ผู้เขียน หัวข้อ: ความหลังกับหนังเรื่อง แก้ว เมื่อ 42 ปีที่แล้ว  (อ่าน 36 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2814
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
ความหลังกับหนังเรื่อง แก้ว เมื่อ 42 ปีที่แล้ว

   ขณะนั้น ผมกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.ศ.5 (ถ้าปัจจุบันเทียบเป็นชั้น ม.6) ผมมีเพื่อนชื่อ โย เป็นลูกชายเจ้าของบริการหนังกลางแปลง สมยศภาพยนตร์ อยู่จังหวัดสุรินทร์ เริ่มตั้งแต่เรียนชั้น ม.ศ.3 ผมก็มักจะอาศัยคืนวันศุกร์ วันเสาร์ ออกตามรถฉายหนังไปด้วยเสมอ..ไปสนุก ไปเที่ยว.. และก็ได้ไปดูหนังกลางแปลงด้วย.. ถ้าช่วงปิดเทอม ก็จะไปแทบทุกวัน ก็เรียกว่า ไปหัดเป็นคนหนังกลางแปลง เด็กในหน่วยหนัง เขาทำอะไร ผมก็ทำไปกับเขาด้วย แต่หลักๆ ผมกับโยก็มักจะอยู่กับการคุมเครื่องเสียง เปิดเพลงก่อนหนังฉาย เป็นคนโฆษณาเรียกคนมาดูหนัง

   ถ้าเป็นงานมีเจ้าภาพ ก็จะพากันลุ้นว่า งานนั้นเราจะได้กินกับข้าว กับปลาอะไรบ้าง สมัยนั้น เจ้าภาพเขาจะทำอาหารเลี้ยงคนฉายหนังกันครับ เลี้ยงรอบค่ำ แล้วก็ยังรอบดึกๆ อีก สมัยนั้น รถฉายหนังกลางแปลงก็เปรียบเหมือนเราเป็นแขกสำคัญของหมู่บ้าน ไปแวะบ้านไหน ก็จะมีคนเข้ามาทักทาย มาถามว่า คืนนี้จะไปฉายหนังที่ไหนพร้อมกับชำเลืองตามองเข้าไปในรถ มองหากระเป๋าฟิล์มหนังว่า มีหนังเรื่องอะไรบ้าง

   ก่อนที่หนังเรื่อง แก้ว จะมาฉายในบริการสมยศภาพยนตร์นั้น เพลงชุด “ลูกทุ่งดิสโก้” ของวงแกรนด์เอ๊กซ์ กำลังโด่งดัง โยเขาชอบเปิดเวลาฉายหนังกลางแปลง ต่อมาเถ้าแก่พ่อของโยก็เลยลงทุนซื้อฟิล์ม “ลูกทุ่งดิสโก้” มาเดินฉายในจังหวัด เรียกว่า ซื้อมาวิ่งฉายเอง เห็นบอกว่า ซื้อเพราะชื่อมันดี มันโดนเพราะตอนนั้น ดิสโก้กำลังดัง กำลังฮิต แล้วก็มีดาราแม่เหล็กของสายอีสานคือ สุพรรษา เนื่องภิรมย์ แสดงด้วย

   พอได้ฟิล์มหนังมา โยก็พาไปเดินสายฉายตามโรงหนังอำเภอก่อน ไปที่อำเภอจอมพระ เป็นโรงหนังไม้ มีเก้าอี้ให้นั่ง เอาชื่ออำเภอมาตั้งเป็นชื่อโรงหนังว่า จอมพระเธียเตอร์ เป็นการฉายแบบหักเปอร์เซ็นต์กัน รู้สึกว่า จะเป็น 60-40 เปอร์เซ็นต์ แต่วันนั้น คนดูไม่ถึง 20 คน ผลก็คือ ขาดทุนค่าน้ำมันครับ พอกลับมา เถ้าแก่ก็ถามว่า ทำไมหนังไม่มีคนดู ผมก็บอกว่า หนังมันไม่สนุกเพราะชาวบ้านเขาชอบหนังบู๊เป็นหลัก

   แต่เถ้าแก่ก็ยังไม่เข็ดครับ ตอนนั้น พี่แมว นักศึกษาวิทยาครูสุรินทร์ซึ่งพักอยู่บ้านเถ้าแก่ คนนี้ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ตามข่าวหนังอยู่เรื่อย ๆ ก็บอกเถ้าแก่ว่า ให้ซื้อเรื่อง แก้ว มาฉายซิ เป็นหนังมีเพลง เถ้าแก่ก็ซื้อ แก้ว มา แต่ว่าเป็นการซื้อฟิล์มมาฉายกลางแปลงอย่างเดียว พี่แมวแนะนำว่า หนังเรื่องนี้ วัยรุ่นต้องดู ให้ไปล้อมผ้าฉายแถวๆ วิทยาลัยครูสุรินทร์เพราะคิดว่า หนังเรื่องนี้นักศึกษาต้องชอบแน่ ๆ เราก็เลยไปปิดวิกล้อมผ้าฉายกัน กะว่าฉายคืนวันอาทิตย์เพราะนักศึกษาเพิ่งกลับมาจากบ้านนอกพอดี กำลังมีสตางค์ เราก็ตั้งจอเตรียมฉายแต่หัววัน ออกวิ่งรถโฆษณาในละแวกนั้นไปทั่ว

   ค่ำคืนนี้ เสร็จจากภาระกิจการงาน อย่าลืมจูงมือบุตร ฉุดมือหลาน ประสานมือแฟน เกี่ยวแขนกันไปดูหนัง เป็นหนังดี หนังดังชื่อสั้น ๆ ว่า แก้ว นำแสดงโดยพระเอกใหม่ ทูน หิรัญทรัพย์ พบนางเอกใหม่ ลินดา ค้าธัญเจริญ เป็นหนังวัยรุ่น นักศึกษาไม่ควรพลาดชม คืนนี้เสนอฉาย 2 เรื่องควบ 2 รส กับผลงานอมตะพื้นบ้านที่นำมาสร้างเป็นหนังให้เราดู ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ นำแสดงโดยพระเอก-นางเอกที่โด่งดังจาก ครูบ้านนอก เขาคือ ปิยะ ตระกูลราษฎร์ วาสนา สิทธิเวช ครั้งนี้ มาสวมบทบาทใหม่ อย่าลืม อย่าพลาด... อะไรทำนองนี่แหละ

   พอตกค่ำ...ก็เงียบ..กะว่าจะมีนักศึกษามาดูหนัง ก็เงียบอีก..ราคาตั๋วที่ตั้งไว้ ผู้ใหญ่ 10 เด็ก 6 หรือเปล่าไม่แน่ใจเพราะผมจะไม่ชอบช่วยขายตั๋วหนัง ชอบอยู่กับไมโครโฟน อยู่กับเครื่องเสียง เครื่องฉายเป็นหลัก แต่ก็เหมือนๆ กันอีกครับ คืนนั้นเราได้เงินกลับบ้านไม่กี่ร้อยบาท ขาดทุนอีกครับ

   สำหรับผมแล้ว หนังเรื่อง แก้ว ในสมัยนั้น เป็นหนังที่ออกแปลกๆ มาก ความที่ยังไม่รู้จักพระเอก-นางเอก ก็ทำให้ดูหนังไปแบบงงๆ เพลงดิสโก้ในหนัง ก็ไม่คุ้นหู แต่ดันไปชอบเพลง ความรักเพรียกหา และมารู้ภายหลังว่า วินัย พันธุรักษ์ เป็นผู้ขับร้อง ชอบมากขนาดว่า เอาเครื่องเล่นเทปไปวางอัดเสียงหน้าตู้ลำโพง แล้วก็เอามาให้ ตี๋ เพื่อนนักเรียนที่ชอบดีดกีตาร์ร้องเพลง เล่นและร้องให้ฟัง

   ผมมาดูเรื่อง แก้ว อีกอย่างจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่ผมซื้อม้วนวีดีโอเทปของซีวีดี วีดีโอ ได้มาม้วนหนึ่งนั่นแหละครับ.. ถึงรู้ว่า เป็นหนังที่น่าดู เสียแต่ว่า วีดีโอเขาทำภาพแบบเต็มจอ ไม่ใช่จอสโคปอย่างหนังกลางแปลง ก็เลยเห็นภาพแบบไม่เต็มเฟรม ต่อมาตอนที่พวกเราไปเหมาซื้อฟิล์มหนังไทยเก่าๆ ก็เผอิญไปเจอเรื่อง แก้ว ด้วย เป็นฟิล์ม 35 มม. ก็เลยซื้อมา คราวนี้ได้ดูภาพเต็มเฟรม แต่เนื้อหาก็ขาดหายไปเยอะ เนื่องจากเป็นกากฟิล์มหนังกลางแปลงครับ


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..