ผู้เขียน หัวข้อ: IKai : ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์  (อ่าน 26 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เซียวเหล่งนึ่งฯ

  • Administrator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • *****
  • กระทู้: 1499
  • พลังใจที่มี 3
IKai : ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์
« เมื่อ: 17 มกราคม 2023, 22:37:53 »

• ชื่ออังกฤษ : IKai
• ปีที่เปิดตัว : 2566
• เข้าฉายในไทย : 19 มกราคม 2566
• นำแสดง : ศักราช ศรีวังพล, ธีรยา เชาวนโยธิน, ณัฐวรรธ สุ่มพลอย
• กำกับโดย : ธีรธร เชาวนโยธิน
• ประเภท : Fantasy
• สร้างโดย : Thailand
• จำหน่ายโดย : ไอยารา แอนนิเมชั่น แอนด์ สตูดิโอ

เรื่องย่อ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์

           ในอดีตกาล พระธุดงค์ผู้มีญาณบารมีสูงส่งรูปหนึ่งได้นำดวงจิตของเด็กชายวัย 10 ขวบ มาพำนักไว้ที่วัดร้างบ้านฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยได้กำชับให้อยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ จนกว่าจะมีผู้มีบุญญาธิการมาถึง เด็กชายผู้นั้นก็อุทิศตนรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับพระธุดงค์ตลอดมา เวลาล่วงเลยอีกเกือบร้อยปี เก่ง (ศักราช ศรีวังพล) และ เปี๊ยก (ธีรยา เชาวนโยธิน) สองพี่น้องเดินทางพนันชนไก่จากพระนคร สู่เมืองนครศรีธรรมราช ทั้งคู่หลบหนีนักเลงเจ้าถิ่นไปอาศัยวัดร้างแห่งหนึ่งเป็นที่พักชั่วคราว และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทั้งคู่ได้พบกับ ไอ้ไข่ (ณัฐวรรธ สุ่มพลอย) โดยที่เก่งไม่เคยเอะใจเลยว่าไอ้ไข่ไม่ใช่เด็กธรรมดา

           นักเลงเจ้าถิ่นที่เก่งไปมีเรื่องในการพนันไก่ชนนั้น คือลูกชายของ ขุนสมาน ผู้กว้างขวางแห่งสิชล ขุนสมานเองก็พยายามที่จะขุดหาสมบัติในวัดร้างนั้นมาเก็บรักษาไว้เองอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะอิทธิฤทธิ์ไอ้ไข่ที่คอยปกป้อง ขับไล่ไม่ให้พวกคนใจโฉดเข้ามาขโมยสมบัติร้อนถึง เสือเมือง (บุ๋มบิ๋ม สามโทน) จอมขมังเวทย์ที่รีบออกเดินทางมาถึงบ้านฉลอง เพื่อเข้าสมทบกับขุนสมานเตรียมจัดการไอ้ไข่ขั้นเด็ดขาด ไข่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษาสมบัติตามคำมั่นที่เคยให้ไว้กับพระธุดงค์ได้หรือไม่ ส่วนเก่งก็เคลือบแคลงใจว่าไอ้ไข่ไม่ใช่มนุษย์ มิตรภาพจึงเกิดรอยร้าวครั้งใหญ่ บทพิสูจน์แห่งศรัทธาและปาฏิหาริย์กำลังท้าทายทุกตำนานที่เคยเกิดขึ้น


           คงจะต้องยอมรับกันแบบตรง ๆ ว่าหนังไทยเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อและพลังศรัทธาส่วนบุคคลแท้ ๆ แม้ว่าหน้าหนังไม่ได้มีอะไรดึงดูดความสนใจอะไรได้มากนัก ไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ไม่มีพลังพีอาร์ระดับเทพ แต่ "ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" ก็กลายออกมาเป็นหนังไทยที่เคลมว่าเป็นแอคชั่นแฟนตาซีผสมผสานตำนานเล่าขานที่เหนือธรรมชาติกับความศรัทธาของคนท้องถิ่น อาจจะฟังดูเป็นหนังแฝงการโปรโมทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปหน่อย แต่ปรากฏว่าเนื้อในของหนังนั้น...ก็ไม่ใช่แบบที่คิดไว้

           ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เล่าย้อนไปในอดีตกาล พระธุดงค์ผู้มีญาณบารมีสูงส่งรูปหนึ่งได้นำดวงจิตของเด็กชายวัย 10 ขวบ มาพำนักไว้ที่วัดร้างบ้านฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยได้กำชับ “ให้อยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ จนกว่าจะมีผู้มีบุญญาธิการมาถึง” เด็กชายผู้นั้นก็อุทิศตนรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับพระธุดงค์ตลอดมา เวลาล่วงเลยอีกเกือบร้อยปี เก่ง และ เปี๊ยก สองพี่น้องเดินทางพนันชนไก่จากพระนครสู่เมืองนครศรีธรรมราช เก่งเอาไอ้แดงไก่ชนคู่ทุกข์คู่ยากไปชนกับไก่ของนักเลงเจ้าถิ่นจนแพ้พนันหมดตัว เก่งและเปี๊ยกหลบหนี และต้องไปอาศัยวัดร้างแห่งหนึ่งเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทั้งคู่ได้พบกับเด็กคนชายผู้นั้นในวัดร้าง เก่งเรียกเขาว่า “ไอ้ไข่” โดยที่เก่งไม่เคยเอะใจเลยว่าไอ้ไข่ไม่ใช่เด็กธรรมดา


           นักเลงเจ้าถิ่นที่เก่งไปมีเรื่องในการพนันไก่ชนนั้น คือลูกชายของ ขุนสมาน ผู้กว้างขวางแห่งสิชล ขุนสมาน เองก็พยายามที่จะขุดหาสมบัติในวัดร้างนั้นมาเก็บรักษาไว้เองอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะอิทธิฤทธิ์ไอ้ไข่ที่คอยปกป้อง ขับไล่ ไม่ให้พวกคนใจโฉดเข้ามาขโมยสมบัติร้อนถึง เสือเมือง จอมขมังเวทย์ที่รีบออกเดินทางมาถึงบ้านฉลอง เพื่อเข้าสมทบกับขุนสมานเตรียมจัดการไอ้ไข่ขั้นเด็ดขาด ไอ้ไข่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษาสมบัติตามคำมั่นที่เคยให้ไว้กับพระธุดงค์ได้หรือไม่? ส่วนเก่งก็เคลือบแคลงใจว่าไอ้ไข่ไม่ใช่มนุษย์ มิตรภาพจึงเกิดรอยร้าวครั้งใหญ่ บทพิสูจน์แห่งศรัทธาและปาฏิหาริย์กำลังท้าทายทุกตำนานที่เคยเกิดขึ้น

           สำหรับหนังเรื่องนี้เป็นฝีมือของผู้กำกับหนังไทยที่คร่ำหวอดมาเป็นสิบปี อย่าง "ธีรธร เชาวนโยธิน" ที่มักจะถนัดงานสร้างหนังสยองขวัญหรือหนังที่แฝงไปด้วยข้อคิดกฎแห่งกรรม แม้ว่าผลงานของเขาที่ผ่าน ๆ มาอาจจะไม่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาและวงการหนังไทยสักเท่าไหร่ แต่การได้มาหยิบจับงานสร้างหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นลับคมฝีมือของเขาได้ดีไม่น้อย ทำให้เห็นว่างานที่สเกลใหญ่ขึ้น เขาก็สามารถรับมือกับมันได้อยู่


           อาจจะต้องบอกกันตรง ๆ ว่า ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบในทุกด้านแต่อย่างใด หนังยังเต็มไปด้วยจุดโหว่และช่องว่างเยอะแยะเต็มไปหมด การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างยวนยานเกินจำเป็นไปสักนิด เพราะมัวไปเสียเวลาอยู่กับการปูเรื่องและเกริ่นเรื่องในช่วงครึ่งแรกเป็นชั่วโมง แต่พอสามารถจับทางและเข้าเนื้อหาของหนังได้แล้วนั้น ก็ถือว่าตัวหนังค่อนข้างไหลลื่นได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะยังเป็นรสชาติที่ไม่ได้ให้ความอร่อยแบบธรรมชาติสักเท่าไหร่นัก

           จังหวะการตัดต่อและลำดับเรื่องราวในหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังคงค่อนข้างต้องปรับปรุงอยู่อีกหน่อย เพราะเป็นจุดที่คอยตัดอารมณ์ของหนังไปบ่อยครั้ง ยังไร้ความละมุนในการใส่จุดเชื่อมโยงแต่ละฉากและซีนไปอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งยังแอบเห็นว่าบางจุดก็ใส่เข้ามาเกินจำเป็นไปสักนิด และบางซีนเหมือนจะยังลืม ๆ ใส่องค์ประกอบที่ครบถ้วนเข้าไปอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงจุดเล็กน้อยที่แทบจะสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำ


           ทางด้านการแสดงที่ต้องยอมรับว่าแทบไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ๆ เลยในหนังเรื่องนี้ แต่ก็มีนักแสดงหลายคนที่ช่วยกันประคับประคองหนังเรื่องนี้กันไปให้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งก็ต้องชื่นชมการแสดงและการแบกรับหนังเรื่องนี้ของนักแสดงหนุ่ม "ต้น ศักราช" ที่เหมือนจะมีประสบการณ์ทางการแสดงมากที่สุดในบรรดานักแสดงนำที่มีอยู่ และเป็นตัวละครที่คอยช่วยพยุงหนังเอาไว้ในหลาย ๆ จุด แม้ว่ามิติบทที่เขาได้รับนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลย และออกจากน่ารำคาญไปสักด้วยซ้ำ ไปฝีมือการแสดงของเขา..เอาได้อยู่

           ขณะที่ลีลาการแสดงของ น้องโกฮัง ณัฐวรรธ ที่มารับบทหนักในหนังเรื่องนี้ ก็ต้องว่ายังไม่มีอะไรที่น่าจดจำสักเท่าไหร่ แต่น้องก็ถือว่าพยายามแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ถึงการแสดงจะยังต้องฝึกฝนอีกต่อไป แต่ก็ถือว่าการคัดเลือกน้องมารับบทเป็นไอ้ไข่ในครั้งนี้ เป็นตัวเลขที่เหมาะสมดี โดยเฉพาะลักษณะกายภาพของน้อง ที่ถือว่าค่อนข้างเหมาะสมกับตัวบทนี้ อาจจะยังไม่ใช่การแสดงที่ดีนัก แต่เชื่อว่าน้องจะพัฒนาได้ดีขึ้นต่อไปแน่นอน

           ส่วนทีมนักแสดงคนอื่น ๆ ก็พากันช่วยแบกหนังเรื่องนี้สักอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น "ครีมมี่ พลอยปภัส", "โอโบ ธีรยา" หรือแก๊งรุ่นใหญ่ "ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง", "โกวิท วัฒนกุล" หรือ "บุ๋มบิ๋ม สามโทน" มาช่วยเป็นคาแรกเตอร์เสริมที่ทำให้หนังดูเติมเต็มยิ่งขึ้น แม้ว่าบทบาทและคาแรกเตอร์ของพวกเขานั้น แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่และตื้นเขินไปเสียหมดก็ตามที


           แต่สิ่งหนึ่งต้องปรบมือให้เสียงดัง ๆ ให้กับ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ ก็คืองานออกแบบเทคนิคพิเศษและซีจีต่าง ๆ ที่ยอมรับว่าหนังทำออกมาได้ค่อนข้างดีกว่าที่คาดเอาไว้มากทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้องค์ประกอบนี้ออกมาฟุ่มเฟือยเท่าไหร่ แต่เห็นได้ชัดว่าเวลาใส่ออกมาแต่ละฉากนั้น ค่อนข้างพิถีพิถันและใส่ใจงานซีจีอย่างละเอียดที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นหนังที่มีดีที่งานซีจีและไม่ใส่งานหยาบ ๆ ออกมาดูถูกคนดูเป็นอย่างยิ่ง

           นอกจากนี้ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ค่อนข้างน่าพอใจอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น องค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ ที่เซ็ตฉากออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ รวมทั้งงานถ่ายภาพและดีไซน์ภาพในหนังเรื่องนี้ มีหลาย ๆ ฉากที่ทำออกมาได้สวย อีกทั้งยังพยายามใส่มุมกล้องแบบใหม่ ๆ เข้ามาเป็นเทคนิคที่แปลกใหม่ในหนังไทยได้ดีอีกด้วยเช่นกัน


           โดยภาพรวมแล้วนั้น ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ถือว่าเป็นหนังที่พอดูได้เพลิน ๆ อาจจะยังไม่เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบมากนัก แต่ก็จัดได้ว่ามีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างที่น่าพอใจดี บทหนังกับการเล่าเรื่องอาจจะยังเป็นจุดอ่อนไปสักหน่อย แต่ก็มีสิ่งอื่นเข้ามาทดแทนจุดด้อยของหนังได้เป็นอย่างดี แม้ว่าก่อนจะเข้าไปดูหนังเรื่องมีความคิดส่วนตัวว่าจะเป็นหนังที่เชื่อมโยงโปรโมทกับความเชื่อท้องถิ่นมากแน่ ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับไม่ใช่ นี่ก็คือหนังที่สร้างขึ้นจากตำนานเล่าขานของชาวใต้ ที่เต็มไปด้วยความเคารพและความศรัทธา ที่มาจากพลังใจอย่างแท้จริง


          หากพูดถึงตำนานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของภาคใต้ที่เลื่องลือเรื่องโชคลาภ ชื่อของ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” จาก ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช น่าจะติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ด้วยอภินิหารที่ชาวบ้านท้องถิ่นเล่าขานกันมา ส่งผลต่อความเชื่อ และดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศให้เดินทางมากราบไหว้บูชาขอพรจากไอ้ไข่ไม่ขาดสาย แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ไอ้ไข่คือใคร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอรวบรวมประวัติ ไอ้ไข่ พร้อมวิธีบูชาให้สมหวัง รวมถึงการแก้บนมาฝาก

ประวัติ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์

          ตำนานไอ้ไข่มีหลายเรื่องด้วยกัน บ้างก็ว่าไอ้ไข่เป็นลูกศิษย์ที่ติดตามหลวงพ่อทวด เมื่อครั้งเดินทางจากสงขลาจะไปพระนครศรีอยุธยา เมื่อหลวงพ่อทวดธุดงค์มาถึงวัดร้าง และรับรู้ด้วยญาณของท่านว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นหลักสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาในภายภาคหน้า จึงบอกให้เด็กชายอยู่กับ ขรัวทอง ผู้เป็นสมภารวัด ครั้นเมื่อใกล้เวลาที่หลวงพ่อทวดจะเดินทางกลับจากอยุธยา ด้วยกลัวว่าพระอาจารย์จะพากลับถิ่นฐาน อีกทั้งสัจวาจาที่เคยให้ไว้ว่าจะอยู่ดูแลวัดแห่งนี้ เด็กชายจึงเดินลงสระน้ำปลิดชีวิตตัวเอง เพื่อให้วิญญาณได้คอยปกปักรักษาวัดเจดีย์จวบจนปัจจุบัน

          ขณะที่บางตำนานก็ว่า ไอ้ไข่คือเด็กลูกชาวบ้านแถวนั้นที่เคยวิ่งเล่นอยู่ในวัดตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นวัดโบราณ แต่เคราะห์ร้ายประสบอุบัติเหตุตกน้ำเสียชีวิต วิญญาณของเด็กน้อยซึ่งผูกพันอยู่กับวัดก็สถิต ณ วัดแห่งนี้เรื่อยมา

          เมื่อประมาณ พ.ศ. 2500 เริ่มมีการบูรณะพัฒนาวัด ผู้คนที่มานอนค้างอ้างแรมก็เริ่มพบเจอเรื่องประหลาด โดยเห็นเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณวัด แต่เมื่อเข้าไปหาดูก็ไม่พบ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงเรียกเด็กที่ปรากฏร่างนั้นว่า "เด็กวัด"

สิ่งศักดิ์สิทธิ์

         
          กระทั่งราวปี พ.ศ. 2524-2525 ผู้ใหญ่เที่ยง เมืองอินทร์ ฉายาอาจารย์เที่ยง หักเหล็ก ซึ่งเป็นจอมขมังเวทย์ที่มีอาคมเข้มขลังในยุคนั้น นิมิตเห็นเด็กเปลือยกาย มาพร้อมกับพระจีวรสีคล้ำ แล้วบอกว่า "แกะรูปเราให้ที เราจะได้มีที่อาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง" อาจารย์เที่ยงจึงแกะสลักไม้ตะเคียนขึ้นมาเป็นรูปเด็กชายตามนิมิต และได้ปรึกษาพ่อท่านเทิ่ม เจ้าอาวาส ว่าควรจะตั้งชื่อให้เด็กวัด จึงเกิดเป็นที่มาของชื่อ “ไอ้ไข่” ซึ่งเป็นคำทางปักษ์ใต้ใช้เรียกเด็กเล็ก ๆ และหากใครมีเรื่องเดือดร้อน วัว ควาย ข้าวของหาย ก็จะจุดธูปบนบานขอให้ไอ้ไข่ช่วยหา ซึ่งมักจะประสบผลเสมอมา ทำให้ไอ้ไข่เป็นที่รักและนับถือของชาวบ้าน

ไอ้ไข่ ตำนานและอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์

          เมื่อปี พ.ศ. 2526 พ่อท่านเทิ่ม เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ในขณะนั้น ได้จัดสร้างเหรียญบูชาไอ้ไข่ รุ่นแรก พร้อมกับพัฒนาวัดไปด้วย แต่เวลานั้นพื้นที่รอบ ๆ ยังมีความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ กองร้อยทหารพรานจึงได้เข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการชั่วคราวอยู่ที่วัดเจดีย์ แต่แค่คืนแรกก็เจอดี เพราะมีเด็กมาหยอกเล่น ดึงแขนดึงขา เอาปืนตีศีรษะบ้าง ล้มราวปืนบ้าง วุ่นวายจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

          เมื่อชาวบ้านรู้เข้า จึงแนะนำให้บอกกล่าวไอ้ไข่ก่อน และเมื่อทำอาหารรับประทานให้แบ่งอาหารตั้งเป็นเครื่องเซ่นให้กับไอ้ไข่ด้วย เมื่อทำดังนั้น คืนต่อมาทุกอย่างก็เงียบสงบ นอนหลับสบาย ไม่มีอะไรมารบกวน ทำให้ชื่อเสียงของไอ้ไข่เป็นที่โจษจัน จนกลายเป็นตำนานเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่น

          ปัจจุบัน ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ มีลักษณะเป็นไม้แกะสลักรูปเด็กชายอายุราว 9-10 ขวบ สวมชุดลายพรางทหาร สวมแว่นตาดำ ซึ่งมาจากสิ่งของที่ชาวบ้านที่นับถือศรัทธานำมาถวายแก้บน โดยเชื่อว่าใครที่มาขอพรกับไอ้ไข่ด้วยจิตศรัทธาก็มักจะสำเร็จดั่งหวัง ของานได้งาน ขอเงินได้เงิน ทำให้ชื่อเสียงของ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ โด่งดังไปทั่วทุกแห่งหน ทุกวันนี้จึงมีรูปแกะสลัก รูปวาด หรือรูปหล่อเพิ่มขึ้นอีกมากมายหลายจุดในวัด เพื่อรองรับแรงศรัทธาของมหาชนที่หลั่งไหลกันเข้ามามากขึ้นทุกวัน

คาถาบูชาไอ้ไข่ วัดเจดีย์

สำหรับใครที่ต้องการไหว้บูชา ให้ตั้งจิตอธิษฐานและสวดคาถาบูชา ดังนี้

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมังนะมัสสามิ

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ (3 จบ)

อิติ อิติ กุมาระไข่เจดีย์ จะมะหาเถโร ลาภะ ลาภา ภะวัณตุเม (9 จบ)

          ขอให้ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ คุ้มครองอำนวยอวยชัยทุกสิ่งอย่างจงสมหวังทุกประการ และให้ข้าพเจ้าพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ทุกวัน



ตัวอย่างหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์


SPOT TEASER ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์


‘ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์’ [Official Teaser]


'ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์' [Official Trailer]


บรรยากาศงานแถลงข่าว ‘ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์’


สกู๊ปไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์: จากตำนานไอ้ไข่ สู่การผจญภัยเหนือทุกปาฏิหาริย์


ไอ้ไข่ออนทัวร์ - สงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช [ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์]



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ (2023)

 
 
 
 
 


ภาพโปสเตอร์

























เซียวเหล่งนึ่งฯ  นายพนมกร คำวัง (ตู่)
โทร 094-3619414, 086-4025293
อีเมล์: tuu414@scryptmail.com
Line: Touu-panomkornsmfjusthost@gmail.com
ชื่อบัญชี : นายพนมกร คำวัง
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีนครปฐม ออมทรัพย์ เลขบัญชี : 830-209795-5   
ธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัสนครปฐม ออมทรัพย์ เลขบัญชี : 637-001757-