้คงเพิ่มจำนวนคนในรถตู้ไม่ได้แล้วครับ แต่ก็ไม่ขัดข้องที่จะมีใครเดินทางไปพร้อมๆ กันอีก..และก็ดีใจที่จะได้เห็นคุณไข่เต่า น่ารักเพราะเคยคุยแต่ทางโทรศัพท์..


            นี่คือ รถตู้พี่เที่ยง ที่จะพาพวกเราไปร้อยเอ็ดนะครับ..หมายเลขทะเบียนนี้ เป็นขาประจำของพี่เอ็ม อิงคศักย์และพวกเราครับ..ส่วนภาพนี้ ถ่ายเมื่อครั้งที่พี่เอ็มพาพวกเราไปเที่ยวรีสอร์ทของพี่แดง เยาวเรศ นิสากร 28-29 กันยายน 2556 ที่ผ่านมาครับ.. ภาพนี้ถ่ายตอนขากลับจากรีสอร์ทแล้วครับ แวะเที่ยว..ครับ



            ครับขอใหคุณมานะ โชคดีได้รถคืนไวๆ นะครับ.. ส่วนคุณ Eak Kung แม้ไม่ได้ไปด้วย แต่ก็ฝากเงินไปร่วมทำบุญด้วย แถมวันนี้เล่นมุขซะ..เหมือนชื่อหนังเลย...กราบที่ดวงใจ.. หนังเรื่องนี้ ผมเคยฉายกลางแปลงสมัยเรียนมัธยมฯ แม้ตอนนั้นจะไม่ค่อยชอบเพราะมันไม่บู๊ แต่ก็นึกอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าเจอฟิล์มบ้างก็ดีนะครับ กราบที่ดวงใจ..

            คุณเจน อักษราพิจารณ์ ครับ พวกเราขึ้นรถคนสุดท้ายแถวๆ ห้างเซียร์ รังสิต ประมาณ 7 โมงเช้าครับ จากนั้นก็วิ่งตรงไปยังบ้านอาจารย์ประนอมครับ คาดว่า จะถึงประเที่ยงเศษๆ หรือบ่ายโมงครับ..คุณเจนไปรอที่บ้านอาจารย์ก่อนก็ได้ครับ..แล้วผมจะบอกเส้นทางให้นะครับ

คลิกดูจาก
เปิดกรุโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ของนายเอี่ยวเซีย แซ่เซียและประนอม แซ่เซีย



            ครับ ใกล้ถึงวันที่พวกเราจะเดินทางแล้ว ก็ยิ่งตื่นเต้นครับ..เมื่อคืนนี้คุยกับคุณนุฯก็ได้แต่คิดๆ อยากจะให้ฟิล์มที่ไม่มีกระเป๋าเป็นหนังเรื่องนั้น เรื่องนี้บ้าง..เห็นกองฟิล์มแล้วก็น่าสนุก น่าขุดค้นนะครับ..


            ครับ ใกล้ถึงวันที่พวกเราจะเดินทางแล้ว ก็ยิ่งตื่นเต้นครับ..เมื่อคืนนี้คุยกับคุณนุฯก็ได้แต่คิดๆ อยากจะให้ฟิล์มที่ไม่มีกระเป๋าเป็นหนังเรื่องนั้น เรื่องนี้บ้าง..เห็นกองฟิล์มแล้วก็น่าสนุก น่าขุดค้นนะครับ..


มัดฟิล์มไป ก็คุยกันไป เผลอแป๊บเดียว เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว..


            "เจอกันไม่กี่ครั้ง คุยกันไม่่กี่ที ทำไม..ถึงได้รักเหมือนลูกเหมือนหลาน ก็ไม่รู้ มันแปลกน่ะ..." เป็นประโยคคำพูดท้ายๆ ที่อาจารย์ประนอมเพิ่งคุยกับผมเหมือนก่อนเที่ยงวันนี้.. อาจารย์โทรมาบอกว่า วันนี้ อาจารย์ไปจ่ายเงินค่าเช่าโรงแรมให้พวกเราแล้ว 4 ห้อง..ลูกๆ ไม่ต้องจ่ายน่ะ..ตอนไปจ่าย เจ้าของโรงแรมเขายังแซวเลยว่า ยังไม่ทันมาพัก ก็จ่ายค่าเช่าซะแล้ว..อาจารย์ก็เลยบอกว่า กลัวลูกๆ เขาจะแอบมาจ่าย ก็เลยรีบมาจ่ายก่อน...คุยกันสักพัก อาจารย์ก็บอกว่า่ อาจารย์เตรียมอาหารอะไรไว้พวกเราแล้ว บอกชื่อมาด้วยว่ามีอะไร แล้วก็ถามว่า พวกเราจะมาถึงประมาณกี่โมง.. ผมก็เลยบอกว่า กรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด ประมาณ 490 กิโลเมตร คาดว่าเริ่มนับจาก 7 โมงเช้าไปอีกประมาณสัก 5-6 ชั่วโมงก็ถึงครับ..

            กรุฟิล์มหนังของโรงหนังเฉลิมเอกนี้ นอกจากจะเป็นหนังที่หาดูได้ยากแล้ว ยังทำให้พวกเราได้เจอะเจอมิตรใหม่กันอีกมากครับ..และนี่ก็คือ หนังที่คุณภราดร ศักดา พูดถึงครับ ...ส่วนหนึ่งของหนังบู๊ดังแห่งประวัติศาสตร์จากกรุฟิล์มของโรงหนังเฉลิมเอก ซึ่งเราจะได้ดูพร้อมๆ กัน...ก่อนชมโปรดอย่าลืมว่า อดีตของหนังไทย..ไม่มีวันตาย หากวันนี้ เราช่วยกันเก็บภาพจากฟิล์มไว้ก่อน ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยหนังไทยจากกากฟิล์ม..

หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เจ้าพ่อ 7 คุก (2520 สมบัติ-สรพงศ์-เนาวรัตน์) รีมาสเตอร์กากฟิล์ม


เผื่อบางท่านยังไม่ได้ดูนะครับ ผมนำมาโพสใหม่ที่นี่อีกครั้ง ..ด.ญ.ตุ๊กตา จินดานุช กับ ชะตาชีวิต ของโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด
คลิ๊ดดู..


จากกรุฟิล์มโรงหนังเฉลิมเอก...หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ อีเสือ (2520 กรุง-วาสนา-รุ้งลาวัลย์) รีมาสเตอร์กากฟิล์ม
คลิ๊ดดู..


จากกรุฟิล์มโรงหนังเฉลิมเอก..หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ ศึก 5 เสือ (2520 สมบัติ-อรัญญา-เนาวรัตน์) รีมาสเตอร์กากฟิล์ม
คลิ๊ดดู..


ล่าสุด จากกรุฟิล์มโรงหนังเฉลิมเอกครับ..หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ นางงูเห่า (2519 สมบัติ-อรัญญา) รีมาสเตอร์กากฟิล์ม
คลิ๊ดดู..


            เมื่อสักครู่ คุณโรจน์ หรือ สัจจะ มหาโจร แจ้งในกล่องข้อความผมว่า ได้โอนเงินค่าใช้จ่ายและร่วมทำบุญมาให้แล้ว ทีแรกคิดว่า จะเดินทางจากนครพนมมาสมทบกับพวกเราที่ร้อยเอ็ดด้วย อยากเห็นฟิล์มหนังเป็นๆ อยากคุยกับอาจารย์ประนอมด้วย แต่เผอิญว่า เจ้าตัวเล็กไม่ค่อยสบายกะทันหัน ก็เลยมาไม่ได้แล้วครับ.. ต้องอยู่ดูแลก่อน ส่วนคุณโพธิ์ชัย โพธิ์ชัย สบายดี บอกว่า อยู่ร้อยเอ็ด.. สถานที่ที่ตั้งโรงหนังเฉลิมเอกในอดีตนั้น ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิร้อยเอ็ด อิกลักเซี่ยงตึ้ง ในตัวเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ บ้านอาจารย์ประนอมที่เราจะไปหาในวันเสาร์นี้ันะครับ ว่างๆ ก็แวะไปเจอพวกเราได้นะครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 มิถุนายน 2014, 01:22:24 โดย นายเค »
สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย
           พี่ตุ๊กตา จินดานุช โทรหาพี่เที่ยงที่ขับรถตู้หรือยังครับ.. แต่วันก่อนผมโทรบอกให้แล้วว่า ให้แวะรับพี่ตุ๊กตาที่หน้าธนาคารกสิกรไทย ตรงข้ามห้างเดอะมอลล์ ท่าพระ จุดๆ เดิมที่เคยรับพี่แต๋วนะครับ พี่เที่ยงแกรู้แล้วครับ..เมื่อสักครู่ใหญ่ๆ นี้คุณมานะ หวายทิพย์ ก็โทรมาถามว่า จะออกจากกรุงเทพฯ กี่โมง ผมก็บอกว่า น่าจะเป็นประมาณ 7 โมงเช้าออกจากรังสิตได้ แกก็บอกว่า ถ้างั้นไม่เกินเที่ยง ก็จะถึงโคราช ให้พวกเราไปหาแกที่ใกล้ๆ โรงแรมสีมาธานี แกจะพาพวกเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินที่ถนนสืบศิริ..แล้วค่อยไปร้อยเอ็ด ครับ.. ต่อไปก็ เสริมๆ คุณเล็ก แฟนหนังไทย ที่ตอบคุณโพธิ์ชัย โพธิ์ชัย สบายดี อีกนิดหน่อยนะครับ.. 

           หนังเรื่อง อัศวินดาบกายสิทธิ์ หรือชื่อเดิม อภินิหารดาบทองคำ นั้น เป็นหนังจีนร่วมสร้างซึ่งจะสร้างฉายเป็น 2 ชุด แต่พระเอกทั้ง 2 ชุดก็มี มิตร ชัยบัญชา พระเอกไทยแสดงนำ เฉพาะแต่นางเอก ถ้าเป็นฉบับฉายเมืองไทย ก็จะมี เพชรา เชาวราษฎร์ แสดงนำ แต่ถ้าฉายเมืองนอก ก็จะเป็น กวางหลิง แสดงนำ.. เมื่อเป็นหนัง 2 ชุด เขาก็เลยต้องมีฟิล์มเนกาตีฟอยู่ 2 ชุดเช่นกัน แต่ฟิล์มชุดที่ฉายเมืองไทย คือ ชุดมิตร-เพชรา นั้น หาฟิล์มเนกาตีฟ ไม่ได้แล้ว เข้าใจว่า เสียหายแล้ว คงเหลือแต่กากฟิล์มที่เป็นเส้นฝน สีแดงๆ (แถมอยู่ในดีวีดีที่คุณโต๊ะพันธมิตร ทำจำหน่ายแล้ว).. ต่อมาเมื่อมีการจัดงานรำลึก มิตร ชัยบัยชา จึงมีการร่วมมือกันระหว่างคุณโต๊ะกับทีวีช่องหนึ่งในการไปตามหาฟิล์มเนกาตีฟฉบับที่ฉายเมืองนอกกลับมา (มิตร-กวางหลิง)..

           แต่เนื่องจากเป็นเสียงพูดต่างประเทศ คุณโต๊ะพันธมิตร ก็เลยต้องพากย์เสียงไทยทับลงไปใหม่และนำไปฉายในงานรำลึก 28 ปีมิตร ชัยบัญชา ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุงในช่วงเดือนตุลาคม 2541 ตอนนั้นมีการพิมพ์ฟิล์มชุดนี้ไว้ประมาณ 4-5 ชุด ซึ่งตอนนี้ ก็ยังมีอยู่กับกลุ่มคนรักหนังกลางแปลงเก็บไว้ ส่วนฟิล์มเนกาตีฟ ปี 2513 ที่นำมาใช้ทำภาพนั้น ทราบว่า เสียหายไปแล้วครับ



           วันนี้ ผมปริ้นซ์กระทู้บทนี้จำนวน 91 หน้าเอ 4 ไปฝากอาจารย์ประนอม ให้ท่านเก็บไว้อ่านนะครับ ท่านจะได้เห็นว่า พวกเราพูดคุยอะไรกันบ้างกับกรุหนังของท่าน.. นอกจากนี้ ผมก็จะนำวีดีโอที่ถ่ายสัมภาษณ์อาจารย์พร้อมกับตัวอย่างหนังที่เราทำเสร็จแล้วไปฉายให้อาจารย์ดูด้วยครับ..ระหว่างเดินทางไปนั้น ผมก็เตรียมเพลงลูกทุ่งเก่าๆ ไว้เปิดคลอเบาๆ ฟังบนรถไปด้วย.. เรียกว่า ปลุกเร้าความบันเทิงเต็มที่เพื่ออุ่นเครื่องเตรียมฟังเรื่องเล่าเก่าๆ ของโรงหนังเฉลิมเอก จากอาจารย์ประนอมกับคุณมานะ หวายทิพย์..

           ระหว่างเดินทางไปนั้น หากมีอะไรเพิ่มเติม ก็จะโพสให้ทราบไปเรื่อยๆ ในบทนี้นะครับ.. ส่วนที่ คุณโพธิ์ชัย โพธิ์ชัย สบายดี ถามถึงเรื่อง จอมดาบพิชัยยุทธ นั้น ยังไม่มีฟิล์ม ยังหาอะไรไม่ได้นอกจากใบปิดนะครับ.. ส่วนอีกเรื่องที่ ไชยา สุริยัน แสดงคือ ดาบคู่สะท้านโลกันต์ ผมเคยเขียนถึงและโพสหนังไว้แล้วครับ

คลิ๊กดู.. หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ ดาบคู่สะท้านโลกันต์ (2514 ไชยา-เพชรา)


          มาถึงแล้วครับ "วันขอบคุณ" หลังจากเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 พวกเราไปยืมกากฟิล์มหนังโรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ของนายเอี่ยวเซีย แซ่เซีย เตี่ยของอาจารย์ประนอม แซ่เซีย..เรียกได้ว่าเป็นหนังสำคัญหลายเรื่อง..จนกล่าวได้ว่า ฟิล์มกรุนี้ช่วยเติมเต็มประวัติศาสตร์หนังไทยที่สูญพันธุ์ไปแล้ว กลับมามีชีวิตอีกครั้ง.. สมาชิกและเพื่อนๆใน facebook ต่างดีอกดีใจที่ไม่คาดคิดว่า จะได้เห็นหนังเหล่านั้น.. หลายคนฝากขอบคุณ หลายคนฝากเงินช่วยทำบุญให้บรรพบุรุษของอาจารย์ พวกเราซึ้งใจในมิตรไมตรีแบบนี้.. และเช้าวันนี้ พวกเราคือ ผม พี่ตุ๊กตา จินดานุช-พี่อี๊ดอาทร-คุณนุ-คุณจุ๊บ-คุณแม็กกี้ และ สาวแตงโปสเตอร์ ก็จะเป็นตัวแทนของทุกท่าน ณ ที่นี้ เดินทางไป "วันขอบคุณ" และนำกากฟิล์มที่ยืมมาไปคืนอาจารย์.. และจะเก็บเกี่ยวเรื่องราวเก่าๆ ของโรงหนังเฉลิมเอก มาฝากทุกท่านครับ..


แตง โปสเตอร์ ล้อหมุนอีกแล้วคร๊าาาา มุ่งหน้าสู่เมืองร้อยเกิน กับกลุ่มคนรักษ์หนังไทย ขอกำลังใจจากเพื่อนๆด้วยคร๊า....



ประเดิม สง่าแสง ขอบคุณ คุณมานะ หวายทิพย์ สำหรับมื้อเที่ยงครับ


แตง โปสเตอร์ ก้าวแรกของวันนี้ได้หนังดีๆมาแล้วอีกหนึ่งเรื่องค่ะ ที่ทับกวาง ใกล้จะถึงวันครบรอบ22ปี พุ่มพวง แล้วค่ะโชคดีมากๆเลยถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี บอกนิสนึง หนังพี่ผึ้งพุ่มพวง


Praderm Sangaseang กำลังคืนฟิล์ม และคัดเลือกฟิล์มที่เหลือกลับไป มีหนังเด็ดๆ กลับไปเช่นเคยครับ สุดท้ายของ วันขอบคุณ รวบรวมน้ำใจจากเพื่อนๆพี่ในเฟซบุ๊กมอบเงินทำบุญและขอบคุณอาจารย์ประนอม




คุณมนัสกำลัง หาสมบัติ

           ขอบคุณทุกท่านนะครับ.. พวกเราเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว กลับมาพร้อมกับความสุข อิ่มเอมใจกับมิตรไมตรีที่ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจาก อ.ประนอม แซ่เซียและคุณมานะ หวายทิพย์ ซึ่งหลังจากพวกเราคืนฟิล์มและนำฟิล์มส่วนที่เหลือขึ้นรถตู้หมดแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเรามานั่งสนทนา เล่าความหลังของโรงหนังเฉลิมเอก.. ภาพนี้จากซ้าย..คุณมานะ หวายทิพย์-ภริยา-อ.ประนอม-พี่ตุ๊กตา จินดานุช ซึ่งพี่ตุ๊กตาเดินทางไปขอบคุณที่หนังกรุนี้มีหนังเรื่อง ชะตาชีวิต ที่พี่ตุ๊กตาแสดงไว้อยู่ด้วย...


ภาพนี้ สาวแตง โปสเตอร์ กำลังขอบคุณ อ.ประนอม ที่เก็บหนังดีๆ เก่าๆ ไว้ให้พวกเราดู..

           ระหว่างที่ฝ่ายชายกำลังสาละวนกับการคืนฟิล์มและค้นฟิล์มที่เหลือๆ อยู่นั้น ฝ่ายหญิงก็กำลังคุยกันอย่างออกรสชาดถึงหนังกรุนี้ ภาพนี้จากกล้องคุณมานะ หวายทิพย์.. ซ้ายสุด..สาวแตง-ภริยาคุณมานะ-อ.ประนอม-พี่ตุ๊กตา จินดานุช..


ภาพนี้ คุณแม็กกี้กำลังทำหน้าที่แทนเพื่อนรักของคุณEak Kung.. กำลัง กราบที่ดวงใจ ของอ.ประนอมที่เก็บหนังดีไว้ให้เราดูครับ..


ภาพหมู่จากกล้องคุณมานะ หวายทิพย์.. ครับ..

           ภาพนิ่งนั้น ถ่ายกันหลายกล้องครับ..แต่ละท่านก็ถ่ายกันทุกช๊อต แถมยังมีภาพหลุดๆ อีกเยอะครับ.. คงจะทยอยๆ มาลงให้ชมนะครับ.. ส่วนเทปสนทนาพูดคุยถึงโรงหนังเฉลิมเอกนั้น นอกจากได้คุณมานะ หวายทิพย์ มือฉายหนังคนแรกของโรงหนังเฉลิมเอกมาร่วมสนทนาแล้ว ยังได้พี่สาวของคุณมานะที่ทำหน้าที่พนักงานขายตั๋วโรงหนังซึ่งมีสามีเป็นนักพากย์หนัง มารำลึกความหลังด้วย..แถมยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของโรงหนังเสรี โรงหนังหลักเมือง ร้อยเอ็ดมาเล่าให้ฟังด้วย.. นอกจากนี้ อ.ประนอม ได้มอบภาพถ่ายขาว-ดำของโรงหนังเฉลิมเอกให้มาหลายใบ..เดี๋ยวจะทยอยนำมาโพสนะครับ ส่วนเทปวีดีโอนั้น รอตัดต่อก่อนนะครับ...ส่วนภาพนี้ อ.ประนอม กำลังนำพวกเราจุดธูปบอกเตี่ยและบรรพบุรุษ ซึ่งครั้งนี้ พวกเรารวบรวมเงินทำบุญจากเพื่อนๆ มอบให้อาจารย์จำนวน 7,500 บาทครับ...


           ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น ต้องขอบคุณคุณมานะ หวานทิพย์ เป็นอย่างมากครับ ทั้งขาไป ก็แวะกินที่ร้านไก่ยางสืบสิริ โคราช..ตกมื้อเย็น ก็เป็นเจ้ามือเลี้ยงใหญ่อีก คอยดูเทปวีดีโอนะครับ มีภาพหลุดๆของนักร้องสมัครเล่นด้วย จะเป็นใคร ต้องรอชม..


Maxkie Mitt ถ่ายกับพี่มานะ หวายทิพย์ ซึ่งผมขอขนานนามให้พี่เค้าว่า วันแมนโชว์แห่งโรงหนังเฉลิมเอกครับ


ถ่ายกับพี่มานะ และ พี่อี๊ด ก่อนจะลุยค้นหาฟิล์มกันครับ

แตง โปสเตอร์ เป็นภาพที่ประทับใจกับมิตรภาพที่ดีทุกๆท่าน่ารักเหมือนครอบครัวเดียวกันเลยค่ะ หวังว่าคงมีโอกาศได้ต้อนรับพี่ มานะกับ พี่พิมล นะคะ

อีกภาพที่ถ่ายภาพร่วมกันกับพี่มานะค่ะ

           มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต ครับ กรุฟิล์มโรงหนังเฉลิมเอกนั้น มีสิ่งที่เราคิดว่า สูญพันธุ์ไปแล้ว กลับมาฟื้นชีวิตหลายเรื่องจริงๆ ต้องอดใจคอยชมนะครับ..เพราะตอนนี้กำลังเช็ครายละเอียดว่า หนังแต่ละเรื่องที่พวกเรายืมมาจากอาจารย์ประนอมรอบที่ 2 นี้จะมีชื่อเรื่องอะไรบ้าง.. ตอนนี้ กำลังเร่งตัดต่อเทปวีดีโอบันทึกการเดินทางอยู่ครับ.. แต่ว่า ก่อนจะถึงวันนั้น เราก็มาดูภาพนิ่งก่อนนะครับ.. สิ่งที่คาดไม่ถึงของการเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นที่ ทับกวาง ครับ..เพราะคุณจุ๊บพาเราไปรับฟิล์มหนังไทยเรื่อง อีแต๋นไอเลิฟยู.. หนังที่หาดูได้ยากอีกเรื่องหนึ่ง..ซึ่งนั่นก็เป็นนิมิตรหมายที่ดีของการเดินทาง...


จากทับกวาง..ก็วิ่งตรงไปยังโคราช ไปหาคุณมานะ หวายทิพย์ กินข้าวเที่ยงที่นี่ครับ..


น้ำใจไมตรีจาก..คุณมานะ หวายทิพย์ นอกจากกินตรงนี้แล้ว ยังมีของฝากพวกเราทุกคนเป็นชุดๆ อีกครับ..


จากนั้น พวกเราก็ตามคุณมานะ ไปจังหวัดร้อยเอ็ด ครับ..ถึงแล้วครับบ้านอาจารย์ประนอม..


รายละเอียดต่างๆ คอยดูจากเทปวีดีโอนะครับ.. วันนั้น นอกจากคืนฟิล์มที่ยืมมาแล้ว พวกเรายังได้ยืมฟิล์มหนังส่วนที่เหลือๆ มาอีก..กระเป๋านี้ก็ยืมมาครับ..


พวกเรารื้อ พวกเราค้น พวกเราหาฟิล์มหนังกันอย่างสนุกสนาน ตื่นเต้น..เพราะมีหลายเรื่องที่เราคาดไม่ถึง..เมื่อรื้อ เมื่อค้นกันเสร็จ ก็ทิ้งภาระเก็บกวาดบ้านเรือนให้กับเขาเหล่านี้..เพราะคนที่รื้อต้องถอดเสื้อครับ..ใครไม่ถอดเสื้อ ก็ต้องกวาดๆๆๆ


เมื่อจัดเก็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..ก็มีนายแบบคนนี้บอกว่า ขอถ่ายรูปกับหนังที่คิดว่า จะไม่ได้ดูแล้วชาตินี้..


ส่วนนางแบบคนนี้ ขอใกล้ชิดกับหนังที่ตัวเองแสดง..เพราะไม่คาดคิดว่า จะได้เห็นหนังเรื่องนี้อีกแล้ว ตุ๊กตา จินดานุช กับ ชะตาชีวิต..


จากนั้น ก็ปิดฉากด้วยการสนทนาถึงอดีตของโรงหนังเฉลิมเอก..คอยดูจากเทปวีดีโอนะครับ..


นี่แหละครับ โรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด ที่อีกไม่นาน ท่านจะได้ดู ได้ฟังจากลูกเจ้าของโรงหนัง-คนฉายหนังคนแรก-คนขายตั๋วหนัง..โปรดอดใจรอ..


           Maxkie Mitt การมาครั้งนี้ เราจัดเป็นระบบยิ่งขึ้นครับ แบ่งเป็นสองสาย สายA พี่ตุ๊กตา กับ คุณแตง ทำหน้าที่พูดคุยสนทนากับ อาจารย์ประนอมกับพี่สาวของท่านและญาติๆ ส่วนสายB มีพี่มนัส คุณจุ๊บ คุณนุ พี่อี๊ด และผม คอยช่วยกันค้นฟิล์ม จัดใส่ถุงดำ และยกไปเก็บที่ท้ายรถ สลับเปลี่ยนตำแหน่งกันบ้างตามความเหมาะสม บางเวลาก็แอบไปอู้นิดหน่อยแต่พองาม อิ อิ อิ ประกอบกับพี่มานะก็มาให้กำลังใจ และเล่าถึงข้อมูลของหนังและโรงฉายในสมัยที่พี่มานะ ยังทำโรงหนังอยู่ครับ และที่สำคัญพี่มานะมากระซิบบอกผมว่า จะพาไปเลี้ยงข้าวและ ร้องคาราโอเกะ ผมเลยมีแรงยกฟิล์มตัวปลิวเลยค้าบ 5555


           "เตี่ย..เขาคงอยากให้ลูกๆ ถึงให้แม่ได้มาเจอลูกๆ นี่แหละ" เป็นประโยคคำพูดที่อาจารย์ประนอมมักจะพูดอยู่เสมอๆ เมื่อพวกเราพูดถึงฟิล์มของโรงหนังเฉลิมเอก..โรงหนังเฉลิมเอก เปิดฉายมาประมาณปี 2508 แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ พอถามอาจารย์ประนอมว่า พอจะมีภาพถ่ายอะไรที่เกี่ยวกับโรงหนังเฉลิมเอกหรือไม่..อาจารย์ก็บอกว่า มีๆๆ ไว้แม่จะค้นมาให้..แล้วภาพที่ค้นได้มาก็มีตั้งแต่ช่วงสร้างโรงหนัง..และก็ช่วงที่ฉายหนังเรื่อง ภูพานอย่าร้องไห้ นี่แหละครับ..และก็เผอิญจริงๆว่า แม้จากการพูดคุยกับคุณมานะ หวายทิพย์ มือฉายหนังคนแรกของโรงหนังเฉลิมเอกจะได้ความว่า มีหนังหรือการแสดงของวงดนตรีบางคณะที่มีคนดูมากๆ แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ถ่ายรูปไว้เลย..พอผมบอกว่า โชคดีมากๆ ที่ได้ภาพถ่ายขาว-ดำชุดนี้ซึ่งมีประมาณ 10 ภาพมา อาจารย์ก็บอกว่า เตี่ย เขาคงอยากให้ลูกๆ นั่นแหละ....

           พอผมพูดถึงเรื่องฟิล์มหนังเก่าๆ ว่า โชคดีที่เตี่ยยังเก็บไว้ ไม่งั้นหนังสูญพันธุ์ไปแล้ว..อาจารย์ก็เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะย้ายมาอยู่ตึกแถวขณะนี้ ก็มีคนมาบอกให้เอาฟิล์มทิ้งหลายครั้งแล้ว แต่อาจารย์ไม่ยอม บอกว่าเป็นของเตี่ย เตี่ยอุตส่าห์เก็บมา ทิ้งไม่ได้ ก็เก็บฟิล์มไว้เรื่อยมากระทั่งพวกเราไปพบ ไปขอยืมมาใช้ประโยชน์นี่แหละครับ..ส่วนภาพข้างล่างนี้ สังเกตเห็นว่า ตัวโรงหนังจะเหมือนมีรั้วล้อมด้วย..ป้ายฉายวันนี้คือ ภูพานอย่าร้องไห้ แต่หนังที่รอโปรแกรมฉายอีก ด้านซ้ายมือคือ เหนือเพชฌฆาต หนังมิตร..พอดูมาด้านขวา ก็เป็น หนึ่งต่อเจ็ดประจัญบาน.. ซึ่งเป็นหนังในยุค 16 มม.นะครับ.. นักพากย์ของโรงยุคนั้นก็คือ ชาญชัย-รจนา.. ส่วนคนฉายหนังเรื่องนี้ก็คือ คุณมานะ หวายทิพย์ นี่แหละครับ..


           ครับ หนังเรื่อง ภูพานอย่าร้องไห้ ตามที่พูดๆ กันมาข้างบนนั้น ฟิล์มไม่มีแล้วครับเพราะช่วงนั้น โรงหนังเฉลิมเอก ยังไม่ได้จัดจำหน่ายหรือให้เช่าฟิล์ม สมัยแรกๆ จะเป็นแบบหนังวิ่งมาฉาย แล้วก็ไปฉายต่อยังโรงอื่นเรื่อยๆ ครับ..ส่วนภาพนี้ถ่ายไว้ขณะที่หนังเรื่องนี้มาฉายมาครับ.. สำหรับฟิล์มหนังที่พวกเรายืมมาจากอาจารย์ประนอมครั้งนี้ เมื่อวานนี้คุณจุ๊บจัดการ แยกออกเป็นเรื่องๆ แล้ว จำนวนเรื่องยังไม่แน่นอนเพราะมีหนังบางม้วนที่ยังไม่ทราบชื่อเรื่อง ต้องฉายดูก่อน จึงจะทราบ.. แต่ว่ารวมๆ กันแล้ว พวกเรายืมฟิล์มจากอาจารย์มาจำนวน 124 ม้วนครับ.. เมื่อวานนี้ ฉายดูแล้ว 2 เรื่องจำนวน 14 ม้วนครับ...เรียกว่าเป็นหนังสำคัญทั้งสองเรื่อง หาดูที่ไหนไม่ได้แล้วครับ..


ใบปิดหนังเรื้องภูพานอย่าร้องไห้เป็นหนังที่ทำเงินของโรงหนังเฉลิเอกตามที่พี่มานะบอกเล่าครับ

            ครับ ฟิล์มหนังจากกรุโรงหนังเฉลิมเอก ที่อาจารย์ประนอมยังคงเก็บไว้นั้น ถ้านับรวมครั้งแรกที่พวกเราไปยืมมาจากท่านอีกจำนวน 90 ม้วนบวกอีก 124 ม้วนในครั้งนี้ ก็จะเป็นฟิล์มรวม 214 ม้วน ซึ่งเป็นหนังไทยช่วงปี 2514-2524 นะครับ..เมื่อวานนี้ ผมสงสัยว่า กระเป๋าฟิล์มเรื่อง ระเริงชล ดูชื่อที่เขียนไว้มันลอกๆ ยังไง เหมือนจะมีรอยลบออก ก็คิดเล่นๆ ว่า ในกระเป๋าน่าจะไม่ใช่เรื่อง ระเริงชล จึงรีบนำฟิล์มมาตรวจเช็คซึ่งมีทั้งหมด 8 ม้วน..ตรวจไปจึงรู้ว่าเป็นหนังเรื่อง ลมรักทะเลใต้ ปี 2514 สมบัติ-เพชรา ครับ..ซึ่งก็เป็นหนังที่หาได้ยากเช่นกัน..

            แล้วก็ยังมีฟิล์มหนังที่มาเป็นม้วนๆ อีกหลายสิบม้วนครับที่ยังไม่รู้ชื่อเรื่อง ก็ต้องเร่งตรวจดู ตรวจซ่อมกันต่อไปเดี๋ยวจะไม่ทันใจเพื่อนๆ เฝ้ารอคอย.. และเมื่อสักครู่นี้ ผมเพิ่งตัดต่อเทปวีดีโอการสนทนาเรื่อง โรงหนังเสรี โรงหนังเฉลิมเอก เสร็จครับ ตัดไม่ค่อยลงเพราะเนื้อหาแน่น จึงได้ความยาวประมาณ 1 ชั่วโมงครับ คิดว่า ถ้าไม่ติดขัดอะไร พรุ่งนี้บ่ายๆ ก็โพสได้แล้วครับ..โปรดอดใจรอดูภาพหลุดๆ นะครับ..


จากกระทู้บทนี้ ก็ต้องตามไปอ่านต่อในบทที่ 535 เปิดตำนานโรงหนังเสรี โรงหนังเฉลิมเอก ร้อยเอ็ด
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=458754570935852&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มิถุนายน 2014, 00:10:40 โดย นายเค »
สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได