เวบบอร์ดสำหรับผู้ชื่นชอบระบบการฉายภาพเคลื่อนไหว

รวบรวมข้อมูลความเป็นมาของระบบภาพยนตร์ => ครั้งแรกกับภาพยนตร์ในสยามประเทศ => ข้อความที่เริ่มโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 18 เมษายน 2012, 21:26:48

หัวข้อ: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 18 เมษายน 2012, 21:26:48
….ลำดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ก่อนกำเนิดภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก     
  พ.ศ 2432
   Thomas Alva Edison นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสหรัฐอเมริกา ได้สร้างเครื่องดูภาพยนตร์สำเร็จเป็นรายแรก เรียกกันว่า Kinetoscope ซึ่งเป็นตู้แบบ “ถ้ำมอง” (ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5)
 พ.ศ. 2438
    หลุยส์ และ ออกุสท์ ลูมิแอร์ สองพี่น้องชาวฝรั่งเศส ได้พัฒนาภาพยนตร์แบบถ้ำมองของเอดิสันให้สามารถฉายขึ้นจอใหญ่ ชมพร้อมกันได้หลายๆคน และเรียกว่า Cinematograph
     ปีต่อมาเขาได้ทำเครื่องฉายแบบนี้เป็นจำนวนมากและฝึกสอนเจ้าหน้าทีตระเวนฉาย เก็บค่าชมจากสาธรณชน ตามเมืองต่างๆทั่วโลก
 พ.ศ. 2439
   รัชกาลที่5 ได้เสด็จประพาสประเทศสิงคโปร์ และชวา ทรงเป็นคนไทยพระองค์แรกที่ได้ชมภาพยนตร์ แบบถ้ำมองของเอดิสัน
 พ.ศ. 2440 
    เอส.จี.มาร์คอฟสกี้ กับคณะ นำซิ้เนมาโตกราฟของสองพี่น้องลูมิแอร์ เข้ามาจัดฉายเก็บเงินเป็นครั้งแรกในสยาม และระหว่างการเสด็จประพาสยุโรป ของรัชกาลที่5 ได้มีการบันทึกเหตุการณ์เป็นภาพยนตร์ไว้ นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับคนไทยม้วนแรกของโลก
     ผู้บุกเบิกการถ่ายหนังคนแรกของไทยคือ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลย์วงศ์ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ พระเจ้าน้องยาเธอในรัชกาลที่5 ถือเป็น พระบิดาแห่งวงการภาพยนตร์ไทย จากนั้นภาพยนตร์ก็เป็นที่แพร่หลาย และนิยมถ่ายทำกันอย่างสมัครเล่น ในกลุ่มเชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูง มีการก่อตั้งสโมสรภาพยนตร์สมัครเล่นเพื่อแลกเปลี่ยนกันชม ตั้งแต่ปี 2443
พ.ศ. 2465 
   ภาพยนตร์ถูกใช้เป็นการบันทึกผลงานของรัฐ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดย “กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน” ได้ทรวจัดตั้งศูนย์ผลิตภาพยนตร์อย่างเป็นทางการใช้ชื่อว่า “กองภาพยนตร์เผยแพร่ข่าว” สังกัดกรมรถไฟหลวง
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 19 เมษายน 2012, 07:47:59
  กำเนิดภาพยนตร์แห่งสยาม
นางสาวสุวรรณ
พ.ศ.2466  ภาพยนตร์ไทย(ลูกครึ่ง) เรื่องแรก 
 จากการสร้างงของบริษัทิ “ยูนิเวอร์เซล” ระบบฟิล์ม 35 มม.ความยาว 8 ม้วน โดย “เฮนรี่ แมคเร”  เป็นผู้กำกับ “สเงี่ยม นาวีเสถียร” และ “ขุนรามภรตศาสตร์”(ยม มงคลนัฏ) เป็นนางเอก-พระเอกคู่แรก โดย “หลวงภรตกรรมโกศล” เป็นตัวโกงคนแรก เรื่องราวเป็นชีวิตรักของหนุ่มสาว ที่มีฝ่ายผู้ร้ายใส่ความว่าพระเอกเป็นฆาตกร ต้องมีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์กัน เพื่อให้ความรักนั้น เอาชนะอุปสรรคไปได้
    หนังถ่ายทำในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ทั้งที่หัวหิน (สถานต่างอากาศยอดฮิตแห่งยุค) และเชียงใหม่(หัวเมืองเหนือที่มีภูมิประเทศทิวทัศน์แมกไม้สวยงามและภูมิอากาศหนาวเย็นสบาย) ฉากในกรุงเทพส่วนใหญ่เน้นความงดงามของพระราชวังและวัด ขณะที่ภาพเหตุการณ์นั้นสะท้อนถึงความเป็นไทยในยุคนั้นอย่างน่าศึกษา เช่น สภาพครองครัวที่เป็น “ครอบครัวใหญ่” มีญาติพี่น้องอยู่ครบหน้า หรือ ฉากพลอดรักที่มีเพียงการเกาะกุมมือ ฝ่ายหญิงทำเอียงอายปกป้อง ไม่ถึงกับกอดจูบ (ยุคนี้ตรงกับสมัย รัชกาลที่ 6)


โชคสองชั้น
พ.ศ.2470 ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก           
  จากฝีมือคนไทยโดยฝีมือของพี่น้องตระกูล “วสุวัต” กับคณะหนังสือพิมพ์สยามราษฎร์และศรีกรุงมี นายมานิต วสุวัต เป็นผู้สร้าง,หลวงการเจนจิต เป็นผู้ถ่ายภาพ นายมานพ ประภารัตน์ และ “มล.สุดจิตร อิศรางกูร” เป็นพระ-นาง จากการเขียนบทของ “หลวงบุณยมานพพานิช” (อรุณ บุณยมานพ) หลวงอนุรักษ์รัถการ (เปล่ง สุขวิริยะ) กำกับ เป็นหนังขาว-ดำ ไม่มีเสียง (ใช้ตัวหนังสือประกอยเป็นระยะๆ คล้ายหนัง “ชาร์ลี แชปปลิน”) หลวงภรต ตัวโกงจากหนังเรื่อง “นางสาวสุวรรณ” รับบทร้ายอีกครั้ง

ช้าง
พ.ศ. 2468 หนังสารคดีเรื่องแรก     
  สร้างโดย “บริษัทพาราเม้าท” มีนเรียน ซี. คูเปอร์ นวยการสร้างและกำกับ เป็นเรื่องราวของครอบครัวชนบททางภาคเหนือที่ต้องบุกเบิกหักร้างถางพง เพื่อทำนาและต่อสู้กับความดุร้ายของเสือที่ชอบออกมาล่าสัตว์เลี้ยงเป็นอาหาร ชาวบ้านจึงช่วยกันทำกับดักเสือ แต่ปรากฏว่าดักได้แต่ “ลูกช้าง” ต่อมาช้างป่าโขลงใหญ่ได้บุกเข้ามาพังหมู่บ้านเพื่อช่วยเหลือลูกช้าง ชาวบ้านจึงต้องหาทางทำ “เพนียด” เพื่อจับช้างมาฝึกใช้งานในที่สุด
 พ.ศ. 2470 ประวัติศาสตร์โลกได้จารึกว่า
บริษัท วอร์เนอร์ บร้าธอร์(อเมริกา) ได้สร้างภาพยนตร์เสียงขึ้นเป็นเรื่องแรกของโลกชื่อ “THE JAZZ SINGER”

“แสงมหาพินาศ”
พ.ศ.2472  หนังสเปเชียลเอฟเฟ็คเรื่องแรก
  ม.ร.ว. อนุศักดิ์ หัสดิน เป็นผู้สร้าง โดยนำเอาเทคนิดใหม่ๆมาใช้ ในลักษณะที่เรียกว่า “Special Effects” ในส่วนของภาพหรือ “Visual Effects”
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 19 เมษายน 2012, 07:51:13
รบระหว่างรัก
พ.ศ. 2473 งานบันทึกเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1    
   ผลงานการเขียนบทและกำกับของ “ขุนวิจิตรมาตรา” นำเรื่องรักสามเส้าต่างชนชั้นมาผูกเป็นปม พระเอกเป็นลูกชาวนา ที่ต่อมาอาสาไปรบอย่างห้าวหาญในสงครามโลกครั้งที่ 1ได้รับคำชมมากมายในฉากรบที่เข้มข้น ถ้ามองในเนื้อหาที่สะท้อนความรักข้ามศักดินา และรักซ้อนสามเศร้า
    น่าสังเกตว่านี่คือต้นแบบโครงเรื่องหนังของไทยที่จะกลายมาเป็นหนัง MELO-DRAMA หรือหนังน้ำเน่าในยุคต่อมา(หรือจนปัจจุบัน)
 “หลงทาง”
ภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม เรื่องแรก พ.ศ.2475 
    เพียง5ปีที่อเมริกาทำหนังมีเสียงได้ คนไทยก็สามารถทำได้โดยทีมงานของบริษัทิหนังเสียงศรีกรุง โดยนายมานิต วสุวัต เป็นผู้สร้างสรรค์ มอยหมายงานให้ผู้กำกับชื่อดังจาก “รบระหว่างรัก” คือ “ขุนวิจิตรมาตรา” หรือ “สง่า กาญจนาคพันธุ์” มาเป็นผู้กำกับเป็นหนังเพลง เป็นเรื่องราวของหนุ่มชาวไร่ที่ทิ้งลูกทิ้งเมียมาหลงแสงสีในกรุง มีเพลงประกอบถึงุ 6 เพลง ซึ่งก็เป็นแนวที่ฮอลลีวู้ดกำลังนิยม จะเห็นได้ว่าอิทธิพลความเจริญตามกระแสโลกได้มีส่วนสะท้อนภาพและบันทึกไว้บนแผ่นฟิล์ม (ยุคนี้ตรงกับสมัย ร.7 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย พ.ศ.2475)

ปู่โสมเฝ้าทรัพย์
พ.ศ. 2476 หนังผีเรื่องแรก
   จากผลงานการกำกับและเขียนเรื่องของ “ขุนวิจิตรมาตรา” ได้แนวมาจากหนังผีฝรั่ง ได้ชื่อว่าเป็นงานสร้างที่ทันสมัยที่สุดมีการแต่งกายแบบสากลมีเพลงอมตะอย่างเพลง “กล้วยไม้” และถ่ายทำเป็นหนังสีเรื่องแรก นอกจากนี้ยังถือว่าเป็น “หนังผี”เรื่องแรกของไทย
เลือดทหารไทย
พ.ศ.2477 หนังทุนทหาร 
  เป็นหนังไทยที่ได้รับการสนับสนุนจาก “สามเหล่าทัพ” คือ ทหารบก,ทหารเรือ และทหารอากาศ ร่วมกันสร้างหนังที่แสดงถึงแสงยานุภาพของกองทัพไทย โดย “พันตรีหม่อมหลวงขาบ กุญชร”และ “จำรุ กรรณสูตร” เป็นคู่ พระ-นาง ในยุคที่บ้านเมืองมีอิทธิพลของทหารเป็นกำลังสำคัญ จะเห็นว่าแม่แต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทหารก็เข้าไปมีบทบาทไม่น้อย
“เพลงหวานใจ”
พ.ศ. 2480 หนังเพลง    
   หนังเพลงเรื่องแรกของไทย ที่นำเอาการเต้นแบบลีลาศมาเสนอ เนื้อหาเป็นเรื่องรักที่เกิดในต่างแดน  พระเอกเป็นนักบินเจ้าเสน่ห์ กำกับโดย “ขุนวิจิตรมาตรา” “จำรัส สุวคนธ” และ “มานี สุมมนัฏ” เป็นคู่พระ-นางคู่แรกที่เป็นดาราระดับ คู่ขวัญ“ ที่มีแฟนนิยมคับคั่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งสองคนเคยมีผลงานร่วมกันมามาก อาทิ กลัวเมีย,หลงเมีย,หลอกเมีย



หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นักพากย์ภูธรย้อนยุค ที่ 19 เมษายน 2012, 12:51:56
    แหม....เก่งจริงๆ....ท่านน้อง...ฉัตรชัย....หาข้อมูลได้ดีเยี่ยม.....ให้....เกรด...4....ไปเลย..
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Sutham ที่ 19 เมษายน 2012, 13:20:12
ขยันจริงๆๆๆ ;D ;D
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นายเค ที่ 19 เมษายน 2012, 18:55:10
ขยันจริงๆๆๆ ;D ;D

สงสาร น้องนุ๊ก   จิง จิ๊ง   :) ;D
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Sutham ที่ 19 เมษายน 2012, 19:44:39
ขยันจริงๆๆๆ ;D ;D

สงสาร น้องนุ๊ก   จิง จิ๊ง   :) ;D

ใช้แรงงานเด็กระวัง........ ::) ::)
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 19 เมษายน 2012, 20:42:43
แหมก็ลูกเขารักพ่อ ก็ต้องตามใจพ่อหน่อย ;) ;) ;)
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 19 เมษายน 2012, 21:56:20
“สามปอยหลวง”
พ.ศ.2482 หนัง16 มม. เรื่องแรก
   หนังไทยเรื่องแรกที่สร้างในระบบ 16 มม. สีธรรมชาติ สร้างโดย มจ.ศุภวรรณดิศ ดิศกุล เนื้อหาเป็นเรื่องของการไปเที่ยวภาคเหนือโดยเส้นทางรถไฟ เน้นภาพสวยของวิวทิวทัศน์ (ก็คงจะประมาณกับแนวหนังของ “ท่านทิพย์” มจ.ทิพยฉัตร ฉัตรไชย ในยุคหลังๆ)
 
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 19 เมษายน 2012, 22:23:59
หนังไทยระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
พ.ศ. 2483 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรป 
 ความรุ่งเรืองของหนังไทยในยุคบุกเบิก ได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างหนัก เนื่องจากเกิดภาวการณ์ขาดแคลนฟิล์มถ่ายภาพยนตร์ขนาด 35 มม. อย่างฉับพลัน หลังจากที่ยุโรปเริ่มลุกโชนด้วยไฟสงคราม จากความเหี้ยมโหดของฮิตเลอร์    ผู้นำนาซีเผด็จการของเยอรมัน ก่อนที่จะแผ่ขยายความหายนะไปทั่วโลกเมื่อญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ที่เป็นฐานทัพสหรัฐ ทัให้อเมริการประกาศตัวเข้าร่วมสงครามทันที  และหลังจากที่สงครามลุกลามมาจนถึงเอเชียบูรพา ญี่ปุ่นก็ยาตราทัพขึ้นฝั่งไทยในวันที่ 8 ธันวาคม 2483 เพื่อใช้เป็นทางผ่านไปพม่าและมลายู ทำการรบกับอังกฤษที่ยึดอินเดียเป็นอาณานิคม รวมทั้งจีน ซึ่งญี่ปุ่นได้บุกแมนจูเรียและทำสงครามกดดันจีนมานานหลายปีแล้ว ในวันที่ยกพลขึ้นบก ได้มีปฎิบัติการต่อต้านญี่ปุ่นอย่างรุนแรง จากยุวชนทหาร ซึ่งจบชีวิตลงอย่างน่าสลดใจ แต่ก็คงไว้ซึ่งวีรกรรมอันหาญกล้าของวัยรุ่นรักชาติ
     ในภารกิจที่สำคัญอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นก็คือการสร้างรถไฟไทยไปพม่า ซึ่งกลายเป็นทางรถสายมรณะ และมีสะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นปฏิบัติการสุดโหดที่ต้องสังเวยด้วยชีวิตของเชลยศึกชาวอังกฤษ,ออสเตรเลีย และอเมริกัน ไปกบความดิบเถื่อนของป่าดงพงไพรและความกราดเกรี้ยวแห่งไฟสงครามรัฐบาลไทยขณะนั้นได้เข้ากับญี่ปุ่น ยอมให้ใช้เป็นทางผ่าน เพื่อความอยู่รอดในขณะที่คนไทยหลายกลุ่มได้รวมตัวต่อต้านญี่ปุ่นกันอย่างลับๆ หลายกลุ่ม อาทิ ไทยถีบ ต่อมารวมตัวกันเป็นขบวนการ   ชื่อ เสรีไทย โดยในสายต่างประเทศมี นายปรีดี  พนมยงค์ เป็นแกนนำสำคัญ
    กรุงเทพ ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรถล่มอยู่หลายครั้ง เพื่อปราบญี่ปุ่น เป็นเหตุให้ คู่กรรม ระหว่าง โกโบริ กับ อังศุมาลิน ได้พบรักกัน ขณะที่ มนัส ก็ทำภารกิจลับในกลุ่มเสรีไทย สถานการณ์ช่วงนี้ ปรากฏอยู่ในนิยายอีกหลายเรื่อง(ในยุดต่อๆมา) อาทิ ระย้า,แหวนทองเหลือง , แสงเพลิงที่เกริงทอ ,ขมิ้นกับปูน,โสนบ้านเช้าคัดเค้าบานเย็น ,คนเริงเมือง ,หยุดโลกเพื่อเธอ ฯลฯ ซึ่งก็สะท้อนภาพเหตุการณ์แห่งยุคสมัยไว้หลายด้าน มีทั้งเรื่องรักระหว่างรบ ,การพลัดพราก ,การเสียสละเพื่อชาติ ,สายลับสองหน้า ,ตามล่าขุมทอง ,วิธีชีวิตในไฟสงคราม ,การเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคม, การปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่ๆ ฯลฯ
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นกขมิ้น ที่ 20 เมษายน 2012, 12:34:19
สุดยอดจริงๆ เลย สมคำร่ำรือ  ;D ;D
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 20 เมษายน 2012, 22:05:01
สุดยอดจริงๆ เลย สมคำร่ำรือ  ;D ;D
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 21 เมษายน 2012, 18:47:34
*หนังไทยในยุคสงครามโลกครั้งที่2*
  พระเจ้าช้างผือก
   หนังปลุกใจ พ.ศ. 2483 
  ผลงานการสร้างของนายกรัฐมนตรี นายปรีดี พนมยงค์ เพื่อส่งเข้าประกวดรางวัลสันติภาพโนเบิลไพรซ์ ถ่ายทำอย่างยิ่งใหญ่ในระบบ 35 มม. เป็นหนังขาวดำ มีการให้นักแสดงพูดภาษาอังกฤษทั้งหมด “เรณู กฤตยากร” และ “ไพริน เนียลเซน” เป็นดารานำ “สันห์ วสุธาร” กำกับ เป็นหนังที่แสดงให้เห็นถึงการปกครองบ้านเมืองและความกล้าหาญในการทำสงครามของพระมหากษัตริย์ที่กระทำยุทธหัตถีบนหลังช้างศึก
   บ้านไร่นาเรา
    หนัง PROPAGANDA พ.ศ.2484   
   นายกรัฐมนตรี ป.พิบูลย์สงคราม จัดให้สร้างเพื่อผลงานทางการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง แง่ของการปลอบขวัญคนไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ญี่ปุ่นบุกไทย “ครูเนรมิต” กำกับจากเรื่องของ “ส. กาญจนาคพันธุ์” มีเสืออากาศหนุ่ม ร้อยเอกทวี จุลทรัพย์ เป็นพระเอก และ อารีย์ ปิ่นแสง เป็นนางเอก เนื้อหาพูดถึงสภาพความเป็นอยู่ของชาวไร่ยุคใหม่ที่แต่งกายแบบชุดชาวนาฝรั่ง ใส่กางเกงยีนส์กบเอี๊ยมชุดหมี สวมหมวกปีกแบบคาวบอย มีความเป็นอยู่ทันสมัยฐานะดี ถ่ายทำในระบบ 35 มม.ขาวดำ เสียงในฟิล์ม
    สงครามเขตหลัง
    หนัง SOUND  ON  FILM เรื่องแรก พ.ศ.2486             
    สร้างโดยกองทัพอากาศ สำท้อนเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่2 เป็นวีรกรรมอันห้าวหาญของนักบินรบไทยที่สามารถบินต่อสู้ขับไล่เครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ใช้เครื่องบินB-52 ขณะที่เครื่องบินของเราเป็นแบบเครื่องยนต์เดียว มีปืนกลกระบอกเดียวแต่รบแบบไม่กลัวตายแบบ “กามิกาเซ่” ของญี่ปุ่น อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างพร้อมกันคือ “นักบินกลางคืน” แต่ถ่ายไม่จบ เพราะเข้าสู่ยุคฟิล์มขาดแคลน อันเป็นผลมาจากสงครามทำให้ช่วงนี้ละครเวทีกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 21 เมษายน 2012, 19:10:23
     พ.ศ.2488 สงครามโลกครั้งที่2 ยุติ 
    ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่2            
      ก่อนหน้านี้ ละครเวทีเป็นที่นิยมอย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นละครร้องที่มีเพลประกอบมากมายนำการแสดงในลักษณะสากลมาประยุกต์ เกิดนักแสดงที่ได้รับความนิยม และนักประพันธ์เพลงก็ได้สร้างผลงานเอาไว้มาก แต่พอเกิดสงคราม มหรสพต่างๆก็ประสบปัญหา เพราะกรุงเทพถูกทหารสัมพันธมิตร”บอมบ์” อยู่บ่อยๆ เพื่อกดดันญี่ปุ่น หลังจากสงครามสงบลงโดยญี่ปุ่นยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะถูกสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมณูทำลายล้าง2เมืองใหญ่ คือ “ฮิโรชิมา” และ “นางาซากิ” ก็เป็นยุคที่ละครเวทีเสื่อมความนิยมลง ผู้สร้างหนังผุดขึ้นมากมาย และเปลี่ยนไปทำหนัง 16มม. แทนฟิล์ม 35มม. ยุคนี้มีบริษัทผู้สร้างแข่งขันกันทำหนังในเชิงพาณิชย์มากขึ้นเป็นลำดับ อาทิ
   บริษัท บูรพาศิลป์ภาพยนตร์  (สาวเครือฟ้า2477,แผลเก่า2497)
   อัศวินภาพยนตร์ โดยพลตรีพระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าภานุพันธุ์ ยุคล (พันท้ายนรสิงห์2493)
   ละโว้ภาพยนตร์ โดยพลโทพระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการ (นางทาส2503)
   บริษัท สถาพรภาพยนตร์ (มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุด) สร้าง เสียงสาป,นางนกป่า,มาตุภูมิ,ชะตารัก
   หนุมาณภาพยนตร์ (สันติวีณา2496,น้ำตาลไม่หวาน,แพรดำ,โรงแรมนรก,ชั่วฟ้าดินสลาย)
   บริษัทบาร์โนสภาพยนตร์ (โปตี๋น2498)
   เช่นเดียวกับผู้กำกับภาพยนตร์ ในยุคนี้ก็เริ่มมีผลงานมาแข่งกันอย่างคึกคัก นอกจากเชื้อพระวงศ์อย่าง พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล และ พระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการ ก็มีรุ่นบุกเบิกอย่าง “รัตน์ เปสตันยี”, “มารุต”, “เนรมิต” ฯลฯ
   หนังเด่นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2
   สุภาพบุรุษเสือไทย พ.ศ.2492   
  หนังไทยหลังสงครามโลกครั้งที่2 เรื่องแรก ถ่ายทำในระบบฟิล์ม 16มม. สีเทคนิค ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จากงานกับกับของ มจ.ศุภวรรณดิษ ดิษกุล และ แท้ ประกาศวุฒิสาร ซึ่งคนหลังนี้ทำหน้าที่ถ่ายภาพด้วย นำแสดงโดย สุรสิทธิ์ สัตวงศ์ พระเอกยอดนิยมในเวลาต่อมา สอางค์ ทิพยทัศน์ เป็นนางเอก เป็นเรื่องของกำนันที่ถูกป้ายความผิดว่าฆ่าคนตาย และมีเรื่องราวชิงรักหักสวาท เป็นหนังทำรายได้อย่างเป็นประวัติการณ์
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ต่อพงศ์ สุวรรณโสภา ที่ 25 เมษายน 2012, 20:08:38
เกิดทันกันป่าวเนี้ย คุณลุง
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: pch ที่ 25 เมษายน 2012, 20:11:02
 :-\ ดูเหมือน 35 มม.จะมาก่อน 16 มม.ใช่มั๊ยครับ สำหรับสารคดี"ช้าง"ผมเห็นเผยแพร่ในระบบดิจิตอลเมื่อเร็วๆนี้เองครับ(ได้ไฟล์มาจากเพื่อนแต่ตอนนี้ลืมที่เก็บ) ไม่น่าเชื่อว่าถ่ายทำมาเกือบ 90 ปีมาแล้ว :-\
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 25 เมษายน 2012, 20:13:19
พันท้ายนรสิงห์ พ.ศ.2493     
    ผลงานเรื่องแรกของบริษัทอัศวินภาพยนตร์ ซึ่งเดิมคือ บริษัทไทยฟิล์ม จากการก่อตั้งของนักเรียนนอกในยุคนั้น มี พระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เป็นผู้นำ หนังเรื่องนี้เคยเป็นละครเวทีที่ประสบความสำเร็จมาก่อน จึงได้รับความนิยมมาก ชูชัย พระขรรค์ชัย และ สุพรรณ บูรณะพิมพ์ เป็นพระ-นาง กำกับการแสดงโดย มารุต มีเพลงเด่นคือ น้ำตาแสงไต้ เป็นเรื่องราวของนายท้ายเรือที่ยอมสละชีพเพียงเพื่อให้ผู้ปกครองบ้ายเมืองรักษากฎเกณฑ์ โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้การกระทำนั้นจะสร้างโศกนาฏกรรมอย่างแสนสาหัส หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก ทำให้ อัศวิน ส้รางภาพยนตร์เด่นๆอย่างต่อเนื่อง เช่น นเรศวรมหาราช เป็ดน้อย ละครเร่ จำปูน เพลงจากหนังคือ น้ำแสงไต้ โด่งดังมาจนปัจจุบัน เขียนทำนองโดย สง่า อารัมภีร์ ทำนองโดย มารุต(บทละครนี้ถูกนำมาสร้างใหม่หลายครั้งด้วยกัน)
 สาวเครือฟ้า พ.ศ. 2493
   จากบทพระพันธ์ที่นำมาแสดงเป็นละครเวที ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อีกครั้ง เป็นเรื่องราวของสาวเหนือที่ต้องจบชีวิตด้วยโศกนาฏกรรม เพราะไม่สมรักกับนายทหารหนุ่มผู้มาจากเมืองกรุง การตัดสินใจฆ่าตัวตายของสาวเครือฟ้านั้นเด็ดเดี่ยว แทบเคียงกับโอเปร่า MADAME BUTTERFLY วิไลวรรณ วัฒนพานิช นำแสดงคู่กับ ชลิตสุเสวี ในบทร้อยตรีพร้อม (ในไม่กี่ปีต่อมามีการนำบทประพันธ์นี้มาสร้างอีกครั้ง นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา และ พิสมัย วิไลศักดิ์ และใน พ.ศ. 2525 สุพรรณษา เนื่องภิรมณ์ และ นิรุตติ์ ศิริจรรยา ก็ได้รับบทนี้)
สันติ- วีณา พ.ศ. 2496      
  หนังไทยเรื่องแรกที่สามารถคว้ารางวัลจากต่างประเทศ
   จากการสร้างครั้งแรกของ “รัตน์ เปสตันยี” แห่งบริษัทหนุมาณภาพยนตร์ ได้รับรางวัลกำกับการแสดงยอดเยี่ยม (ครูมารุต),กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม (อุไร ศิริสมบัติ)และถ่ายภาพยอดเยี่ยม(จากฝีมือของรัตน์ เปสตันยี) และได้รับรางวัลการเผยแพร่วัฒนธรรมดีเด่นจากการประกวดภาพยนตร์เอเชีย-อาคเนย์ ที่ประเทศญี่ปุ่น ปี2497 เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯเสด็จไปทอดพระเนตรในรอบปฐมทัศน์ ถ่ายทำในระบบ 35 มม.เสียงในฟิล์ม สีธรรมชาตสมบูรณ์แบบ นำแสดงโดย “พูนพัน รังควร” และ “เรวดี ศิริวิไล”(ในปี 2519 มีการสร้างใหม่ให้ “นาท ภูวนัย” และ “นัยนา ชีวานันท์” นำแสดง โดยทีมงานเก่าๆกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ใบปิดสวยมาก)
ดรรชนีนาง พ.ศ.2497
   นี่ก็มาจากละครเวทียอดนิยม เรื่องรักปนเศร้า แบบโศกนาฏกรรมเช่นกัน ส.อาสนจินดา เล่นคู่ สวลี ผกาพันธ์ เรื่องชาวทะเลสาวที่พบรักกับนายทหารเรือและไม่สมหวังเพราะถูกกีดกันกลั่นแกล้งแย่งชิงคนรัก ปีต่อมามีการสร้าง เสือน้อย เป็นภาคต่อ เรื่องของทายาทหนุ่มที่เกิดมาด้วยบาดแผลแห่งหัวใจของพ่อแม่ ส.อาสนจินดา ทั้งกำกับและนำแสดง สร้างชื่อเสียงและฝีมืออย่างมาก และบทเด่นของเสือน้อย ก็ทำให้นักแสดงอย่าง ทักษิณ แจ่มผล โด่งดังในทันที (ดรรชนีนาง สร้างอีกครั้ง ให้ อรัญญา นามวงศ์ คู่ กรุง ศรีวิไล โดยมี รัชนู บุญชูดวง ดาวรุ่งทางทีวี. รับบทเป็นลูกสาว เสือน้อย รับบทโดย สรพงษ์ ชาตรี ประกบ สมบัติ เมทะนี เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ เป็นนางเอก หนังไม่ค่อยประสบความสำเร็จทั้ง 2 เรื่อง)
โบตั๋น พ.ศ.2498 
  หนังไทยเรื่องแรกที่ทำรายได้เกิน1ล้านบาท(ทำรายได้ 1ล้าน 6แสน จากการฉายโปรแกรมตรุษจีน) จากการนำแสดงของพระเอกแห่งยุคผู้เจนจัดมาจากละครเวที ส.อาสนจินดา ประชันบทบาทกับนางเอก วิไลวรรณ วัฒนพานิช นางเอกเจ้าน้ำตาชื่อดัง,ร่วมด้วย ฑัต เอกฑัต กำกับโดย ครูเนรมิต เป็นเรื่องรักต้องห้ามของหนุ่มไทยกับสาวเชื้อจีนต่างชนชั้น (ต่อมา สมบัติ เมทะนี เล่นคู่กับ พิสมัย วิไลศักดิ์ โดยมี นาท ภูวนัย และนางเอกจีนอีกคนสมทบ)
ชั่วฟ้าดินสลาย พ.ศ.2499
  หนังรักที่แฝงด้วยความอาฆาตพยาบาท จากพล็อตเรื่องแปลก,สมัยใหม่ จากงานประพันธ์ของ เรียมเอง เรื่องของหนุ่มน้อยที่หลงเสน่ห์เมียสาวของอา จึงถูกจับล่ามโซ่ติดกันให้สมอยาก ต่อมา กาลเวลาที่ทำให้รัก และพิศวาสนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัด เมื่อทั้งสองหนีได้สำเร็จจึงเลือกทางออกด้วยวิธีการตาย โดยให้ฝ่ายหญิงกินยาพิษก่อน แต่พอเธอตาย ฝ่ายชายกลับไม่สังหารตัวเอง เขาตัดมือเธอขาดเพื่อให้พ้นจากพันธนาการติดกัน แต่เขาก็เสียสติด้วยความสับสนทางจิตใจ เวลาต่อมา ชนะ ศรีอุบล เป็นพระเอก งามตา ศุภพงษ์ เป็นนางเอกเซ็กซี่ เมียน้อยของพะโป้ ชายแก่ผู้มีความโหดเหี้ยมและอาฆาต ซึ่งรับบทโดย ประจวบ ฤกษ์ยามดี และสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่เขาเป็นอย่างมาก
   ในยุคของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้พยายามผลักดันให้เกิด บริษัทภาพยนตร์แห่งชาติ จากการรวมกลุ่มของผู้สร้างหนังเสียงในฟิล์มมาตาฐานของประเทศไทย และยังมีโครงการสร้างเมืองภาพยนตร์แห่งแรกของไทยคล้ายกับ ฮอลลีวู้ด แต่แล้วก็ฝันสลายเมือเกิด รัฐประหารโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์   ในปี 2501
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 25 เมษายน 2012, 21:38:13
:-\ ดูเหมือน 35 มม.จะมาก่อน 16 มม.ใช่มั๊ยครับ สำหรับสารคดี"ช้าง"ผมเห็นเผยแพร่ในระบบดิจิตอลเมื่อเร็วๆนี้เองครับ(ได้ไฟล์มาจากเพื่อนแต่ตอนนี้ลืมที่เก็บ) ไม่น่าเชื่อว่าถ่ายทำมาเกือบ 90 ปีมาแล้ว :-\
หนัง 35 ม.ม. มีก่อน หนัง 16 ม.ม มาตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะว่าขาดแคลนฟิล์ม 35 ม.ม ลองหาภาพสารคดื ช้างมาให้ชมหน่อย อยากดูเหมือนกัน ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: rocket man ที่ 26 เมษายน 2012, 16:26:35
ข้อมูลดีๆมีประโยชน์เป็นอย่างมากครับ ...ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: pch ที่ 26 เมษายน 2012, 18:30:15
 ;D ลองลิงค์ดูครับ ;D
http://www.softbizplus.com/antique-collectibles/565-chang-frist-films-in-siam
http://www.youtube.com/watch?v=eW6Tv693e3E
http://www.youtube.com/watch?v=YPoIaJQ-Ww4
http://www.youtube.com/watch?v=ytbrFuGqOjU
http://www.youtube.com/watch?v=RPsrOAgnCv0
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 26 เมษายน 2012, 18:53:53
ขอบคุณมากเลยครับ คุณพรชัย ;D ;D
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: pch ที่ 26 เมษายน 2012, 19:35:50
 ;D ดูแล้วก็ขำดีครับ ตอนแรกที่ดูก็ไม่รู้ว่าเป็นสารคดีเรื่องแรกของไทย มานึกออกก็ตอนได้อ่านในเวปนี้เองครับ ;D
http://www.youtube.com/watch?v=hsffjf29qA8
http://www.youtube.com/watch?v=RUSxS-TJdUo
http://www.youtube.com/watch?v=Z6w7x0YklUs
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เทวินทร์ ที่ 28 เมษายน 2012, 13:32:12
ขอบคุณมากครับคุณครู ว่างๆจะมาเยี่ยมที่บ้านครับ
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 09 พฤษภาคม 2012, 21:22:34
พระเจ้าช้างเผือกเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทางนายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ ๘ ประสงค์ต้องการจะให้เป็นภาพยนตร์ที่ประชาสัมพันธ์ความเป็นชาติรัฐของไทยในช่วงปี พ.ศ.๒๔๘๓ ที่ต้องการปลุกใจให้คนไทยรักชาติ เนื่องจากภาวะของประเทศที่ใกล้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง

http://www.youtube.com/watch?v=y9NcF6Yj5a0
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 09 พฤษภาคม 2012, 21:32:05
http://www.youtube.com/watch?v=gQ-KPsxwl-Y
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 09 พฤษภาคม 2012, 21:37:20
http://www.youtube.com/watch?v=4s9bcfnaWXA
http://www.youtube.com/watch?v=JmTq699j7jU
http://www.youtube.com/watch?v=rHRR56ul9TE
http://www.youtube.com/watch?v=VsWWUtT9P6c
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 09 พฤษภาคม 2012, 21:41:18
http://www.youtube.com/watch?v=YgCcXpX6t84
http://www.youtube.com/watch?v=PlaQe4octAM
http://www.youtube.com/watch?v=7pgYtCKSj-o
http://www.youtube.com/watch?v=fXoRVbkssRQ
http://www.youtube.com/watch?v=2qVis-jrWF0
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นายเค ที่ 10 พฤษภาคม 2012, 18:28:21
ไปหาที่ไหนมาพี่  ไม่เคยเห็นเลย    :-*
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 20 พฤษภาคม 2012, 20:21:21
ไปหาที่ไหนมาพี่  ไม่เคยเห็นเลย    :-*
ถ้าว่าง ก็หามาลงให้บ้างสิ.. :D
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นายเค ที่ 05 กรกฎาคม 2012, 09:14:44
เรื่องไร  พี่ ไม่คุ้นเลย
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เจ ที่ 05 กรกฎาคม 2012, 12:52:57
เรื่อง ช้าง ผมมีแล้ว ดูหลายรอบแล้ว
ส่วนพระเจ้าช้างเผือก ยังไม่มี

(http://i59.photobucket.com/albums/g294/songp47/eee41247.jpg)
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ฉัตรชัยฟิล์มshop ที่ 18 ตุลาคม 2012, 20:47:49
  กำเนิดหนังไทย
  นางสาวสุวรรณ” : ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก
ในปี ๒๔๖๖ ครั้งรัชกาลที่ ๖ ชาวสยามพากันตื่นเต้นและยินดี เมื่อมีคณะฝรั่งนักสร้างภาพยนตร์มืออาชีพจากฮอลลีวู้ดสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้ามาสยามเพื่อจัดสร้างภาพยนตร์ชนิดเรื่องบันเทิง โดยใช้เรื่องราวของชาวสยามและใช้คนไทยเป็นตัวแสดง

คณะฝรั่งจากฮอลลีวู๊ดนี้มี นายเฮนรี เอ. แมคเร (Henry A.Macrae) เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งผู้อำนวยการสร้าง ผู้เขียนเรื่อง และผู้กำกับการแสดง นายแมคเรได้ติดต่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถ่ายภาพยนตร์ในสยาม ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณ มีพระบรมราชานุญาต ทั้งยังโปรดเกล้าฯให้กรมรถไฟหลวง และกรมมหรสพ ร่วมงานกับนายแมคเรด้วย โดยกรมรถไฟหลวงช่วยอำนวยความสะดวกในการหาสถานที่ถ่ายทำ การเดินทางและขนส่ง การล้างและสำเนาฟิล์มภาพยนตร์ ส่วนกรมมหรสพร่วมมือด้านผู้แสดงดังนี้จึงกล่าวได้ว่าเป็นการร่วมมือสร้างระหว่างสองชาติ

นายแมคเรได้แต่งเรื่องสำหรับทำภาพยนตร์ขึ้น ให้ชื่อว่า “นางสาวสุวรรณ” เป็นเรื่องอย่างนิยายความรักของหนุ่มสาวชาวสยามในสมัยนั้น

ผู้แสดงสำคัญในภาพยนตร์ซึ่งนายแมคเรคัดเลือกได้จากข้าราชการในกรมทหรสพหลวง ได้แก่ นางสาวเสงี่ยม นาวีเสถียร นางรำ แสดงเป็นนางสาวสุวรรณ นางเอก ขุนรามภรตศาสตร์ (ยม มงคลนัฏ) ตัวโขนพระราม แสดงเป็น นายกล้าหาญ พระเอกและหลวงภรตกรมมโกศล (มงคล สุมนนัฏ) สมุหบาญชี แสดงเป็นนายก่องแก้ว ตัวโกง

จุดประสงค์ของนายแมคเร นอกจากแสดงเรื่องราวความรักอย่างนิยายของหนุ่มสาวชาวสยามแล้ว เขายังต้องการแสดงให้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสยาม ขนมธรรมเนียมประเพณี สภาพบ้านเมือง ความงดงามของพระราชวังและวัด ความเจริญแบบสมัยใหม่ในกรุงเทพ สถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศ ชายทะเลหัวเมือง และทรัพยากรป่าไม้เมืองในภาคเหนือ

สถานที่ถ่ายทำ นอกจากในกรุงเทพแล้ว ยังได้ยกคณะไปถ่ายทำที่หัวหิน เพื่ออวดสถานที่ตากอากาศชายทะเลลือชื่อของสยาม และเดินทางขึ้นไปถึงเชียงใหม่ เพื่ออวดฉากการทำป่าไม้

เมื่อการถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว นายแมคเรได้นำขึ้นน้อมเกล้าฯ ฉายถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ ทอดพระเนตร และได้มอบกรรมสิทธิ์ฟิล์มภาพยนตร์สำเนาหนึ่งแก่กรมรถไฟหลวง สำหรับฉายในประเทศสยาม

กรมรถไฟหลวงได้นำออกฉายสู่สาธรณชนครั้งแรกในกรุงเทพ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๔๖๖ ท่ามกลางความตื่นเต้นยินดีของชาวสยามที่จะได้ชมภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก

ในปี ๒๔๖๘ ฝรั่งคณะสร้างภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ดสหรัฐอเมริการอีกคณะหนึ่ง ได้เดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในสยาม โดยใช้ชาวสยามแสดงและถ่ายทำในสยามตลอดเรื่องคือภาพยนตร์เรื่อง “ช้าง” ผูกเรื่องและจัดฉากแสดงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชาวบ้านป่าครอบครัวหนึ่งในภาคเหนือของสยาม ซึ่งต้องบุกเบิกหักร้างถางพงเพื่อทำนาและต้องต่อสู้กับเสือที่มารบกวนสัตว์เลี้ยง ชาวบ้านได้ทำกับดักเสือ แต่ดักได้ลูกช้างต่อมาโขลงช้างป่าบุกเข้ามาช่วยลูกและพังหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างเพนียดและจับช้างป่ามาฝึกจนใช้งานได้

ภายนตร์เรื่อง “ช้าง” เข้ามาฉายในสยามครั้งแรกในปี ๒๔๗๑ ซึ่งเวลานั้น คนไทยเราได้สร้างภาพยนตร์เรื่องบันเทิงเพื่อการค้าออกมาฉายหลายเรื่อง จึงไม่มีใครตื่นเต้นและนับถือภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไทยอีก
หัวข้อ: Re: ย้อนรอยภาพยนตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Sutham ที่ 18 ตุลาคม 2012, 21:06:14
 ;D ;D มาอีกแล้วความรู้ใหม่ๆๆ ขอบคุณครับ