ผู้เขียน หัวข้อ: ใบปิดหนังไทยเรื่อง จ้าวภูผา แล้ว ก็ทำให้ทราบว่า เป็นภาพถ่ายที่ถ่ายไว้เมื่อปี2526  (อ่าน 214 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2814
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
สวัสดีครับทุกท่าน..ภาพนี้ใครถ่ายไว้ ผมก็ไม่ทราบ แต่ถูกใจผมมากๆ ดูจากใบปิดหนังไทยเรื่อง จ้าวภูผา แล้ว ก็ทำให้ทราบว่า เป็นภาพถ่ายที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2526 นะครับ

        ป้ายนี้ เขาก็ทำจากแผ่นไม้อัดธรรมดา-ท่าสีพื้น-ปิดโปสเตอร์หนังลงไปและก็เขียนข้อความโฆษณาว่า จะมีหนังมาฉาย 3 เรื่องควบ เก็บตั๋วคนละ 10 บาท (อันนี้แถมน้ำอัดลมด้วย) เป็นหนังจากบริการนันทวันภาพยนตร์ จังหวัดสุรินทร์ จะฉายที่อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์.. เหตุที่เขาบอกสถานที่ฉายไว้กว้างๆ นั้น ก็เพราะว่า ป้ายแบบนี้มักจะมีเพียงป้ายเดียว เขาจะฉายที่ตรงไหน เขาก็จะเอาป้ายนั้นไปปิดประกาศที่ตรงนั้น พอตกบ่ายๆ รถฉายหนังโฆษณามาถึง ก็จะเริ่มตั้งจอหนัง ทำการล้อมผ้ากั้นเป็นอาณาเขตของโรงหนัง จากนั้นก็เปิดเพลงเรียกคน ค่ำๆ ก็เริ่มขายตั๋วหนังและฉายในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม

        ปี 2526 นั้น ผมเข้ามาเรียนรามคำแหง จนใกล้จะจบแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านั้น สมัยเรียนมัธยมปลาย ผมก็เคยไปปิดวิกล้อมผ้าฉายหนังแบบนี้เหมือนกัน ราวๆ ปี 2522-2524 ไปกับบริการสมยศภาพยนตร์ สุรินทร์ (ปัจจุบัน เพื่อนคนนี้เขากลับมาฉายหนังอีกครั้งในชื่อ ไอเอส ภาพยนตร์ สุรินทร์) สมัยที่ผมฉายหนังนั้น ก็มักจะฉายเพียงแค่ 2 เรื่องควบ เก็บตั๋ว ราคาเด็ก 4 บาท ผู้ใหญ่ 5 บาท (แต่ว่าถ้าเป็นถิ่นธุรกันดาร เดินทางไปกลับไม่สะดวก ก็อาจจะฉายมากกว่า 2 เรื่อง ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการเดินทางกลับออกมาจากหมู่บ้าน) ช่วงที่ผมไปช่วยเพื่อนฉายหนังนั้น ก็ฝึกหัดทำหน้าที่ทุกอย่าง (คืออยากทำให้เป็นเพราะฝันอยากจะมีหน่วยฉายหนังเป็นของตัวเอง) สมัยนั้น บริการนันทวันภาพยนตร์ สุรินทร์ ก็โด่งดังมากๆ เพราะฉายแต่หนังใหม่ๆ แทบไม่มีเส้น ถ้าเป็นหนังพากย์ ก็มีนักพากย์ชื่อดัง "ลมโชย" เป็นตัวชูโรง พากย์เรื่องไหน คนดูก็ชอบอก ชอบใจ บางคนบอกว่า ไปดูนันทวันเพราะมีลมโชยพากย์ จนทำให้ผมนึกอยากจะเป็นนักพากย์กับเขาบ้าง สมัยนั้นบริการฉายหนังแทบทุกจอ จะเปิดเพลงให้ฟังไพเราะ บางจอก็จะมีนักพากย์หรือโฆษกมาทำหน้าที่แนะนำเพลงหรือพูดคุยกับคนดูด้วย มีการเขียนจดหมายมาขอฟังเพลงด้วย ผมกับเพื่อนก็เคยทำตัวเป็นโฆษกนักจัดรายการเปิดเพลงก่อนฉายหนังด้วย พอสาวๆ เขียนขอเพลงสายัณห์ สัญญา มามากๆ ยังหยอดมุขเลยว่า วันนี้ไม่มีสายัณห์ มีแต่สากล ได้ไหมครับ..

แล้วท่านล่ะครับ มีความหลังอะไรกับหนังล้อมผ้าบ้างหรือเปล่า

        ป.ล. สมัยนั้น แม่้เด็กฉายหนังอย่างพวกเราจะรู้จักกันจนเดินเข้าดูฟรีๆ ได้ แต่ไม่รู้เป็นอะไร พวกเราก็ยังนิยมลอดผ้าเข้าไปดูหนังนะครับ..ถ้าเป็นจอ นันทวัน ก็จะลอดในจังหวะที่เขาฉายหนังข่าววรฯ คนดูจะยืนขึ้น ทำให้ลอดผ้าได้ง่าย..แต่มันก็เป็นเก็กหรือมุขนะครับคือ ถ้าลอดผ้าไปเจอเด็กหนังด้วยกัน ก็จะต้องยอมออกมาก่อนเพราะเขาเห็นแล้ว แต่ถ้าลอดไปแล้ว เด็กหนังไม่เห็น อันนี้ก็รอด เด็กหนังก็จะคิดว่า ตัวเองกันไม่ดีเอง เขาก็ปล่อยๆ ไม่ว่ากัน..


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..