ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 149 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย มนต์รักแม่น้ำมูล (2520 สมบัติ-นัยนา)  (อ่าน 1028 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฉัตรชัยฟิล์มshop

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 11655
  • พลังใจที่มี 441
  • เพศ: ชาย
  • รักการฉายด้วยฟิล์ม

บทที่ 149
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ
มนต์รักแม่น้ำมูล (2520 สมบัติ-นัยนา)
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 24 พฤษภาคม 2556)


มนต์รักแม่น้ำมูล 2520


               สวัสดีครับ.. วันนี้ โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ ขอเสนอฉายเพลงหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง มนต์รักแม่น้ำมูล.. กำเนิดของหนังเรื่องนี้ ว่ากันว่า ผู้สร้างคือ กมล กุลตังวัฒนา หนุ่มอีสานนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากการดูหนังเรื่อง “มนต์รักลูกทุ่ง” รุ่นมิตร-เพชรา ของครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ ที่ออกฉายในปี 2513.. กมลเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการฉายหนังอยู่แล้วจึงคิดว่า สักวันหนึ่งจะต้องสร้าง “มนต์รักลูกทุ่ง” ของคนอีสานให้ได้..อีกประมาณ 6 ปีต่อมา กมล กุลตังวัฒนา ก็มีทุนและเริ่มเดินเครื่องลงมือสร้าง มนต์รักลูกทุ่งของคนอีสานจริงๆ มีการเขียนเรื่อง ให้นักพากย์เขียนบท สร้างเพลงประกอบ หาตัวผู้กำกับหนัง หาคนมาร่วมทีมงาน วางตัวผู้แสดงหลัก วางตัวนักร้องเพลงอีสาน....

               จนได้ลงมือสร้าง “มนต์รักแม่น้ำมูล” มนต์รักแม่น้ำมูล นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี-นัยนา ชีวานันท์-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์-สุริยา ชินพันธุ์-ปิยะ ตระกูลราษฎร์-เศรษฐา ศิระฉายา-เปียทิพย์ คุ้มวงศ์-วิชชุตา เธียรโสภณ-ศรีไพร ใจพระ-ดาว บ้านดอน-เทพพร เพชรอุบล-นพดล ดวงพร… สร้างในชื่อ ดวงกมลมหรสพ มี กมล กุลตังวัฒนา เป็นผู้อำนวยการสร้าง และครูเพลง พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา เป็นผู้กำกับการแสดง โดยมี สุรสีห์ ผาธรรม เป็นผู้ช่วยกำกับ เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2520 ที่โรงหนังเพชรรามา..  เพลงเอกในเรื่อง เช่น มนต์รักแม่น้ำมูล (ไพรวัลย์), ลูกทุ่งคนยาก (สนธิ), ฝากใจไว้ที่เดือน (สายัณห์), น้ำตาปริ่มที่ริมมูล (ผ่องศรี), คืนอาลัย (สนธิ), แต่งงานกันเด้อ (สนธิ), ฟ้าไม่ปราณี (ผ่องศรี), แห่พระเวส (ดาว), ลำกล่อมทุ่ง(ไพรินทร์), กินข้าวป่า (มนต์) และเพลงสตริงอีก 2 เพลง..

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/gU90gwWWEmQ?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
มนต์รักแม่น้ำมูล [2520] FULL

               มนต์รักแม่น้ำมูล เป็นเรื่องราวของความรัก ความใฝ่ฝันของหนุ่มสาวลุ่มแม่น้ำมูล 3 คู่มี ครูตะวัน (สมบัติ) ซึ่งหมายปอง สายไหม (นัยนา) ผดุงครรภ์สาว...ขณะที่ ครูพิณ (ปิยะ) ครูช่วยสอนก็รัก เดือน (เนาวรัตน์) สาวบ้านนาที่ต่อมาเป็นลูกบุญธรรมของคนกรุงเทพฯ แต่ครูพิณก็ยังเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่กล้าจะอาจเอื้อมทั้งๆ ฝ่ายหญิงก็เต็มใจรัก และอีกคู่หนึ่งคือ แคน (สุริยา) นักร้องหนุ่มที่เข้ากรุงสร้างฝัน ปล่อยให้ คำหล้า (วิชชุตา) สาวคนรักรอการกลับแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต่อมาแคนก็ได้เป็นนักร้องชื่อดัง “แคน มนต์แม่มูล” แล้วก็กลับมาแต่งงานกับคำหล้าสมดังใจ ส่วน คำแปง (เปียทิพย์) หัวหน้าวงหมอลำสาว “แม่มูลลำเพลิน” ที่เคยเสียใจเมื่อไม่มีแคนนักร้องหนุ่มคู่ใจ ก็ฮึดสู้จนได้เป็นหมอลำสาวชื่อดัง.. สุดท้ายครูตะวันก็ได้แต่งงานกับสายไหม เหลือแต่ครูพิณ ครูช่วยสอนที่ต้องตัดใจปล่อยให้เดือนสาวคนรักกลับไปกรุงเทพฯ ทั้งที่ยังอาลัยรัก...

               ถามว่า เมื่อ 36 ปีที่แล้ว อะไรที่ให้ “มนต์รักแม่น้ำมูล” ของ กมล กุลตังวัฒนา ประสบความสำเร็จเกินคาดในกรุงเทพฯ หากจะตอบว่า เนื้อหนัง ก็ไม่ชัดนักเพราะโครงเรื่องมีการแบ่งตัวละครออกเป็น 3 คู่ ต่างคู่ต่างเดินเรื่องจนแทบจะไม่ได้มาเจอกันด้วยซ้ำ...จะเป็นเพลงในหนังหรือเปล่า อันนี้บอกได้ว่า ก็มีส่วนอยากมากเพราะหนังเรื่องนี้ต้องการขายเพลงอยู่แล้ว ข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งก็คือ หลังหนังออกจากโรงไปแล้ว เพลงในหนังยังฮิตติดตลาดอยู่ มีการเปิดตามสถานีวิทยุต่างๆ... ดารานำแสดง มีส่วนหรือเปล่า..ถ้าดูตามบทแล้ว น่าจะไม่ใช่ แต่ถ้าดูชื่อดาราจากใบปิดหนังแล้ว จะเห็นว่า มีการดึงดารามีชื่อเสียงหลักๆ ที่กำลังดังในยุคนั้นมาร่วมแสดงหลายคน ดาราจึงเป็นแรงดึงอย่างหนึ่งด้วย..

               แต่สิ่งที่ฟันธงแน่ๆ ก็คือ แรงใจ แรงเชียร์ จากคนอีสานในเมืองกรุงนั่นเอง..ข้อนี้ สังเกตได้จากการเข้าฉายที่โรงหนังเพชรรามา ย่านประตูน้ำ ในปีนั้นนอกจากจะปล่อยหนังให้มีเสียงพากย์ไทยในฟิล์มแล้ว ผู้สร้างยังเอาใจคนอีสานด้วยการนำนักพากย์อีสานมาพากย์เสียงไทยอีสานให้ฟังอีกด้วย แถมหน้าโรงยังมีการจัดบรรยากาศภาคพื้นอีสานไว้เอาใจคนมาดูหนังอีก...มนต์รักแม่น้ำมูลจึงประสบความสำเร็จเกินคาดอย่างที่บอก..ทำให้กมลรีบเดินเครื่องสร้างหนังเรื่องต่อไปคือ ครูบ้านนอก..ทันที

               สำหรับผมแล้ว..มนต์รักแม่น้ำมูล ก็เป็นหนังที่ดูง่ายๆ เห็นท้องทุ่ง บรรยากาศกลิ่นอายของความเป็นอีสาน..แต่ที่ชอบมากก็เห็นจะเป็นการปล่อยเพลงเข้ามาในหนัง.. ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด.. เพลงไตเติ้ลร้องโดย ไพรวัลย์ ลูกเพชร เนื้อหาก็ให้ความรู้สึกดีๆ.. คู่รักระหว่าง สมบัติ-นัยนา ผมรู้สึกว่า ธรรมดาๆ นะครับเพราะบทไม่ค่อยมี.. คู่รักระหว่าง สุริยา-วิชชุตา นั่น ผมว่า ทรหดดีครับ..ฝ่ายหนุ่มก็อยากจะแต่งงานกับฝ่ายสาว แต่เพราะความจน ก็เลยจำเป็นต้องออกจาก “วงแม่มูลลำเพลิน” ที่มีเปียทิพย์เป็นหัวหน้าวง เล่นเอาเปียทิพย์เสียใจ (แอบรัก) แทบตาย...

               ฉากที่ผมชอบก็คือ การที่สุริยาเดินทางเข้าไปสมัครเป็นนักร้องที่ซอยบุปผาสวรรค์...หนังจะถ่ายให้เห็นปากซอยบุบผาสวรรค์ แหล่งชุมนุมวงดนตรีที่ผมก็อยากจะเห็นอยู่พอดี ก็เลยได้เห็นซอยบุปผาสวรรค์จริงๆ จากหนังเรื่องนี้ แถมยังให้สุริยาเป็นคนบ้านนอกที่ดีใจ จนข้ามถนนไม่รถรา เกือบจะถูกชน... ขณะที่สุริยาเป็นนักร้องดังแล้ว ฝ่ายหญิงก็ได้แต่รอคอยด้วยใจที่คิดว่าฝ่ายชายจะไม่กลับมาหา ส่วนเปียทิพย์ก็ลุกขึ้นต่อสู้จนได้เป็นนักร้องหมอลำชื่อดังตามมา..จังหวะนี้เองที่หนังปล่อยเพลงดังของ 2 นักร้องทั้งสุริยาและเปียทิพย์ออกมาติดๆ กัน เล่นเอาเราน้ำตาซึม แอบปลื้มใจในความสำเร็จของคนทั้งสอง...

               แต่คู่รักที่น่าเศร้า น่ารันทดใจ ก็คือ คู่ของปิยะ-เนาวรัตน์ ที่ฝ่ายหญิงจะต้องไปเป็นลูกบุญธรรมของคนกรุงเทพฯ และมีเศรษฐา หนุ่มกรุงเทพฯมาติดพัน แต่เนาวรัตน์ก็ไม่ได้ชอบอะไร... แต่ปิยะที่เป็นครูช่วยสอน ก็ได้แต่คิดว่า ตัวเองต่ำต้อยเกินไป เกรงว่า จะทำให้เนาวรัตน์ไม่มีความสุข..กระทั่งมีการหมั้นเกิดขึ้นระหว่างเศรษฐา-เนาวรัตน์.. ปิยะก็มาแอบมองความสุขของคนรักและก็กลับไป...ไปนั่งเรือปล่อยอารมณ์กับแม่น้ำมูล แล้วก็หลับไปในเรือ..เนาวรัตน์เองก็ยังรักปิยะ แต่ก็อยากตามใจพ่อแม่..จะทำอย่างไรดี....รู้ทั้งรู้ว่า ปิยะมาแอบมองการหมั้น..หนังก็บอกให้เนาวรัตน์ไปตามหาปิยะ...

               ณ ริมฝั่งแม่น้ำมูล..พอเจอกัน เนาวรัตน์ก็เป็นฝ่ายเปิดฉากพูดก่อนเลยว่า.. รู้ว่าพิณรักเดือน..และเดือนก็รักพิณด้วย..อะไรที่พิณรักในตัวเดือน คืนนี้เดือนก็จะยอมเป็นของพิณ..นั่นคือ คำพูดของหนังเมื่อ 34 ปีที่แล้ว..ซึ่งผมดู ผมก็อึ้งเลยว่า แล้วครูพิณจะตัดสินใจอย่างไรกับสถานการณ์นี้...แต่แล้วสิ่งที่ผมได้ยินจากปากของครูพิณก็คือ.. “เดือน ความรักของพิณที่มีต่อเดือนนั้น สะอาดจนเกินกว่าที่พิณจะทำให้เดือนมีราคีได้...” ผมฟังประโยคนี้แล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที..มันทำให้เรารู้สึกว่า ความรักที่บริสุทธิ์นั้นเป็นอย่างไร..การไม่ฉกฉวยโอกาส หาใช่เป็นเรื่องของคนโง่อย่างที่ชายหลายคนคิดไม่..

               ปรากฏว่า คืนนั้น เดือนก็ได้ใจเต็มๆ ไปจากพิณ...ทั้งคู่จบการสนทนาด้วยคำว่า.. แล้วพรุ่งนี้ พิณจะไปส่งเดือนหรือเปล่า..พิณได้แต่พยักหน้า...แล้วหนังจะตัดไปที่ขบวนรถไฟสายอุบล-กรุงเทพฯ ที่จอดอยู่ที่ชานชานชลา....เดือนอยู่ในกิริยากระวนกระวาย ตาก็เฝ้ามองหาแต่พิณคนรักที่บอกจะมาส่ง.. รถไฟก็ใกล้จะออกแล้ว แต่ยังหาพิณไม่เจอ...ส่วนพิณนั้นมาถึงสถานีรถไฟแล้ว..แต่ไม่กล้าเข้าไปให้เดือนเห็นเป็นครั้งสุดท้าย...ได้แต่ยืนมองดูเดือนห่างๆ...กระทั่งรถไฟแล่นออกจากสถานีอุบลแล้ว....เดือนยังไม่หายกระวนกระวาย ตาก็พยายามมองพิณ...พิณก็ได้แต่แอบมองดูเดือนกับขบวนรถไฟที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากสถานี....แล้วหนังจะเฟดภาพไปที่พิณเดินซึมๆ ไปที่ริมฝั่งแม่น้ำมูลที่เคยพลอดรักกัน..แล้วเพลง มนต์รักแม่น้ำมูล ท่อนหลังก็ดังขึ้น....ไปจนจบเพลง จากนั้นหนังก็ สวัสดี...ผมได้แต่ถามตัวเองว่า ถ้าผมเจอสถานการณ์ความรักแบบนี้ แล้วผมจะทำอย่างไร..รักแล้วต้องได้ หรือ รักแท้ต้องเสียสละ...

แหละนี่ก็คือ หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ มนต์รักแม่น้ำมูล ปี 2520



คลิ๊กดูที่นี่...



<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/87SPaHiBx6g?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/cKMyML8W7hU?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
มนต์รักแม่น้ำมูล หนังกางแปลง

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/ZpZZJ7B38p0?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
เพลงประกอบภาพยนตร์ ต้นฉบับเดิม มนต์รักแม่น้ำมูล




 ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มีนาคม 2014, 13:44:23 โดย นายเค »


ฉัตรชัย สุวรรณโสภา 
88/1 ม.4 ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120   
E-mail chatchai_suw@hotmail.com    โทร 081-7636195 
ต่อพงศ์ภาพยนต์ ระบบ 35 ม.ม.  ฉัตรชัยภาพยนตร์ กลางแปลงย้อนยุค 16 ม.ม.
ธ.ไทยพาณิชย์  สาขาบิ๊กซีราชบุรี ชื่อบัญชี ฉัตรชัย สุวรรณโสภา  หมายเลขบัญชี  940-202235-1