ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยกันระลึกนึกถึง.. หนังไทยสองเรื่องนี้ แคนลำโขง - ด้วยปีกของรัก  (อ่าน 327 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2814
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
       สวัสดีครับทุกท่าน.. อดีตไม่มีวันเลือนหาย หากเรายังจะช่วยกันระลึกนึกถึง.. หนังไทยสองเรื่องนี้ แคนลำโขง ฉายครั้งแรกวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2515 ที่โรงหนังเพชรรามา.. ส่วนเรื่อง ด้วยปีกของรัก ฉายครั้งแรกวันที่ 28 ธันวาคม 2517 ที่โรงหนังแมคเคนน่า..เป็นหนังดังและมีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่ แต่วันนี้หนังทั้งสองเรื่องอยู่ในสภาพที่เหมือนๆ กันคือ ไม่มีฟิล์มหนังมาฉายให้ดูกันอีกแล้ว กลายเป็นหนังสาบสูญ หนังสูญพันธ์ุ ถ้าจะเหลือ ก็คงเหลือแต่ความทรงจำ ความในใจของเพื่อนๆ สมาชิกที่จดจำหนังสองเรื่องนี้เท่านั้น

       สำหรับผมแล้ว แคนลำโขง ตอนที่เห็นฉายบนจอหนังกลางแปลงครั้งแรกก็ยังเป็นเด็กนักเรียน..คืนนั้น เดินไปซื้อต้มยำที่ร้านหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ ระหว่างที่ยืนรอเถ้าแก่เขาปรุงต้มยำให้อยู่นั้น หูก็ได้ยินเสียงหนังกลางแปลงฉายอยู่ใกล้ๆ จึงรีบหิ้วหม้อต้มยำของพ่อเดินเข้าซอยข้างๆ ไปดูหนัง.. ก็เห็นว่าฉายเรื่อง แคนลำโขง เส้นฝนนี่เต็มจอเลยครับ ผมยืนดูอยู่ประมาณ 10-20 นาที ก็รีบเอาต้มยำไปส่งให้พ่อก่อน..คิดว่า จะกลับมาดูต่อ แต่พ่อไม่ให้ออกจากบ้านแล้วครับ..คืนนั้นก็ได้ดู แคนลำโขง เพียงนิดเดียวเอง.. ส่วนเรื่อง ด้วยปีกของรัก นั้น ก็เคยเห็นแต่ใบปิดหนัง ปิดโฆษณาไว้ในสำนักงานบริการฉายหนังกลางแปลงแห่งหนึ่ง แต่ช่วงนั้นยังไม่มีเจ้าภาพมาจ้างไปฉายครับ หนังก็ถูกปล่อยต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ ครับ..

        สมัยนั้นโฆษณาว่า จาก แว่วเสียงซึง สู่ แคนลำโขง.. หนังไทยรุ่นเก่าแบบนี้ เปิดตัวฉายกันเพียงโรงเดียว.. นั่นก็หมายถึงมีฟิล์มอยู่ชุดเดียว...ถ้าเป็นโรงในเครือคือ ฉายเพิ่มเป็น 2 โรง เช่น เพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์ ก็ยังเข้าใจว่า จะเป็นฟิล์มชุดเดียว แต่ใช้วิ่งหนังสลับเวลากัน..  ยุครุ่งเรืองของหนังไทย หนังก็คือมหรสพที่ได้รับความนิยมสูงสุด พลอยทำให้บุคคลที่เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ รุ่งเรืองตามไปด้วย สมัยนั้นหนังยังปักหลักฉายกันเพียงโรงเดียวเท่านั้น ที่นั่งดูก็ราวๆ 500 -1,000 ที่นั่ง ฉายกันไปตามหน้าหนัง หากเรื่องไหนได้สตางค์ก็ฉายนานหน่อย การฉายหนังในต่างจังหวัดก็แบ่งออกเป็นสายหนังต่างจังหวัด ฟิล์มที่ฉายก็มีจำกัด ใช้หมุนเวียนกันไปครับ พ้นจากหนังโรง ก็ไปฉายจอกลางแปลง จอหนังขายยา ฉายกันไปเรื่อยๆ จนกว่าหนังจะตกยุคหรือฟิล์มชำรุด ก็เลิกฉาย..ปีหนึ่งๆ มีหนังไทยออกฉายประมาณ 80-120 เรื่องครับ มากมายจริงๆ ครับ

         นังน่าจะยุคเดียวกัน แคนลำโขง แว่วเสียงซึง แม่อายสะอื้น ใด้ดูเพียงสองเรื่อง ดู แม่อายสะอื้นกับ แว่วเสียงซึง แต่แคนลำโขงไม่เคยดูและ ด้วยปีกของรัก ก็ไม่ดู แคนลำโขง มีนักร้องลูกทุ่ง ด้วยสังข์ทอง สีใส เรียม ดาราน้อยมีหรือเปล่าก็ไม่รุ้ แต่เพลงของเขามี ชื่อเพลงเหมือนชื่อหนัง เหมือนกับแว่วเสียงซึง เพลงแว่วเสียงซึง ก็เหมือนชื่อหนังนั้นแหละครับ เรียม ดาราน้อยร้องไว้ทั้งสองเพลงครับ ย้อนกลับไปคิดว่า พอเรารู้ว่า สมัยก่อน ปีหนึ่งๆ มีหนังไทยออกฉายประมาณ 80-120 เรื่อง เราก็นำรายชื่อหนังไทยแต่ละปีออกมากางดูว่า มีเรื่องอะไรฉายกันบ้าง..แล้วคิดต่อไปอีกว่า ปัจจุบันมีหนังเรื่องอะไรบ้างที่เหลืออยู่ให้ดูเป็นวีดีโอ-วีซีดี-ดีวีดีบ้าง.. บางปีอย่างยุคหนัง 16 มม.นั้น บางปีแทบเหลือไม่ถึง 10 เรื่องเลยครับ..ผมเคยลองนับเล่นๆ แล้ว สมมุติว่ามีหนังไทยออกฉายมา 4 พันเรื่อง แต่ปัจจุบันมีอยู่ให้ดูไม่ถึง 100 เรื่องครับ.. น่าใจหายมากๆ กับการสูญเสีย.. แม้จะไม่เหลือฟิล์มหนังให้เราดู แต่ถือว่ายังโชคดีมากที่เราได้เห็นใบปิดหนังไทยของหนังยุคนั้น ซึ่งไม่สญหายตามไปด้วย ทำให้เราได้เห็นภาพแล้วก็หลับตาจินตนาการเนื้อเรื่องตามครับ

        แคนลำโขง ดูที่โรงหนังเฉลิมพันธ์ุแถวบ้านครับ จำได้คร่าวๆ ว่านางเอกเป็นเจ้าหญิงลาว โดนก่อกบฏ พี่เลี้ยงแสดงโดยบุศรา แอบลอบพาเจ้าหญิงซึ่งยังเล็กมากๆ หนีเข้ามาทางฝั่งไทย ต่อมาพี่เลี้ยงไปหาอาหารในป่า แล้วถูกงูกัดตาย เด็กจึงถูกชาวบ้าน เนาวรัตน์ วัชรา เอาไปเลี้ยงต่อจนโต แล้วมีโอกาสเข้า กทม.มาอยู่กับวงดนตรีวงหนึ่งที่มีเมตตาเป็นลูกสาว อรัญญา เมตตาเรื่องนี้มี look เป็นทอมบอย ตัดผมสั้น แล้วตอนหลังก็มีเรื่องกู้บัลลังก์คืน นางเอกได้กลับไปเป็นเจ้าหญิงอีกครั้ง เพลงแคนลำโขง เพราะมากครับ



          สมัยก่อน เขามองกันว่า หนังเป็นมหรสพความบันเทิง เรียกหยาบๆ อีกอย่างหนึ่งว่า เป็นพวกเต้นกินรำกินและข้อสำคัญหนังยังเป็นเรื่องของเอกชนล้วนๆ รัฐจึงไม่ค่อยจะคิดสนับสนุนหรือส่งเสริมครับ..ฝ่ายผู้สร้างหนังนั้นก็ใช่ว่าจะร่ำรวย วันนี้สร้างได้สตางค์ พรุ่งนี้สร้างขาดทุนก็เยอะครับ เขาถึงพูดว่า สร้างหนังก็จะเหลือแต่หนัง(หุ้มกระดูก) เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติแบบนี้ เราก็อย่าไปโทษผู้สร้าง-ผู้กำกับหนังเลยครับ..บางคนบอกว่าเพราะผู้สร้างไม่เอาฟิล์มเก็บห้องแอร์เย็นๆ ฟิล์มจึงเสีย.. ก็ขนาดผู้สร้างเองยังนอนห้องพัดลมเลยครับ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเปิดแอร์ให้ฟิล์มนอนล่ะ..บางครั้งพูดได้ แต่ทำไม่ได้หรอกครับ บางคนก็บอกว่า ผู้สร้างน่าจะเก็บฟิล์มไว้สักชุด..ก็คิดเล่นๆ นะครับว่า สมัยนั้นฟิล์ม 1 ชุดพิมพ์ออกมาราคาเกือบ 4-5 หมื่นบาท เขาจะพิมพ์ก็ต่อเมื่อสายหนังมาซื้อไปฉายครับ ไม่มีใครพิมพ์ฟิล์มมาเก็บไว้เฉยๆ หรอกครับ..ยิ่งสมัยนั้นไม่รู้ด้วยว่าจะมีระบบวีดีโอเทปมารองรับ..ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องฉายไปเรื่อยๆ จนกว่าฟิล์มจะฉายไม่ได้หรือตกรุ่นครับ

เพลง แคนลำโขง เสียงร้องของ เรียม ดาราน้อย ซึ่งมีผู้ลงไว้ในยูทูปครับ



แคนลำโขง - เรียม ดาราน้อย

          แคนลำโขง ละครวิทยุคณะแก้วฟ้าเล่นตอนเย็นๆดังมาก.ผมมีเหาก็เพราะฟังละครวิยุเรื่องนี้แหละ.วิทยุถ่านจะหมดไงเสียงเบาพวกเราล้วมวงต้องเอาหัวไปหยุมรวมกัน 555 ติดเหาจากเพื่อนผู้หญิง   เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงเวียงคำหอบลูกสาวชื่อเวียงแก้วหนีการตามล่าจากนักปฎิวัติเธอมารอที่ริมน้ำโขงเพื่อรอพี่ชายของเธอตามสัญญาเมื่อได้ยินเสียงแคนแต่แล้วเธอถูกงูกัดตายโดยชาวบ้านนำเวียงแก้วลูกสาวเธอไปเลี้ยงจนเติบโตและมีความสามารถในการร้องเพลงและแต่งเพลงอันไพเราะจนวันหนึ่งเธอก็ได้มาพบลุงของเธอที่เธอกับแม่ได้หลบซ่อนตัวไว้เพือรอฟังสัญญลักณ์ของสียงแคนตามริมน้ำโขงอันแสนไพเราะเของ
" แคนลำโขง "
( แล่นแตร แล่นแตร แต้ตูแลแล่นแตร ฟังฟังแน่ เพลงแคนลำโขง ต้งโตดต่ง เสียงพิณเคล้าแคน ตะแลลิแล่นแตร)

          หนังเรื่องมนต์รักลูกทุ่งได้นำกลับมาฉายแล้วหรือยังครับ หนังไทยเรื่องแรกที่มีรายใด้เกิน1,000,000บาท ชอบมากครับแต่ดูไม่เต็มเรื่องด็เมื่อปี2537ถ้าจำไม่ผิดช่อง7ใด้สร้างละครเรื่องนี้ก็ดังมากจนมีการตามหาฟิล์มกันขึ้นมา ก็ใด้มาแค่1ก๊อบแต่ไม่สมบูรณ์มากนัก นำมาทำใหม่แล้วฉายตามโรงหนัง รายใด้ช่วงนั้นล้านบาทเทียบเท่าปี2537ประมาณ25ล้านบาทสาเหตุที่ผมดูไม่เต็มเรื่องเพราะมีเจ้าภาพมาจ้างฉายกลางแปลงหนังมี8ม้วนเต็มผมเป็นคนฉายสำรองหรือคนดูเตาหรือเปลี่นถ่านเตาฉายหนังเมื่อคนเปลี่นฟิล์มบอกว่าหนังมันยาว8ม้วนเต็มฉายแค่6ม้วนก็พอ ตั่งแต่คืนนั้นก็ไม่มีโอกาศใด้ฉายอีกถึงเจ้าภาพมาจ้างแต่ไม่ฟิล์มฉาย เพราะฟิล์มที่ทำขึ้นมาใหม่มีไม่มากและมักจะหากระทันหันด้วยครับ และอีกเรื่องคือมนต์รักลูกทุ่งภาค2 อย่างงนะครับตอนเริ่มสร้างใหม่ๆเขาใช้ชื่อนี้พอสร้างใด้ครึ่งเรื่องเปลี่ยนชื่อเรี่องว่า จะกู่รักกอดน้องให้ก้องโลก คุณ หนุ่ม สันติสุข เป็นดารานำครับ ก็สนุกดีครับ เคล้าโึคลงเรื่องกฺ็เป็นภาคต่อจากเรื่องมนต์รักลูกทุ่ง แต่ห่างกันราวๆ20ปีครับ "หอม..

เอย...หอมดอกกระถิน กลิ่นรวยรินเคล้ากลิ่นกองฟาง"ที่คุณยอดรัก ร้องใว้เพราะมากๆครับ




"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..