ผู้เขียน หัวข้อ: เปเล่ เจ้าของตำนาน Victory (เตะแหลกแล้วแหกค่าย) ตำนานกีฬาและเสรีภาพ  (อ่าน 161 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ flimreport

  • มือใหม่ ปรับชั้นต้องโพสรวม 30 กระทู้
  • *
  • กระทู้: 20
  • พลังใจที่มี 0
  • เพศ: ชาย
  • ค่ำแล้ว จะนอน ที่ไหนดี ?
    • ไทยซีน
Victory (เตะแหลกแล้วแหกค่าย) ตำนานกีฬาและเสรีภาพ

การเสียชีวิตของราชาลูกหนังอย่าง เปเล่ เจ้าของตำนานกองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก และ สถิติยิงประตูทีมชาติและสโมสรมากที่สุด (แต่ปัจจุบันโดนล้มไปหมดแล้ว) และ มหาอมตะนิรันด์กาลของวงการฟุตบอล ถ้ามวยปล้ำมี Hulk Hogan แกก็เป็นตำนานที่ถ้าพูดถึงฟุตบอลก็ต้องนึกถึงวลีว่า เปเล่ กับ มาราโดน่าใครเก่งกว่าเสมอ (ไม่ต่างกับโด้และเมสซี่นั้นแหละ)

การจากไปของแกสร้างความเศร้าโศกส่งท้ายปีให้กับคนวงการลูกหนังอย่างมากด้วยอัธยาศัยดี อารมณ์ขันชั้นเยี่ยม แถมยังมีความสามารถแทงสวนเวลาบอกใครเป็นแชมป์ได้อีก ประมาณว่า ลุงบอกใครได้แทงสวนได้เลยว่า ชิบหายแน่นอน (ถามลิ้วพูลได้) บวกกับช่วงรุ่งเรืองแกไปค้าแข้่งในอเมริกามาก่อน แน่นอนว่า ความดังของแกทำให้ได้เล่นหนังหนึีงเรื่องที่เป็นตำนานของวงการภาพยนตร์อีกเรื่องนั้นก็คือ Victory หรือชื่อไทยว่า เตะแหลกแล้วแหกค่ายนั้นเอง

หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์เรื่อง Két félidő a pokolban ซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องจริงที่เกิดกับทีม ดินาโม เคียฟ ในช่่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อนาซีเยอรมันยึดครองยูเครนในตอนนั้นแล้วสั่งให้ทีมดินาโม เคียฟยอมแพ้แก่เยอรมันในตอนนั้น แต่นักฟุตบอลของทีมไม่ยอมแพ้และสู้จนชนะถึงสองนัดติดด้วยสกอร์ 5-3 และ 8-0 ส่งผลให้พวกเขาถูกสังหารด้วยการส่งไปค่ายกักกันในเวลาต่อมาครับ (เข้าใจยังว่า ทำไมคนยูเครนถึงมีเลือดนักสู้กับรัสเซียได้ขนาดนั้นน่ะ)

เปเล่รับบทร่วมกับเฮียสไล ซิสเวสเตอร์ สตอลโลน และ นักฟุตบอลดัง ๆ อย่าง บ๊อบบี มัวร์ กัปตันทีมชาติอังกฤษ,ออสวัลโด อาร์ดิเลส นักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา รวมทั้งนักฟุตบอลจากทีมอิปสวิช ทาวน์ ที่ช่วงนั้นเป็นรองแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งเลยนะ ภายใต้การกำกับของผู้กำกับ จอห์น ฮุสตัน ผู้กำกับมากฝีมือในตอนนั้นครับ รวมทั้งป๋าไมเคิ่ล เคนที่มาเล่นหนังเรื่องนี้เพราะอยากเล่นหนังกับเปเล่ !!
.
นอกจากแสดงแล้ว ป๋าเปเล่ยังได้รับหน้าที่ออกแบบฉากแข่งขันในหนังด้วยนะ (ไม่ต่างกับผู้กำกับคิวบู้ในหนังแอ็คชั่นหรอก) ที่สำคัญแกเป็นตัวละครผิวสีคนเดียวในทีมนี้ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นภาพการเรียกร้องสิทธิของคนผิวสี ณ ช่วงเวลาที่ฟุตบอลยังเป็นโลกของคนขาว แต่ มีเปเล่นี่ละที่โชว์ให้เห็นว่า คนผิวสีเองก็ทัดเทียมและอาจจะเก่งกว่าคนขาวได้อย่างเช่นที่เขาเป็นนั้นแหละ

แน่นอนว่า หนังจบลงด้วยความสวยงามและไม่ได้เจ็บปวดแบบเรื่องจริง แต่สิ่งที่หนังต้องการย้ำคือ กีฬาคือ กีฬานั้นแหละ เมื่อลงในสนามแล้ว จะผิวไหน ชาติไหนสีไหนก็เท่าเทียมกันหมด

ต่อให้เป็นนาซีชั่วร้ายก็พ่ายแพ้ได้อยู่ดี

และนี่คือ หนังที่ช่วยบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมของสิ่งที่เรียกว่า กีฬาและฟุตบอลได้อย่างน่าภูมิใจมาก ๆ เฉกเช่นลูกยิงจักรยานอากาศของเปเล่ และ ตอนจบอันสวยงามนี้ที่ตอกย้ำว่า สงครามน่ะมันเหี้ย อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก

ขอสดุดีราชาแห่งลูกหนังและวิญญาณของนักฟุตบอลทั้งมวลที่ไม่ยอมแพ้และจำนนต่อความชั่วร้ายทั้งมวล ณ ที่นี้ครับ



ทีเด็ดคลิป หาดูยากมาก!!ฉากการแข่งฟุตบอลในภาพยนต์ในตำนาน1981เรื่อง"เตะแหลกแล้วแหกค่าย"..


กำธร เอี่ยมสุวรรณ (ไทยซีนภาพยนตร์) Tel. 0812550196  fax. 021930227  E-mail: thaicineman@yahoo.com
ที่ตั้ง 74/72 หมู่บ้านบัวทองธานี 7 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110
ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 348 221 2679