ภาพยนตร์ของเรา...การฉายภาพด้วยแผ่นฟิล์ม > ชุมทางหนังไทยในอดีต โดย มนัส กิ่งจันทร์

บทที่ 439 รวมรายชื่อหนัง 2,000 กว่าเรื่องจากโครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์

(1/2) > >>

ฉัตรชัยฟิล์มshop:

บทที่ 439
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
รวมรายชื่อหนัง 2,000 กว่าเรื่องจากโครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์
โดย มนัส กิ่งจันทร์
(facebook 31 ตุลาคม 2556)

           สวัสดีครับทุกท่าน นับแต่มีหนังไทยออกฉาย เริ่มจากปี พ.ศ.2466 หรือ พ.ศ.2470 จนถึงปัจจุบันนั้น ก็ยังไม่เคยมีใครนับตัวเลขว่า มีจำนวนกี่เรื่อง.. ส่วนผมนั้นได้ลองทำข้อมูลประวัติหนังไทยช่วงก่อนปี พ.ศ.2500 ถึงพ.ศ. 2548 พบว่า มีหนังไทยออกฉายมามากกว่า 4,000 เรื่องแล้ว (ถ้านับถึงปี 2556 อาจมีถึง 6,000 เรื่องก็ได้) แต่เรื่องปริมาณหนังที่ออกฉายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะพูดถึง หากแต่จะพูดถึงหนังไทยที่สูญพันธุ์ไปมากกว่าเพราะจากการทำข้อมูลเบื้องต้นก็พบแล้วว่า อย่างน้อยๆ ก็มีหนังไทยมากกว่า 2,000 เรื่องที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ดังนั้น เพื่อไม่ให้หนังไทยเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่คนไทยลืม.. หรือจะไม่มีใครพูดถึงอีก..

ผมจึงจัดทำโครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ โดยมีหลักเกณฑ์พิจารณาไว้ ดังนี้

1) เคยเป็นหนังไทยที่ออกฉายสู่สาธารณชนในโรงภาพยนตร์มาก่อนและ
2) ณ ปัจจุบันไม่มีฟิล์มแล้ว หรือมีฟิล์ม แต่ไม่เคยมีการนำออกฉายเผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือไม่เคยผลิตเป็นวีดีโอ วีซีดี ดีวีดีหรือวัสดุอื่นใดที่สามารถฉายให้ชมได้อย่างภาพยนตร์

           แต่เดิม หนังไทยสูญพันธุ์นั้น ผมกะว่าจะเขียนไปเรื่อยๆ แต่เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว ก็คิดว่า กว่าจะหมด คงต้องใช้เวลาอีกนาน จึงเปลี่ยนมาเขียนรวมไว้ในบทเดียวกันก่อน มีรายละเอียดสั้นๆ มีใบปิดหนังให้ดู เพื่อให้ทราบว่า มีหนังเรื่องไหนสูญพันธุ์ไปบ้างแล้ว เผื่อว่า จะช่วยกระตุ้นให้คนที่มีกากฟิล์มอยู่ในมือมองเห็นถึงอนาคตของหนังบ้าง ผมจะโพสรูปและบอกรายชื่อไปเรื่อย ๆ นะครับ คลิกดูในช่องแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ..
.......

         ระยะแรกๆ นี้ ผมขอนำ หนังไทยสูญพันธุ์ ที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ มาลงซ้ำไปก่อนนะครับ ท่านที่ยังไม่เคยอ่าน ก็คลิกอ่านได้จาก...บทที่ 418 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง รักต้องห้าม (2515 สมบัติ-พิศมัย-เนาวรัตน์)

คลิกอ่านได้จาก...

บทที่ 418 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง รักต้องห้าม (2515 สมบัติ-พิศมัย-เนาวรัตน์)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=328839043927406&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 408 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง ส้มตำ (2516 สมบัติ-พิศมัย)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=327832644028046&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 410 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง สิงห์รถบรรทุก (2520 สมบัติ-มยุรา)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=328027997341844&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 412 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง ไอ้ควายเหล็ก (2520 สมบัติ-พิศมัย-สรพงศ์)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=328259897318654&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 413 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง แว่วเสียงซึง (2514 สมบัติ-อรัญญา-เนาวรัตน์)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=328261633985147&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 414 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง เจ้าพ่อ 7 คุก (2520 สมบัติ-สรพงศ์-เนาวรัตน์)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=328393873971923&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 415 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง กราบที่ดวงใจ (2517 กรุง-อโนมา)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=328402987304345&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 417 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง คนองกรุง (2516 สมบัติ-สุทิศา)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=328836557260988&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 419 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง มนต์รักดอกคำใต้ (2515 สมบัติ-เพชรา)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=329019920575985&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 420 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง พรุ่งนี้ ฉันจะรักคุณ (2515 ยอดชาย-สุทิศา-ภาวนา)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=329436930534284&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 421 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง นางฟ้าชาตรี (2515 ไชยา-พิศมัย)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=329598093851501&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 423 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง จันดารา (2520 อรัญญา-สมบูรณ์)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=330058417138802&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 428 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง วังบัวบาน (2515 สมบัติ-สุทิศา)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=335416616602982&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 432 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ (2516 นาท-ภัทราวดี-ภาวนา)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=340036826140961&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

บทที่ 438 โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง นี่แหละรัก (2515 ไชยา-พิศมัย-ภาวนา)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=344934188984558&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1

          ครับ.. วันนี้ ก็มารู้จักกับหนังไทยที่ขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปนะครับ เป็นหนัง 35 มม. พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง คืนนี้ ไม่มีพระจันทร์ วันเวลาฉายอยู่ในปิดหนังที่ผมโพสไว้นะครับ แม้ว่าจะเป็นหนังปี 2518 แต่ก็ยังไม่มีการบันทึกลงเทปอะไรไว้เลย เคยมีฟิล์มต้นฉบับกลับมาแล้ว แต่ว่าฟิล์มเสียหายจนทำอะไรได้ ก็เลยต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีกเรื่องครับ



          หนังไทยขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป เป็นหนังเรื่องแรกของ อุเทน บุญยงค์ สร้างและกำกับโดย เปี๊๋ยก โปสเตอร์ ที่ปัจจุบันไม่เหลือหนังให้เราได้ดูแล้วครับ ทีแรกตอนสร้างใหม่ๆ เปี๊ยกคิดว่า จะตั้งชื่อเรื่องเป็น นักเลงบ่อพลอย แต่มาเปลี่ยนใจใช้ชื่อ เขาสมิง แทนและออกฉายปี 2516.. (สำหรับภาพประกอบในช่วงนี้ ผมจะใช้ใบปิดหนังที่ผมเคยโพสไว้ในเว็บไทยฟิล์ม..เมื่อครั้งที่ผมเข้าไปเขียนใหม่ๆ กลับมาโพสก่อนนะครับ..เพื่อความสะดวกครับ)


          หนังไทยสูญพันธุ์ เรื่องต่อไปวันนี้ ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง แคนลำโขง ออกฉายครั้งแรกปี 2515 ซึ่งเป็นหนังที่โด่งดังมากๆ ในอดีต ผมเองมีโอกาสดูจากหนังกลางแปลงเพียงครั้งเดียว จำได้ว่า เส้นฝนเต็มจอเลยครับ ตอนนั้นดูที่หน้าตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ ถ้าจำไม่ผิด บริการหนังที่ฉายก็คือ เหรียญชัยภาพยนตร์..ปัจจุบัน หนังเรื่องนี้ไม่มีฟิล์มต้นฉบับแล้วครับ ส่วนกากฟิล์มก็ไม่มีเช่นกัน วันนี้ จึงต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีกเรื่องหนึ่งในจำนวน 2 พันกว่าเรื่องครับ..


          สำหรับ หนังไทยขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ ต่อไปนี้ ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ปี 2515 งานสร้างของ โยธิน เทวราช.. ซึ่งตอนผมเด็กๆ นั้น เห็นชื่อหนังนี้แล้วชอบมาก ฟังแล้วน่ารักยังไงชอบกล "กลิ่นร่ำ" แต่วาสนาผม ก็ได้แต่ยืนมองใบปิดหนังที่เขาแปะไว้ข้างฝาบ้านครับ ไม่เคยได้ดูหนังเลย แต่เพราะชื่อหนังฟังถูกใจมากๆ ก็เลยจำชื่อนี้มาตลอด..และครั้งนี้ตอนเด็กๆ สมัยที่ยังตัดกระดาษมาส่องไฟฉายหนังเล่น ก็เลยตัดชื่อ กลิ่นร่ำ นี้ออกมาฉายข้างมุงด้วย.. พยายามตามหาหนังแล้ว แต่ก็ไม่มีหวัง ฟิล์มต้นฉบับไม่มี วีดีโอก็ไม่มีใครทำไว้ เคยเจอเจ้าของหนัง เขาก็ยังฝากให้เราช่วยหากากฟิล์มด้วย แต่คิดดูหนังฉายปี 2515 เป็นฟิล์ม 35 มม.ด้วย เจอกากก็คงฉายไม่ได้แล้วครับ เป็นอันว่า วันนี้ กลิ่นร่ำ ก็เลยต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์ ไปอีกเรื่องครับ...


          หนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไป ก็ยังคงเป็นหนังปี 2515 หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง แควเสือ.. หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับเรื่อง กลิ่นร่ำ ข้างบนนะครับ ผมมีวาสนาได้ดูแค่ใบปิดหนังของบริกาัรเหรียญชัยภาพยนตร์สุรินทร์เท่านั้น เห็นเขาแปะไว้ข้างฝาบ้านบริการหนัง ตอนเด็กๆ ผมแค่เห็นรูปแค่นี้ ก็อยากจะดูแ้ล้วครับ แต่ว่าช่วงที่บริการหนังเขาได้กากฟิล์มเรื่องนี้มาประจำนั้น ก็ยังไม่มีใครจ้างเขาไปฉายในงานบุญ งานศพอะไรในเมืองสุรินทร์เลยครับ ผมก็เลยอดดู.. แต่ที่จำได้แม่นๆ ก็คือ มีครั้งหนึ่ง ผมไปยืนรอเก็บเศษฟิล์มหนังที่เด็กหนังเขากรอไปมา..ฟิล์มหนังเรื่องนี้ก็ขาดครับ..เขาตัดทิ้ง ผมก็เลยเก็บเศษฟิล์๋มมาได้ เป็นฉากแข่งเรือครับ ตอนนั้น ดีใจมากๆ ยังเอาไปฉายดูเล่นๆ ในมุ้งเลยครับ..

          พอโตมา มีโอกาสตามหากากฟิล์มหนัง ก็พยายามมองหาหนังเรื่องนี้ แต่ข่าวว่า ไม่มีฟิล์มต้นฉบับเหลือกลับมาแล้ว ส่วนกากฟิล์มคงไม่ต้องพูดถึงครับ ฟิล์มที่ผมเคยเจอตอนเด็กๆ ก็ยังขาดๆ และเป็นเส้นฝนเลย เจอตอนนี้ ก็คงจะฉายไม่ได้แล้วครับ เว้นแต่จะเจอฟิล์มที่ทำไว้ในระบบฟิล์ม 16 มม.สโคปเท่านั้น จึงจะรอด แต่ก็ไม่มีใครยืนยันเรื่องนี้ได้ว่ามีการทำไว้หรือไม่ ส่วนวีดีโอเทป ไม่มีครับ..วันนี้ แควเสือ ก็เลยต้องขึ้นบัญชีเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีกเรื่องหนึ่งครับ..


          ถ้าบอกว่า หนังเรื่องนี้สูญพันธุ์..หลายท่านอาจจะไม่เชื่อ..นี่คือ แม่นาคพระโขนง หรือ แม่นาคก้านยาว เพราะผู้ที่รับแม่นาค ก็คือ สุภัค ลิขิตกุล..นางเอกสาวที่หุ่นสูงเพรียว ก็เลยถูกจับคู่กับพี่มาก ยอดชาย เมฆสุวรรณ นับเป็นผีแม่นาคตัวที่สอง ที่ดังไม่แพ้ แม่นาคปรียา รุ่งเรือง ที่ออกอาละวาดมาก่อนในปี 2502..แม่นาครุ่นสุภัคนี้ฉายปี 2516..และเป็นผีแม่นาคที่ผมได้ดูบ่อยๆ เลยครับ ดูจากหนังกลางแปลงทั้งนั้น..จำได้ว่า ตอนที่แม่นาครุ่นนี้มาฉายนั้น โรงหนังแถวบ้านผมยังไปขุดฟิล์ม 16 มม.ผีแม่นาคปรียา รุ่งเรือง มาฉายแข่งด้วย..แถมยังมีการเปิดรอบพากย์ภาษาเขมรพื้นเมืองสุรินทร์ด้วย..

          ตอนนั้น ผมไปนั่งฟังพวกโรงหนังเขาคุยกัน..ว่าฟิล์มยังอยู่ ไปเอามาฉายแข่งเลย หน้าโรงก็มีการตั้งศาลเพียงตา มีหมอแม่นาค มีจุดธูปจุดเทียน..พอถึงเวลาแห่รถหนัง เขาก็ให้คนแต่งเป็นผีมายืนบนรถแห่ด้วย.. แต่พอมีการถามถึงฟิล์มเรื่องนี้ ก็ปรากฏว่า ไม่มีฟิล์มต้นฉบับเหลือ ไม่มีกากฟิล์มเหลือ ไม่มีเทปวีดีโอด้วย ก็เป็นอันว่า แม่นาคก้านยาวรุ่นนี้ ก็ตายไปตามแม่นาคจริงๆ ครับ สูญพันธุ์อีกเรื่อง.. (ปล.รวมทั้งภาค 2 ที่ชื่อ แม่นาคอาละวาด ซึ่งสุภัคแสดงด้วยครับ)


          แม่นาคก้านยาว เท่าที่ฟังมาจากคนในวงการและคนที่ตามหาฟิล์มหนัง เขาก็บอกว่า ไม่มีครับ.. สำหรับการเขียนเรื่อง หนังไทยสูญพันธุ์ นั้น ท่านก็อาจร่วมคิดร่วมเขียนได้ด้วยนะครับ เช่น ถามว่า หนังเรื่องนี้สูญพันธุ์ไปแล้วหรือไม่ ผมก็จะได้เข้ามาตอบ แต่บอกก่อนว่า เฉพาะหนัง 16 มม.เท่านั้น แม้จะคิดว่า สูญพันธ์แล้ว แต่ช่วงนี้ ผมก็ยังไม่ฟันธงว่า สูญพันธุ์นะครับเพราะเผื่อฟลุ๊กไปเจอกากฟิล์มนะครับ แต่ถ้าเป็นหนัง 35 มม. พอไม่มีฟิล์มต้นฉบับแล้ว ก็ต้องมานั่งนับอายุกากฟิล์มก่อนนะครับว่า ถ้ากากฟิล์มอยู่ เวลานี้จะอยู่ได้หรือไม่ เช่น ถ้าเป็นหนัง 16 มม.ปี 2505 กากฟิล์มก็จะยังใช้ได้ แต่ถ้าเป็นกากฟิลืม 35 มม.ปี 2505 ก็จะใช้ไม่ได้แล้วครับ..

          มาดูหนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไป.. เป็นหนัง 35 มม.ปี 2516 ของครูชาลี อินทรวิจิตร เห็นในหนังสือดาราเก่าๆ เขาจะเีขียนว่า สร้างให้ มิตร ชัยบัญชา ดูครับ.. พออ่านเนื้อความก็ทราบว่า ครูชาลีเคยอยากให้มิตรแสดงครับ.. เป็นหนังที่ผมมีโอกาสได้ดูเพียงใบปิดอีกแล้วครับ.. ตอนนี้ สูญพันธุ์ไปอีกแล้วครับ...


          หนังไทยขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ เรื่องต่อไป ก็คือ หนัง 35 มม.เรื่อง ภูกระดึง ซึ่งร่วมกันสร้างโดย รุจน์-อรัญญา.. เป็นหนังที่ผมเคยดูตอนเป็นเด็กๆ จำได้ไม่กี่ฉาก..ตอนนี้อาศัยอ่านเรื่องย่อและดูภาพนิ่งเอาครับ.. น่าเสียดายที่ไม่มีฟิล์มต้นฉบับแล้ว ไม่มีเทปวีดีโอด้วย ส่วนกากฟิล์มนั้นตามไม่พบ..วันนี้ ภูกระดึง จึงเป็นหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้วครับ..


Araya Pamonprawat จะว่าไปคุณอรัญญา เธอก็คล้ายมิตร ชัยบัญชานะคะ เพราะเธอแสดงได้ทุกบทบาทโดยไม่ขัดตาก็ว่าได้ และการเข้าวงการของเธอเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง (ในความเห็นส่วนตัว) เธอแสดงเต็มตัวเกือบไม่ต้องใช้แสตน อิน เข้าคู่กับ ดาราชาย คนไหนก็ขาย ได้ ทั้งยังมีส่วนทำให้สมบัติ เมทะนีขึ้นมาเป็นเบอร์ 1โดยสมบูรณ์ เพราะได้คู่ที่ลงตัวกัน เป็นแม่เหล็กตัวใหญ่ที่ทำให้คุณรุจน์ รณภพ หลุดจากดาราเล็กๆ มาเป็น ตัวประกอบระดับนำ และเป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับ อย่างภาคภูมิ(เขามีความสามารถนะคะ แต่ คุณ อรัญญา มาช่วยสร้างงโอกาส) จนกระทั่งคุณรุจน์ก้าวมาเป็นคนสำคัญใน ไฟว์ สตาร์ และ ค่อนข้างมีอิทธิพลในวงการภาพยนตร์ไทย ช่วงปลายๆด้วย (เข้าใจผิด หรือ ทำให้ใครเสียความรู้สึก ก็ต้อง ขออภัยด้วยนะคะ เห็นไม่ตรงกัน ก็ต่อว่าได้ค่ะ)

          ในบทความที่ว่า เขาก็ไม่ได้เขียนละเอียดนักครับ แต่อ่านรวมๆ กันแล้ว ก็เข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น ผมตัดเฉพาะท่อนที่กล่าวถึงมิตรมาให้ดูนะครับ คุณ Araya Pamonprawat และทุกท่าน


          หนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม. ปี 2515 เรื่อง หยาดฝน ครับ หนังเรื่องนี้ ตอนที่ผมช่วยคุณโต๊ะ พันธมิตร หากากฟิล์มหนัง 16 มม. ก็เคยเจอกากฟิล์มเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ว่า สภาพเละ ฉายไม่ได้แล้วครับ มาทราบภายหลังอีกว่า ฟิล์มต้นฉบับก็ไม่มีแล้วครับ..  วันนี้ จึงต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์ ครับ..


          หนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.ปี 2516 เรื่อง สายชล ซึ่งคุณไพโรจน์ ใจสิงห์ เคยถามผมว่า มีหนังเรืองนี้หรือไม่ ท่านอยากเห็นอีก..แต่เท่าที่ติดตามหาฟิล์มมาตลอด ก็ไม่เคยเจอฟิล์ม ไม่เคยเห็นวีดีโอเทปเลยครับ จึงต้องบอกว่า สายชล เป็นหนังไทยที่สูญพันธุ์ไปอีกเรื่องแล้วครับ


          สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ ก็คือ หนัง 35 มม. เรื่องเพชรพระอุมา ปี 2514 ซึ่งสร้างโดย คุณวิทยา เวสะวัฒน์ ซึ่งในเรื่องก็จะแสดงเป็นพระเอกด้วยในบทในชื่อ ระพินทร์ ไพรวัลย์..  หนังเรื่องนี้ ตอนออกฉายในปี 2514 นั้น เป็นหนังที่ถูกโจมตีว่า สร้างไม่ดีครับ ทำเอาผู้สร้างที่เล่นเป็นพระเอกด้วย ต้องหันหลังกลับไปทำร้านตัดเสื้อเหมือนเดิม เก็บอดีตความขมขืนไว้ในใจ.. แต่สำหรับคนดูหนังอย่างผมนั้น ผมเห็นหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เคยดูเพียงครั้งเดียว เคยเห็นฟิล์มหนังด้วยซึ่งตอนนั้นก็เ็ป็นฟิล์มแดงๆ มีเส้นฝนแล้ว อยู่ที่บริการบุญติดภาพยนตร์ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นบริการหนังที่ฉายหนังมาตั้งแต่รุ่น 16 มม.ถึง 35 มม. แต่พอเขามาเล่นการเมือง ได้เป็น ส.ส.สุรินทร์ ชื่อ บุญติด สุระประพจน์ (เสียชีวิตแล้ว) ทุกอย่างที่เป็นข้าวของเกี่ยวกับหนัง เขาก็ขายทิ้งหมดครับ.. ผมเคยเจอ ส.ส.ท่านนี้ในกรุงเทพฯ ก็เคยถามถึงหนังเรื่องนี้ด้วย จึงรู้ว่า ไม่มีแล้ว.. ทีแรกคิดว่า อาจจะมีวีดีโอเทปเก็บไว้บ้าง แต่ก็ไม่มี..

          กระทั่งมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณวิทยา จึงทราบว่า ฟิล์มต้นฉบับส่งไปล้างต่างประเทศ ไม่ได้นำกลับมาเพราะหนังเจ๊ง.. แต่พอจะไปนำกลับมา ก็มีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ ไม่คุ้มกับการขายเป็นแผ่นวีซีดีครับ ก็เลยไม่รู้ว่า ฟิล์มจะได้กลับมาหรือไม่ คุณวิทยาก็เคยฝากผมว่า หากเจอกากฟิล์ม ให้ช่วยซื้อมาด้วย อยากทำเทปเก็บไว้ดู แม้ใจไม่ชอบเลย แรกๆ ผมชวนคุยถึงหนังเรื่องนี้ ท่านไม่อยากคุยด้วยเลย ผมก็พยายามบอกว่า ให้คิดถึงแง่ประวัติศาสตร์ของหนัง ท่านจึงยอมคุยด้วยครับ..ช่วงที่ผมช่วยคุณโต๊ะหาฟิล์มหนัง ก็เคยไปเจอกระเป๋าฟิล์มเรื่องนี้ เขียนชื่อว่า เพชรพระอุมา.. ก็ดีใจ แต่พอเิปิดกระเป๋าดู ก็เห็นเป็นฟิล์ม 16 มม.ไม่มีเสียง ก็เลยรู้ว่า ไม่ใช่เพชรพระุอุมา แต่ภายหลังทราบว่าเป็นเรื่อง แผ่นดินของใคร ปี 2502 ที่ซุกอยู่ในกระเป๋าฟิล์มนี้ครับ..ณ วันนี้ ก็เลยต้องบอกว่า เพชรพระุุอุมา เป็นหนังไทยที่สูญพันธุ์ไปแล้วครับ...



          เรื่องราวของ คุณวิทยา เวสะวัฒน์ ผู้สร้างและเป็นพระเอกเรื่อง เพชรพระอุมา ปี 2514 นั้น ผมเจอตัวท่าน 2 ครั้งเห็นจะได้ ซึ่งทั้งสองครั้งเป็นการเจอที่ตลาดคลองถม เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้วครับ ได้คุยกันกับท่าน ท่านก็ฝากให้ช่วยตามหากากฟิล์มให้ครับ..ตอนนั้นท่านยังเดินเหินสะดวก สุขภาพดี ยังหล่อและมีมาดดาราอยู่นะครับ..และล่าสุดก็เมื่อประมาณ 2 ปีมาแล้ว เป็นการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ครับ ซึ่งครั้งหลังนี้ ท่านเปรยๆว่า สุขภาพไม่ค่อยดีแล้ว ไม่ค่อยอยากออกไปไหน ไม่อยากให้ใครเห็นและครั้งนี้เองที่ท่านพูดกับผมว่า รู้หรือเปล่าว่า หนังเรื่องเพชรพระอุมาที่สร้างนั้นทำให้เกิดอะไรกับท่านบ้าง..แต่ท่านก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง ผมก็เลยบอกท่านว่า แต่อย่างไร ท่านก็คือผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับหนังไทย..แม้ตอนหนังออกฉายนั้น คงไม่อยากดู แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า ตอนนี้ หนังที่ท่านสร้างไว้ มีแต่คนอยากดู..แต่ก็หาดูไม่ได้..ท่านก็เลยบอกว่า ขอบคุณที่ยังไม่ลืมผม..


          อย่างที่ผมบอกไว้ข้างต้นแล้ว ตอนนี้ ผมเองก็ไม่ค่อยจะกล้าโทรศัพท์ไปหาคุณวิทยาครับ เกรงว่า พอพูดอะไรถึง เพชรพระอุมา ก็จะไปสะกิดแผลใจของท่านที่พยายามจะทำเป็นลืมๆ แต่ใจผมคิดว่า ท่านลืมไม่ลงหรอกครับ เพียงแต่เราต้องมีวิธีการพูดกับท่านอย่างที่ก่อนหน้านั้น ผมทำมาแล้ว ผมเองกะไว้ว่า ถ้าวันไหน ผมได้กากฟิล์มเรื่อง เพชรพระอุมา มาทำเป็นดีวีดีให้ท่านได้เห็นอีก จึงจะไปเยี่ยมไปหาท่าน แต่ก็เหมือนเป็นกรรมของหนังไทยเก่าๆ นะครับ ทุกวันนี้ ผมก็ยังหากากฟิล์มหนังเรื่องนี้ ไม่ได้เลย ก็เลยไม่มีเหตุที่จะไปพูดคุยกับท่าน..

          ส่วนภาพนิ่งต่างๆ นั้น ท่านได้ไปหมดเมือเกือบ 15 ปีที่แล้วครับ..  อ่อ ผมจำได้แล้ว ครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปี 2543 ช่วงที่แผ่นวีซีดีกำลังระบาดในไทยใหม่ๆ ท่านก็โทรถามผมว่า พอจะเจอกากฟิล์ม เพชรพระอุมา หรือเปล่า ผมก็บอกว่า ยัง ครับ เจอแต่กระเป๋าฟิล์มหนัง แต่ข้างในเป็นเรื่องอื่น ตอนนั้น ผมก็ิคิดไว้ว่า ถ้าเจอกากฟิล์ม 35 มม.ก็คงจะฉายไม่ได้แล้ว ความหวังของหนังอยู่ที่ฟิล์ม 16 มม.สโคป ก็เลยถามท่านว่า หนังเคยปริ๊นซ์เป็นฟิล์ม 16 มม.สโคปหรือไม่..  ท่านก็บอกว่า ไม่ทราบเพราะท่านให้คนอื่นจำหน่ายแทน พอหนังเข้าฉายได้เพียงวันสองวัน ท่านก็หลบหน้าเงียบหายไปครับเพราะหนังไม่ทำเงิน..แต่พอผมรู้ว่า ยังมีฟิล์มต้นฉบับอยู่ที่ต่างประเทศ ก็คิดว่า คงยากที่จะมีการปริ๊นซ์เป็นฟิล์ม 16 มม.สโคปนะครับ..ตอนนั้น ผมถามท่านว่า ทำไม ไม่ไปเอาฟิล์มต้นฉบับกลับมา ท่านก็บอกว่า เช็คราคาดูแล้ว แพงเหลือเกิน สู้ไม่ไหว..

          ส่วนคนที่จะซื้อไปทำแผ่นวีซีดี เขาจะซื้อประมาณหมื่นบาทเองครับ ท่านก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งก็เช่นเดียวกับหนังไทยเก่าๆ หลายเรื่องที่ฟิล์มต้นฉบับตกอยู่ในต่างประเทศ แล้วกลับมาไม่ได้เพราะไม่มีใครลงทุนครับ..เจ้าของหนังส่วนใหญ่ ก็ไม่มีเงินกันแล้ว พ่อค้าที่จะลงทุน ก็ไม่ไปเอาอีกเพราะค่าใช้จ่ายสูง ซ้ำกระแสหนังเก่าไม่มี ก็ไม่คุ้มการลงทุน..ดังนั้น วิธีการที่ผมและเพื่อนๆ ช่วยกันตามหากากฟิล์มหนังอยู่ทุกวันนี้ จึงเป็นวิธีที่ดีสุดและสุดท้ายจริงๆ แล้วครับ..เพราะถ้าไม่ทำ ก็ไม่มีดู ก็สูญพันธุ์ไปหมด รูปข้างล่างนี้ เ็ป็นการวาดป้ายโฆษณาหนัง เพชรพระอุมา ตอนที่กำัลังจะฉายที่ศาลาเฉลิมไทย.. ป้ายใหญ่มากครับ



ฉัตรชัยฟิล์มshop:
          เพชรพระอุมา ที่เราพูดถึงกันในวันนี้ ก็เพราะผมจัับมาขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ ตามคำนิยามที่ผมตั้งไว้ในหลักเกณฑ์ข้างต้น (ย้อนกลับไปอ่านได้ในภาพเปิดกระทู้) เพชรพระอุมา จึงเป็นหนังไทยอีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่องที่สูญพันธุ์นะครับ แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมจะค่อยๆ นำมาบอกกล่าวต่อไป.. มีคนถามผมว่า เห็นทำ หนังไทยคงเหลือ มาแล้ว ทำไม ต้องมี หนังไทยสูญพันธุ์ อีก.. เหตุผลง่ายๆ ก็คือ หนังไทยคงเหลือ ยังไงก็คงเหลือ เหลือนิด เหลือหน่อย เหลือมากหรือเหลือครบ ก็ยังคงเหลือ เราพูดกันได้เป็น 2-3 พันเรื่องแน่ๆ แต่หนังไทยสูญพันธุ์ หากเราไม่มีรีบพูดถึง ไม่รีบกระตุ้น ไม่ปลุกกระแสอีก ก็จะทำให้ปริมาณหนังไทยคงเหลือ ลดลงเรื่อยๆ ครับ..

          เพราะอาจจะมีคนเข้าใจผิดๆ ว่า หนังไทยเก่าๆ ยังไง ก็ยังมีอยู่ครบทุกเรื่อง ทำให้บางคนมีกากฟิล์มไว้ก็เลยคิดว่า คนอื่นก็อาจมีกากฟิล์มด้วย บางครั้งเขาก็เลยทิ้งกากฟิล์มนั้นไปเพราะเหตุผลต่างๆ กัน นั่น ก็อาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้หนังไทยสูญพันธุ์ไปโดยไม่ตั้งใจ บางคนคิดว่า หนังเรื่องนี้มีฟิล์มต้นฉบับหรือเนกาตีฟ แล้ว ก็ไม่สนใจกากฟิล์ม แต่ความจริงนั้น ฟิล์มเนกาตีฟจริงๆ เขาก็มีอายุและดูจะเสียหายง่ายกว่าฟิล์มก๊อบปี้ที่เราฉายๆ กันอยู่อีกนะครับ..

          ความเข้าใจผิดๆ แบบนี้ ก็เลยทำให้หนังไทยสูญพันธุ์ไปอีกมาก..และอีกอย่าง ฟิล์มเนกาตีฟนั้น เราจะฉายดูจากเครื่องฉายชาวบ้านไม่ได้ครับ ต้องเป็นเครื่องเทเลซีนหรือสแกนฟิล์มเท่านั้น เขาจึงต้องมีการนำฟิล์มเนกาตีฟไปแปลงสัญญาณเป็นเทปออกมา ซึ่งหนังเรื่องหนึ่งๆ ก็มีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเทเลซีนหรือสแกนฟิล์มมากกว่า 1 แสนบาทถึง 4 แสนบาทครับ ข้อนี้เอง ผมวัดใจได้เลยว่า ไม่มีพ่อค้าที่ไหนกล้าจะลงทุนทำนะครับ..ยิ่งรวมค่าซื้อสิทธิ์ ค่าจัดจำหน่ายด้วย ก็ยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ ครับ เหตุนี้ เราจึงได้ดูหนังจากกากฟิล์มเป็นหลักครับ..

วันนี้ ขอลงรูปจากเรื่อง เพชรพระอุมา ต่ออีกนะครับ..








เริ่มลงเป็นไปเรื่อยนะครับ.. ครับ นี่แหละครับ ส่วนหนึ่งของภาพนิ่ง เพชรพระอุมา หนังไทยที่สูญพันธุ์ไปแล้ว..










Anono Sena คุณมนัส ชีโน่เพิ่งเล่าเรื่องคุณวิทยาที่คุณมนัสลงเพชรพระอุมาให้ลูกทั้ง 2 ฟังค่ะ เขาร้องว่าโธ่ น่าสงสาร พาลเอาเศร้าๆตามๆกัน เขาก็บอกว่าเคยดูหนังไทยเก่าๆตั้งหลายเรื่องก็สร้างได้ไม่ดีเท่าไหร่ เขาว่าเพชรพระอุมาก็คงเหมือนกันทำไมต้องว่ากันด้วย ชีโน่ก็บอกว่าจำที่เคยดูไม่ได้เลย
...จึงได้คิดว่า จนบัดนี้ก็ไม่มีใครเอาเรื่อง เพชรพระอุมา มาสร้างเป็นหนังหรือละครซักครั้ง จะว่าเนื้อเรื่องยิ่งใหญ่หรือก็ไม่ใช่ มันยาวมากหรือ ก็ไม่ใช่อีก เพราะคนเขียนบทเขาก็สรุปเนื้อเรื่องได้อยู่แล้ว
...ที่เห็นว่าเพชรพระอุมายิ่งใหญ่เพราะเนื้อเรื่องยืดที่สุด เดินเรื่องรายละเอียดยิบ อ่านจบไป 1 เล่มบางทีเป็นเวลาในเรื่องแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง
...เรื่องผจญภัยป่าลึกแบบนี้ก็มีทำเป็นละครเยอะแยะ
...แต่ก็ไม่มีใครเอาเรื่องเพชรพระอุมา มาทำอีกเสียที คิดว่าเพราะคำว่ายิ่งใหญ่พ่วงท้ายมาด้วยทั้งๆที่เนื้อเรื่องจริงๆมีไม่มาก (พูดอย่างนี้เพราะพออ่านจบแล้วก็เกิดดวงตาเห็นธรรมว่า เมื่อก่อนติดนิยายนี้แบบอ่านรวดเดียวจบและต้องอ่านๆๆๆให้หมด พนมเทียนมีวิธีการเขียนให้คนติดงอมแงมได้ แต่ถ้าจะทำเป็นหนังก็ต้องย่อความ รวบรัดหน่อยไม่งั้นหนังยืดจนไม่อยากดูค่ะ)
.... ใครจะสร้างก็ต้องเตรียมการให้ดีที่สุดไม่งั้นโดนด่าแน่
...นึกแล้วก็เห็นใจคุณวิทยา ที่ชีโน่เรียกตามชื่อที่เขาตั้งเองว่า รพินทร์ ไพรวัลย์ ที่สุดค่ะ
...อยากฝากบอกว่า ชีโน่จำว่าคุณวิทยา ชื่อรพินทร์ ไพรวัลย์ มาตั้งแต่เด็กและพอใจที่จะเรียกแบบนี้ตลอดไป ที่เรียกว่าคุณวิทยาก็เรียกตามคุณมนัสที่เขียนเล่าค่ะ
...คุณวิทยาขณะนี้อายุเท่าไรคะ เดาว่าคงมากแล้ว ทีนี้คนอายุมากทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปสังขารก็เสื่อมลงตามกาล ยิ่้งคุณวิทยามีสิ่งที่ค้างอยู่ในใจเรื่อง เพชรพระอุมานี้ ชีโน่เห็นว่าถ้าคุณมนัสมีโอกาสได้คุยหรือได้พบอีก
...ขอฝากคำพูดชีโน่ และ คุณสามารถ ยิ่งกว่า ให้คุณวิทยาอ่านหรือช่วยเล่าให้ฟังตามนี้คะ เวลาสำหรับเราผ่านไปทุกนาทีอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปๆเป็นอีกปีหนึ่งๆแล้ว
...อยากบอกอะไรก็จะหาทางบอกค่ะอยากให้เคลียร์ใจ เพราะเรื่องเกิดขึ้นสมัยนั้นนานมาแล้ว เป็นเรื่องที่การสื่อสารไม่สะดวก ไม่ทั่วถึง ความคิดเห็นของคนดูที่มีต่อหนังเพชรพระอุมา ก็เป็นความเห็นส่วนน้อยและเป็นสื่อมวลชนอีกด้วย
...ไม่ใช่ของคนทั้งประเทศ
....วันนี้การสื่อสารแพร่หลายไปทุกที่ ทำให้พวกเราติดต่อถึงกันได้หมดแล้ว
....ขอบอกคุณวิทยา หรือคุณรพินทร์ ไพรวัลย์ พระเอกตัวจริงที่รักบทประพันธ์จนสร้างให้มันมีชีวิตได้จริงได้รู้ว่า เพชรพระอุมา ของท่านได้เกิดขึ้นเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์หนังไทยที่สำคัญเรื่องหนึ่ง
....ถ้าท่านไม่ทำขึ้นมา ก็ไม่มีใครทำได้อยู่ดี เพราะจนถึงทุกวันนี้ไม่มีใครจับรพินทร์ ไพรวัลย์ แงซาย และคุณหญิงดาริน ปั้นให้เป็นคนจริงมาแสดงให้ดูได้ค่ะ

           เมื่อสักครู่ ผมลองกดโทรศัพท์ไปหาคุณวิทยา..อยากจะบอกท่านถึงเรื่องต่างๆ ที่พวกเรานึกถึงท่าน เผื่อว่าท่านจะมีกำลังใจและยินดีกับอดีตที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า เบอร์โทรมือถือที่ให้ไว้ โทรเท่าไร สายก็ตัดไปเอง..เหมือนโทรยังไม่ติด ก็ตัดไปนะครับ..ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร ทีแรกก็กะว่า ถ้าโทรติด จะขออนุญาตท่านให้เบอร์กับเพื่อนๆ ที่อยากจะคุยสดๆ กับท่านด้วย แต่ก็ยังติดต่อไม่ได้ครับ..ผมเองคุยกับท่านมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยถามว่า ร้านตัดเสื้อของท่านชื่ออะไร เห็นว่าเป็นร้านเก่าแก่แถวๆ สีลมไงนี่แหละครับ..

           วันนี้ พูดถึงเรื่องหนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไปนะครับ ก็จะเป็นหนังปี 2517 ฟังชื่อแล้ว รู้สึกดีมากๆ .. ด้วยปีกของรัก... แต่ว่าปัจจุบัน ไม่มีฟิล์มเหลือ ไม่มีเทปวีดีโอ ครับ สูญพันธุ์ไปอีกเรื่องหนึ่งครับ..


           หนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.ปี 2516 เรื่อง จอมเมฆินทร์.. ผีไทยแดร็กคูล่าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้น ตอนนี้ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปแล้วครับ... มีท่านใดเคยดูบ้างครับ..


           สำหรับ หนังไทยสูญพันธุ์ วันนี้คือ หนัง 35 มม.เรื่อง แม่สาย ปี 2518..  หนังที่มีเพลง แม่สาย.. อันโด่งดังนั่นแหละครับ แต่ว่าปัจจุบัน ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอเลยครับ จึงต้องเป็นอีกหนึ่งในหนังไทยสูญพันธุ์ ครับ...


           หนังไทยสูญพันธุ์ เรื่องที่จะบอกในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง ลมรักทะเลใต้ ฉายปี 2514 ซึ่งปัจจุบันไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปเหลือแล้วครับ ..น่าเสียดายมากครับ ผมเองตอนเด็กๆ ก็เคยเห็นแต่ใบปิดหนังแบบนี้แหละครับ...


           ลมรักทะเลใต้ นั้น ผมเองก็ยังไม่เคยเช็คดูว่า หนังมีเพลง 32 เพลงนั้นจะมีเพลงอะไรบ้าง แต่คิดว่า เพลงก็น่าจะมีอยู่เป็นแผ่นเสียงนะครับเพราะสมัยนั้นนิยมทำจำหน่ายด้วย แต่ฟิล์มนั้นไม่มีแล้วครับ.. ต่อไปก็มารู้จัก หนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไปนะครับ ก็เป็นหนังระบบ 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ออกฉายปี 2513 ผู้สร้างเดียวกันกับ ลมรักทะเลใต้ แต่ว่าเรื่องนี้ฉายก่อนนั่นคือ เพลงรักแม่น้ำแคว หนังบอกว่ามี 21 เพลงนะครับ แต่ว่าปัจจุบันไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอแล้วครับ เป็นอีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่องที่สูญพันธุ์ไปครับ


           หนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มที่ออกฉายในปี 2514 ซึ่งเป็นการสร้างครั้งที่ 2 แล้ว แต่ปัจจุบัน ก็ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปเช่นกัน นั่นคือเรื่อง ในสวนรัก ...


           วันนี้ เสนอ หนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง เพลงรักลูกทุ่ง ฉายปี 2515 เป็นหนังที่มีแต่เพลงรวมๆ กันไว้ 35 เพลง..ครับ คนสมัยนั้นเขาเรียกว่า ไปดูเพลงครับ..และก็มีเรื่องคล้ายๆ กันแบบนี้อีกคือ นำเพลงเอกจากหนังแต่ละเรื่องมาต่อรวมๆ กันฉายนะครับ..แต่วันนี้ หนังเรื่องนี้ ไม่มีแล้วครับ สูญพันธุ์ไปแล้ว ก็เลยนำมาขี้นบัญชีไว้ครับ..


           ส่วน หนังไทยสูญพันธุ์ เรื่องต่อมาก็คือ หนังปี 2515 เรื่อง หาดทรายแก้ว.. ผมเห็นใบปิดหนังนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ดูแล้วชอบใบปิดมากๆ สวยดี ส่วนตัวหนังนั้น ผมยังไม่ได้ดูครับ แต่ตอนเด็กๆ ก็เคยเก็บเศษฟิล์มหนังเรื่องนี้ได้มาเฟรมหนึ่งเป็นชื่อหนัง หาดทรายแก้ว นี่แหละครับ เข้าใจว่า เป็นฟิล์มหนังตัวอย่างที่ โรงหนังศรีสยาม สุรินทร์ เขาฉาย แต่ว่า ตอนนี้ ฟิล์มหนังเต็มๆ เรื่องไม่มี เทปก็ไม่มี หนังเรื่องนี้ก็เลยต้องขึ้นบัญชีเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่องแล้วครับ..


           หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ปี 2516 เป็นหนังผีเรื่อง คุ้งตะเคียน..  สมัยนั้น เรียกว่าเป็นหนังผีที่สร้างตำนานความน่าสะพรึงกลัวให้กับผู้คนอย่างมากโดยเฉพาะหากผีแหก-อก ทำได้น่ากลัวมาก..จนเป็นเหตุให้บรรดาพ่อค้าตามงานวัดต้องนำไปหลอกเก็บเงิน บอกว่า มาดูผีคุ้งตะเคียนแหก อก..กัน ผมก็เคยดูหนัง แล้วก็ยังเสียเงินไปดูเขาหลอกว่าเป็นผีคุ้งตะเคียนอีก.. ปัจจุบัน หนังเรื่องนี้ไม่มีแล้ว ไม่มีเทปวีดีโอด้วย ก็เลยต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีกเรื่องครับ..


           ตอนเด็กๆ ใครที่ได้ดูหนังเรื่อง คุ้งตะเคียน ก็บอกว่า น่ากลัวทุกคน เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ดูหนังย้อนรำลึกความหลังกันแล้ว หนังปี 2516 แบบนี้ ถ้าเจอกากฟิล์ม 35 มม.ก็ยากที่จะฉายได้แล้วครับ.. สำหรับหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม. พากย์เสียงในฟิล์ม ปี 2514 เรื่อง สองฝั่งโขง.. เรื่องนี้ไม่ค่อยดังเท่า ทุ่งเศรษฐีหรือลานสาวกอด แต่ก็ยังหาฟิล์มมาพิสูจน์ไม่ได้..วีดีโอก็ไม่มีแล้ว ก็เลยต้องเป็นหนังสูญพันธุ์อีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่องครับ..


           หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปนี้ ก็เป็น หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ฉายปี 2516 ที่ปัจจุบันไม่มีฟิล์มแล้ว ไม่มีการบันทึกเทปไว้ด้วย จึงกลายเป็นหนังไทยสูญพันธุ์ นั่นคือเรื่อง กุหลาบไฟ...


           บางท่านอาจสงสัยว่า ไม่มีหนังแล้ว ไม่มีฟิล์ม แล้วจะมาพูด มาบอกทำไม.. เหตุผลของผมก็คือ ผมคิดว่า หนังไทยที่ผมขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ไปก่อนหน้านี้ จะไม่สูญพันธุ์เลย หากคนรุ่นก่อนๆ คิดและช่วยกันทำภาพเก็บไว้ อย่าลืมว่า ระบบวีดีโอเทปเริ่มแพร่หลายมากๆ ก็ราวๆ ปี 252... ต้นๆ นะครับ ตอนนั้น กากฟิล์มเหล่านี้ยังมีอยู่แน่นอน..แต่อะไรที่ทำให้ไม่มีใครคิดนำฟิล์มเหล่านั้นมาฉายทำเทปวีดีโอไว้ก่อนล่ะครับ..ผมว่าเหตุผลวันนั้น ก็ไม่ต่างกับเหตุผลวันนี้ของคนที่ถือฟิล์มไว้..

           นั่นแหละที่ผมบอกไว้ว่า ถ้าไม่รีบทำไว้ จะสูญพันธุ์ยิ่งกว่านี้.. สำหรับเรื่องต่อไปที่จะต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ก็เป็นหนังปี 2514 ที่ปัจจุบันไม่ีมีฟิล์ม ไม่มีการทำเทปไว้ด้วย นั่นคือเรื่อง พิษผยอง ครับ... ไม่ทราบว่า มีใครเคยได้ดู หรือมีความหลังอะไรกับ กุหลาบไฟ และ พิษผยอง หรือไม่.. ผมเองนั้น ตอนเด็กๆ ก็เห็นแค่ใบปิดเองครับ...


Anukool Vimoolsak ขอเพิ่มเติมได้ไหมครับ เพราะลางเลือนไปแล้วใน thaifilm

* รักข้ามขอบฟ้า (หนังร่วมทุนสร้างไทย - กัมพูชา) ที่ตอนนี้เหลือแต่เพลงซึ่งเคยฟังจากคนที่นำมาร้องใหม่
* เงาราหู (ของ "เปี๊ยก โปสเตอร์") เคยอ่านเรื่องย่อจากหนังสือนิตยสารแฟนหนังไทย ฉบับแรกๆ (น่าจะ 3 - 4 ซึ่งเป็นคอลัมน์รวมหนังไทยที่มีฉากรุนแรงหลากหลายประเภท) และต่อมาก็มีละคร เหมือนเคยจะให้ข้อมูลจากเว็บ thaifilm ด้วยว่า ไม่พบเห็นฟิล์มอีกเลย
นึกออกได้แค่นี้ครับ

           ใช่ครับ รักข้ามขอบฟ้า เป็นหนังไทยที่ต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์อีกเรื่องอย่างที่ครูนุ Anukool Vimoolsak บอกไว้จริงๆ..ส่วน เงาราหู นั้น แต่เดิม ก็ไม่มีใครพบฟิล์มอีก แต่ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ มีคนพบกากฟิล์มชุดหนึ่งและนำมาเทเลซีนแบบบ้านๆ อย่างที่พวกเราทำไว้แล้วครับ ดังนั้น จากที่เคยเป็นหนังไทยสูญพันธุ์ จึงกลายมาเป็น หนังไทยคงเหลือ ครับครูนุ...


           ก่อนที่เฟสบุ๊กผม จะถูกปิดไปนั้น ผมเคยลงบทความแนวที่ครูนุว่าไว้บางแล้วครับ ตอนนั้นตั้งชื่อว่า รักข้ามขอบฟ้า..สื่อสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นข้อเขียนที่ผมเขียนไว้ในหนังสือฟิล์มสตาร์ เดือนกันยายน 2548 และต่อมาก็เคยเขียนถึงเรื่อง แผ่นดินของใคร หนังไทยที่ถ่ายเขาพระวิหารไว้ตั้งแต่ปี 2501 ก่อนที่ไทยจะแพ้คดีในปี 2505 ซึ่งเรื่องหลังนี้ คุณโต๊ะพันธมิตร นำฟิล์มมาทำดีวีดีแล้วครับ..ว่าจะนำมาลงใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้ทำนะครับ

           สำหรับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง นิทรา สายัณห์ ฉายปี 2517 เป็นหนังที่ผมเคยดูตอนเด็กๆ ขนาดไม่ค่อยชอบหนังรักๆ แบบนี้ แต่ดูแล้วก็ชอบ พระเอกคือ ภิญโญ ทองเจือ พ่อของ พีท ทองเจือ..ตอนนี้ ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอเลยครับ ก็เลยต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ครับ...


           สวัสดีครับ หนังไทยสูญพันธุ์ เรื่องต่อไปนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ปี 2518 ผลงานเรื่องแรกของ คมน์ อรรฆเดช.. ปล้นครั้งสุดท้าย..  หนังเรื่องนี้ ตอนเด็กๆ ผมได้ดูแค่หนังตัวอย่างครับ..และก็อยากจะดูหนังเต็มๆ เรื่องบ้าง แต่ก็คอยและรอมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่ได้ดู ข่าวว่า ไม่มีฟิล์มอะไรเหลือเลย ไม่มีเทปวีดีโอด้วย ก็เลยต้องกลายเป็น หนังไทยสูญพันธุ์ แล้วนะครับ..


           สวัสดีครับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์วันนี้ ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ตามล่า อตร. (ไอ้ตอแหล) ปี 2519 เป็นหนังแนวตลกของผู้ชายที่มีเมียมาก.. ผมเคยดูจากหนังขายยาตอนเป็นเด็กนักเรียน ตอนนั้นขำและฮามากๆ ก็เลยจำฝังใจชื่อเรื่องตลอดมา แต่ว่า ปัจจุบัน ไม่มีฟิล์มหนัง ไม่มีวีดีโอเทปแล้วครับ ก็เลยต้องกลายเป็นอีกหนึ่งในหนังไทยสูญพันธุ์ครับ..


           สำหรับหนังเรื่อง มีนัดไว้กับหัวใจ นั้น ทราบว่า ยังมีกากฟิล์มอยู่ที่หอภาพยนตร์ฯ ครับ ภาพสีเฟดแดงๆ แล้ว มีเพื่อนเคยไปดูวีดีโอมาและบอกไว้ครับ


           สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง รางวัลชีวิต นิสิตที่รัก ของ เฮียหลอ พิชัย น้อยรอด ที่สร้างออกฉายในปี 2518.. ซึ่งแรกๆ ของชื่อหนังก็คือ "รางวัลชีวิต" แต่ต่อมาจึงเติมคำว่า นิสิตที่รัก เข้าไป ผมเข้าใจว่า ก็เพื่อให้เข้ากับกระแสประชาธิปไตยหลังปี 2516 ที่สมัยนั้น นักศึกษามีบทบาทในสังคมไทย..ในหนังจะมีฉากหนึ่งที่เฮียหลอให้ดาราแต่งชุดนักศึกษาหญิงขายตัว.. ซึ่งก็ถูกกระแสต่อต้านเหมือนกัน.. ผมเคยคุยกับเฮียหลอแล้ว จึงทราบว่า หนังเรื่องนี้ไม่มีฟิล์มแล้ว ไม่เคยทำวีดีโอไว้ด้วย ทางเดียวก็คือ ตามหากากฟิล์มหนังมาให้ได้ แต่ตลอดเวลา 10 กว่าปีมานี้ ก็ยังตามหากากฟิล์มไม่พบครับ..เฮียหลอเล่าให้ฟังว่า หนังเรื่องนี้ เฮียหลอใช้วิธีเล่าเรื่องของคู่รักแต่ละคู่ในเรื่อง โดยแบ่งออกเป็นตอนๆ คล้ายหนังสมัยนี้ทำ..นะครับ ผมก็เลยอยากดู แต่ทำไงได้ หนังสูญพันธุ์ไปแล้วครับ.. ท่านใดมีความหลังกับหนังเรื่องนี้บ้างครับ..


           หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง เหยื่ออารมณ์ หนังปี 2518 ซึ่งเมื่อตอนเป็นเด็กๆ ผมได้ดูเพียงครั้งเดียวจากหนังกลางแปลง..จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แ้ล้ว แต่จำชื่อหนังได้ ก็เลยพยายามสืบตามถามหามาตลอด ก็ได้เห็นแต่ใบปิดหนังกับเรื่องย่อๆ เท่านั้น ส่วนฟิล์มหนัง ไม่มีแล้วครับ วีดีโอเทปก็ยังไม่มีอีก..ณ วันนี้ เหยื่ออารมณ์ รุ่นแรกนี้จึงต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์ไปอีกเรื่องครับ..


           หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ลำดับต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง จันทร์เพ็ญ หนังปี 2515 ที่สร้างโดยศรีสยามโปรดักชั่น ซึ่งปัจจุบัน ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอเลยครับ จึงต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ครับ..


พุทธพร ส่องศรี จันทร์เพ็ญ (2515) ในใบปิด ถ้าผมดูไม่ผิด มีรถไฟด้วยนะครับ เสียดายที่ไม่มีหนังให้ดูแล้ว

           ใช่ครับ เห็นหัวรถไฟบนใบปิดจริงๆ ด้วย แต่เขาวาดแปลกๆ นะครับ พอหนังไม่มีดูแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่า ฉากรถไฟที่ว่านั้น จะวิ่งไปสถานีไหนนะุครับ..ส่วนคนที่เคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อน ก็คงไม่มีมั้งครับ..เพราะเท่าที่ผมสังเกตุดู พอพูดถึง หนังไทยสูญพันธุ์เรื่องไหน ก็ไม่ค่อยมีใครเข้ามาคุยต่อ..สงสัยจะสูญพันธุ์จนคนลืม..วันนี้ก็เลยสูญพันธุ์ทั้งคนมาอ่านด้วยนะครับ..แต่ไม่เป็นไร..ถ้าไม่เขียนต่อ ก็จะยิ่งสูญพันธุ์ไปใหญ่...สำหรับหนังไทยสูญพันธุ์ที่จะขึ้นบัญชีเรื่องต่อไป ก็ยังคงเป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ซึ่งก็ยังคงเป็นหนังของค่ายศรีสยามโปรดักชั่น ปี 2514 เรื่อง หนึ่งนุช..ครับ ซึ่งปัจจุบัน ไม่มีฟิล์มอะไรเหลือเลย ไม่มีเทปวีดีโอด้วยครับ..

           หนังเรื่องนี้ ตอนที่ผมไปตามหากากฟิล์มหนัง 16 มม.กับคุณโต๊ะพันธมิตรทางภาคอีสาน ก็ไปเจอบริการหนังชื่อ หนึ่งนุช.. ผมก็พาคุณโต๊ะเข้าไปถามหาฟิล์ม 16 มม. แต่เขาก็ไม่มีแล้ว.. ผมก็เลยถามหา กากฟิล์ม 35 มม.หนังไทยเก่าๆ บ้าง เขาก็บอกไม่ค่อยมีแล้ว ผมก็เลยถามว่า มีเรื่อง หนึ่งนุช หรือเปล่า เขาก็บอกว่า ไม่มี..คุณโต๊ะก็ถามผมว่า ทำไม คิดว่า เขาจะมีเรื่อง หนึ่งนุช ผมก็บอกว่า อ้าวก็เห็นชื่อบริการหนังเขาเป็น หนึ่งนุช นี่ครับ.. ก็เป็นอันว่า หนึ่งนุช ก็เป็นอีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่องที่ขึ้นบัญชีสูญพันธุ์แล้วครับ..


           สวัสดีครับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ปี 2520 เรื่อง แม่ปลาช่อน เป็นหนังแนวตลก ตอนจบแฝงข้อเตือนสติชายหนุ่มที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น..ผมดูตอนเด็กๆ ชอบครับ แต่วันนี้ ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอครับ..ก็เลยเป็นหนังสูญพันธุ์ไปแล้ว.. เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมเคยเจอกากฟิล์มแล้ว แต่ฟิล์มเสียหาย ฉายไม่ได้แล้วครับ..



ฉัตรชัยฟิล์มshop:
           อีกเรื่องครับ ที่ต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ นั่นก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง สาวสบึมส์ ปี 2518..  เป็นหนังดังพอสมควรในยุคนั้น ซึ่งเห็นแค่ใบปิด ก็คิดได้เลยว่า ฟิล์มจะต้องถูกฉายไปจนพังไปหมดแน่ๆ คำว่า สบึมส์ นั้นเป็นคำแสลงที่สมัยนั้นนิยมมากๆ ก็คล้ายกับคำว่า อี๋มหรืออวบอิ่ม นี่แหละครับ แต่ใช้ในความหมายที่หนักกว่านิดหน่อย เน้นไปทาง ใจกล้าด้วยนะครับ..วันนี้ ดูแต่ใบปิดแล้วครับเพราะหนังสูญพันธุ์ไปหมดแล้วครับ..


           หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ดวง ปี 2514 ของ เปี๊ยกโปสเตอร์ ซึ่งเล่าต่อๆ กันมาว่า ไม่มีฟิล์มต้นฉบับแล้ว ไม่มีวีดีโอเทปด้วย ก็เลยต้องเป็นหนังสูญพันธุ์ไปอีกเรื่องครับ..


พุทธพร ส่องศรี คุณเปี๊ยก โปสเตอร์ช่วงแรก ๆ ชอบตั้งชื่อหนังสั้น ๆ นะครับ คือ โทน ดวง ชู้
ดวง (2514) หนังเรื่องแรกของคุณไพโรจน์ ใจสิงห์ มีเพลงประกอบคือ ไปตามดวง ของดิอิมพอสซิเบิ้ล ที่โชว์การบรรเลงดนตรีด้วยอินโทรยาว ๆ นาทีกว่า และไม่ค่อยมีเนื้อร้องเท่าไหร่แต่เพลงที่ยังเป็นอมตะจนถึงปัจจุบัน ก็คือ หนาวเนื้อ ครับ
เรื่องนี้คุณวนิดา อมาตยกุล แสดงเป็นนางเอก เข้าใจว่าเป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวครับ (ภาพจาก http://topicstock.pantip.com/.../09/A8305909/A8305909.html )


           ครับ..พูดถึงหนังไทยสูญพันธุ์นั้น ก็น่าเสียดายนะครับ เราคิดช้าไป มัวแต่คิดว่า คงจะมีคนอื่นๆ หรือไม่ก็เจ้าของหนังทำเก็บไว้หรอกน่า..แต่ที่ไหนได้ ไม่มีใครเก็บเลย วันนี้ ก็เลยต้องมานั่งเสียดายกันครับ... ส่วนหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปนี้ก็คือ.. หนังของศรีสยามโปรดักชั่น ปี 2517 เรื่อง อีสาน ซึ่งไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปแล้วครับ..


           และก็อีกเรื่องของศรีสยามโปรดักชั่นที่สูญพันธุ์คือ หนังปี 2521 เรื่อง รักเต็มเปา ซึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ผมเคยเจอกากฟิล์มที่ต่างจังหวัด แต่ก็เสียหาย ฉายไม่ได้แล้วครับ..


           ศรีสยามโปรดักชั่น เคยมีผู้กำกับภาพยนตร์คือ บก.วิธิต อุตสาหจิต ผู้ก่อตั้งหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ และผู้กำกับ ผีหัวขาด (2523) ที่เป็นหนังไทยสูญพันธุ์ด้วยครับ ส่วนหนังเรื่อง ผีหัวขาด ปี 2523 นั้น ฟิล์มต้นฉบับไม่มีแล้วครับ แต่มีข่าวแว่วๆว่า ยังมีคนเก็บวีดีโอที่อัดจากโทรทัศน์ไว้ แต่ก็ไม่มีใครตามหามาได้สักที.. ผมก็เลยรอๆ ไว้ก่อนนะครับ ไม่กล้าพูดเต็มปากครับ..


แต่ที่สูญพันธุ์แน่ๆ ก็ต้องเรื่องนี้ครับ ปี 2521 เรื่อง 4 อันตราย ที่ไม่มีใครตามหาฟิล์มเจอ ไม่มีวีดีโอด้วยครับ

           ครับ..หนังไทยบางเรื่อง เราก็เกิดไม่ทันที่จะได้ดู..แต่ในใจก็คิดว่า จะยังมีความหวังที่จะได้ดูอีกเมื่อมีระบบการดูหนังผ่านสื่ออื่นๆ แต่แล้วก็ยังต้องผิดหวังอีกครับเพราะสื่ออื่นๆ นั้นก็ต้องพึ่งพิงวัตถุดิบตัวเดียวกัน นั่นก็คือ "ฟิล์มหนัง" และความขัดแย้งทางความคิดในช่วงการเปลี่ยนยุคการฉายหนังด้วยฟิล์มกับการนำฟิล์มหนังมาบันทึกลงเทปวีดีโอในยุคแรกๆ นั้น ก็กลายเป็นสงครามแตกต่างทางความคิด บางรายก็ผ่อนปรน ยินยอม แต่บางรายก็ยึดติด เหนียวแน่น.. ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูกหมดหรอกครับเพราะนั่นก็เป็นเรื่องความเชื่อส่วนตัวที่เราไม่ควรไปพิพากษาเขา.. แต่วันนี้ ผลแห่งการแตกต่างกันทางความคิดดังกล่าวนั้น ก็ส่งผลร้ายๆ มาถึงหนังไทยเก่าๆ อีกหลายพันเรื่องเพราะฟิล์มก็มีวันหมดอายุ.. จึงทำให้หนังไทยเก่าๆ อีกหลายพันเรื่องต้องตกอยู่ในฐานะเป็น "หนังไทยสูญพันธุ์" ไปโดยไม่ตั้งใจ..

           คู่คดีที่ขัดแย้งกันนั้น บางท่านก็ไม่อยู่รอเห็นผลในวันนี้แล้วครับ แต่แ่น่ๆ คนที่รับกรรมจริง ๆ ก็คือ คนรุ่นลูกรุ่นหลานที่เกิดไม่ทันหนังและต้องการจะเห็นอดีตของหนังไทยนั่นแหละครับ.. เพราะวันนี้ เขาก็ยังมีคำถามคาใจตลอดว่า "แล้วคนรุ่นก่อนๆ ทำไมไม่รีบนำฟิล์มไปแปลงสัญญาณเก็บไว้ก่อนล่ะครับ" เพราะถ้าทำแต่ตอนนั้น หนังไทยเก่าๆ ก็ถึงกับไม่สูญพันธุ์ ซึ่งภาพความคิด ความเห็นแบบนี้ก็ยังคงจะถูกถามต่อไปในอนาคตอีกเรื่อยๆ ว่า ทำไม ไม่ทำ.. ทำไม ไม่มีหนังไทยเก่าๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ดูอีก.. แล้วใครล่ะครับ ที่จะแอ่นอกมาตอบคำถามเหล่านี้... สำหรับหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.ปี 2522 เรื่อง ลูกทาส...

           ซึ่งเป็นการสร้างรุ่นที่ 2 แล้ว ความจริงหนังเรื่องนี้เมื่อเกือบ 15 ปีที่แล้ว เคยมีคนเดินบอกขายฟิล์ม 35 มม.อยู่นะครับ เพียงแต่ว่า ตกลงหาคนจะซื้อไม่ได้ ตกลงราคาให้ลดลง ก็อีกไม่ได้ ข่าวคราวก็หายเงียบไป ไม่มีใครเห็นว่า มีการนำฟิล์มหนังออกไปทำเทปเก็บไว้เลย.. คือ เงียบไปเฉย ๆ วันนี้ หากนั่งคำนวณอายุฟิล์มที่พิมพ์ไว้ฉายเมื่อปี 2522 และเป็นฟิล์มธรรมดาด้วยแล้ว ถ้าพบฟิล์มอีกที วันนี้ ก็คงยากแล้วล่ะครับที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้แบบสมบูรณ์..


          เขียนถึงเรื่อง หนังไทยสูญพันธุ์ ทุกๆ วัน ยิ่งเขียนก็ยิ่งรู้สึกว่า ทำไม มันต้องสูญพันธุ์ด้วย.. ทั้งๆ ที่การช่วยหนังเก่าๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร..ที่กล้าบอกว่า ไม่ได้ยากอะไร ก็เพราะพอพวกเรามาลงมือทำกันเองอย่างทุกวันนี้ จึงรู้ว่า ไม่ยาก..ที่จะทำ แต่ไม่ค่อยจะมีใครคิดทำ.. อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องไม่ยาก.. ก็จริง แต่ ณ วันนี้ที่ยากยิ่งกว่า ก็คือ การตามหากากฟิล์มเหล่านั้นมาทำภาพ ครับ.. เพราะฟิล์มก็มีอายุของมัน ถึงวันถึงเวลาก็ต้องตายไปครับ นั่นแหละจึงเป็นที่มาของคำว่า สูญพันธุ์ อย่างแท้จริง.. อย่างเรื่อง ชลาลัย นี้ แม่เคยพาผมไปดูที่โรงหนังตอนเด็กๆ ก็อยากจะดูอีก แต่ก็ไม่มีฟิล์มให้ดูแล้วครับ..

          สายชล ที่พูดถึงนั้นก็เป็นอีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่องที่สูญพันธุ์ไปแล้วครับ..ยังมีหนังที่มีจระเข้อีกเรื่องหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้วก็คือ หนังปี 2507 เรื่อง จำปูน ครับ บางท่านบอกว่า ถ้าจะดูที่เนื้อหาคล้ายๆ กัน ก็ต้องไปดูหนังจีนเรื่อง แม่น้ำจระเข้ แทนนะครับ


          สูญพันธุ์แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในความทรงจำนะครับ.. ส่วนหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ปี 2522 เรื่อง สวรรค์ปิด.. แม้จะเป็นหนังไม่ค่อยเก่านัก แต่ก็หายสาญสูญไป ไม่มีข่าวคราวเรื่องเทปวีดีโอเลย..ผมเองมีโอกาสเห็นแค่ใบปิดหนังที่เขาติดรอโปรแกรมฉา่ยที่โรงหนัง แต่หนังกลางแปลงก็ไม่มีการนำมาฉาย.. สวรรค์ปิด เป็นชื่อหนัง แต่ก็ไม่รู้ว่าในเรื่องจะมีเพลง สวรรค์ปิดหรือไม่.. แต่ที่ผมเคยเห็นเพลงสวรรค์ปิดในหนัง ก็มาจากเรื่อง จ่าทมิฬ สมบัติ-อรัญญา ครับ.. วันนี้ สวรรค์ปิด ก็เลยต้องปิดบัญชี.. สูญพันธุ์ไปอีกเรื่องครับ..


          ถ้าสังเกตในปิดเรื่อง สวรรค์ปิด จะมีคำโปรยว่า จูบแรกและจูบเดียว จาก หญิงปรารถนา มาเป็น สวรรค์ปิด.. นั่นก็เพราะว่า ก่อนหน้าเรื่องนี้มีหนังเรื่อง หญิงปรารถนา ที่ลลนา สุลาวัลย์ เป็นนางเอกออกมาฉายก่อน ตอนนั้น ลลนายังเป็นนางเอกวัยรุ่น ใสบริสุทธิ์ น่ารัก แต่พอมาเล่นหนังเรื่อง หญิงปรารถนา จะมีฉากเลิฟซีนนิดหน่อย ผู้สร้างก็เลยออกโฆษณาทำนองว่า ไปดูลลนาโดนจูบเรื่องแรกจาก หญิงปรารถนา นั่นเอง.. แต่หนังก็ไม่ค่อยติดกระแสเท่าไร แต่บัดนี้ หญิงปรารถนา ก็ไม่มีฟิล์ม ไม่มีวีดีโอเช่นกัน จึงต้องขึ้นบัญชีเป็นหนังไทยสูญพันธุ์ไปอีกเรื่องครับ..


          สวัสดีครับทุกท่าน.. เรื่องราวของหนังไทยสูญพันธุ์ ยังไม่หมดครับ ยังมีต่อเรื่อยๆ เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง กว๊านพะเยา.. เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งเคยเห็นแต่ใบปิดหนัง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลยกระทั่งบัดนี้ สูญพันธุ์ไปแต่เมื่อไร ก็ไ่ม่มีข่าวคราว.. หนังออกฉายครั้งแรกวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2515 ที่โรงหนังสิริรามา...


          สำหรับหนังไทยสูญพันธ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 16 มม. พากย์สดๆ แต่ว่าเฉพาะฉากเพลงในหนังจะถ่ายระบบ 35 มม. เป็นหนังที่ผมคุ้นชื่อ เห็นใบปิดมาแต่เด็กๆ แต่ไม่เคยได้ดูสักครั้ง.. จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่ได้ดูและตามหากากฟิล์มอีกไม่ได้ นั่นคือ กำแพงแสน... ออกฉายครั้งแรกวันที่ 7 สิงหาคม 2513


          กำแพงแสน เป็นชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดนครปฐม.. แต่ในหนังเรื่อง กำแพงแสน นั้น จะเำกี่ยวกันหรือไม่ ยังไม่ทราบ.  วันก่อนเห็นเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊กโพสรูปโรงหนังกำแพงแสน ก็เลยนำมาประกอบเรื่องนี้ ผมชอบลีลาการเขียนตัวหนังสือของชื่อโรงหนังนะครับ.. ดูเท่ห์พอๆ กับการเขียนชื่อในใบปิดเลยครับ..


โรงหนังกำแพงแสน
พุทธพร ส่องศรี โรงหนังกำแพงแสนรามานี้ ก็ทราบจากเพจ The Southeast Asia Movie Theater Project ครับ ว่าสร้างเมื่อปี 2525 แต่ว่ามีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้นครับ เพราะผมเริ่มทำงานที่กำแพงแสนปี 2540 จำได้ว่าเลิกฉายหนังไปแล้ว ในภาพจะเห็นศาลพระภูมิ ด้านขวาสุดใกล้ศาลพระภูมิจะเห็นห้องแถวไม้ ยุคนั้นมีร้านขายส้มตำไก่ย่างอยู่ครับ ผมกับเพื่อน ๆ เคยไปกิน 2-3 ครั้ง  เข้าใจว่าโรงหนังเปิดขึ้นรับการเติบโตของอำเภอกำแพงแสนจากการสร้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนในปี 2522 ครับ แต่ก็มาประสบกับคู่แข่งอย่างร้านวิดีโอให้เช่าในยุค 2530 จนเลิกกิจการในที่สุด เพลงประกอบหนัง กำแพงแสน พี่มนัสเคยนำมาให้ฟังแล้วในเฟสบุ๊กรุ่นเก่าครับ

คลิ๊กดู...


          สำหรับหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธ์ ในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ซึ่งสมัยผมเรียนมัธยมเคยไปเก็บเศษฟิล์มหนังมาได้มากที่สุดจากบริการโพธิ์ทองภาพยนตร์ จังหวัดสุรินทร์ ตอนเด็กๆ เก็บเศษฟิล์มได้เยอะๆ ก็ดีใจครับ แต่พอมาถึงวันนี้ ก็ทำให้รู้ว่า หนังเรื่องนี้ไม่มีฟิล์มแล้ว เสียหายไปตามกาลเวลา นี่ขนาดหนังปี 2516 นะครับ ฟิล์มก็ไม่มีเหลือแล้ว ไม่ีมีวีดีโอด้วย นั่นคือเรื่อง ทางสายใหม่ ฉายครั้งแรกวันที่ 4 ธันวาคม 2516 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง เป็นหนังไม่ค่อยดังเท่าไร แต่เผอิญผ่านตาผมหลายครั้งเพราะบริการหนังเจ้านี้เขาฉายเรื่องนี้ประจำครับ..


          สวัสดีครับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธ์เรื่องต่อไป เป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เป็นหนังปี 2517 ซึ่งตอนเด็กๆ ผมมีโอกาสได้ดูเพียงครั้งเดียวจากหนังกลางแปลง แต่ว่าชื่อหนังฟังแล้วชอบมาก..  "น้ำตานาง" ก็เลยจำชื่อนี้มาตลอด ครั้นพอ พี่เป้า สายัณห์ สัญญา ร้องเพลง น้ำตานาง อีกซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับหนังนะครับ แต่เพลงก็ฟังไพเราะจับใจคนอกหักทั้งหลาย ก็เลยยิ่งตอกย้ำให้ผมจำชื่อหนังเรื่องนี้อีก แต่ว่า ตอนนี้ก็ไม่มีฟิล์มแล้ว ไม่เคยออกวีดีโอด้วย ก็เลยต้องกลายเป็นหนังสูญพันธ์ครับ น้ำตานาง ฉายครั้งแรกวันที่ 4 พฤษภาคม 2517 ที่โรงหนังโคลีเซียม ครับ..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ปี 2516 ซึ่งผมมีโอกาสได้ดูจากหนังกลางแปลงเพียงครั้งเดียว ตอนนั้นที่วัดจีน จังหวัดสุรินทร์ (เลยตลาดสดสุรินทร์ไปทางโทรคมฯนิดหน่อย) เขาจะมีงานขุดศพไร้ญาติ เขาก็จ้างหนังกลางแปลงมาฉายติดต่อกัน 100 คืน ฉายคืนละเรื่อง ผมก็ไปดูทุกๆ คืน บางคืนก็มีงิ้วมาแสดงด้วยครับ บางคืนก็นำหนัง 16 มม.ที่ถ่ายงานขุดศพไร้ญาติมาฉายให้ดูด้วย..  หนังเรื่องนี้ ผมก็ดูในงานนี้แหละครับ แต่ที่จำติดตามากๆ ก็ตรงชื่อหนังนี่แหละครับ .. 

          รัญจวนจิต..  ตอนนั้นเด็กๆ ก็ไม่รู้ว่า หมายถึงอะไร ก็ดูไปอย่างนั้น แบบว่า ขอให้เป็นหนังเถอะ ดูได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว.. แล้วก็จำชื่อมาตลอด..พยายามตามหาหนังเมื่อมีโอกาส แต่ก็ไม่มีข่าวคราวฟิล์มหรือเทปวีดีโออีกเลยครับ.. สูญพันธุ์ไปอีกเรื่องแล้ว.. รัญจวนจิต ฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2516 ที่โรงหนังเอ็มไพร์.....


          สวัสดีครับทุกท่าน หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ปี 2514 เรื่อง วิมานสลัม ซึ่งก็ยังคงเป็นหนังที่ผมเคยดูจากจอกลางแปลงมาตั้งแต่เด็กๆ ครับ เหตุที่จำหนังเรื่องนี้ได้แม่นก็เพราะว่า สมัยนั้นจะมีบริการหนังกลางแปลงชื่อ ระพินทร์ภาพยนตร์ จังหวัดสุรินทร์ ของนายรามิศร์ ภัทรภานี (นามสกุลไม่แน่ใจนะครับ) ตั้งสำนักงานอยู่หัวมุมสระน้ำวัดจุมพลฯ ใกล้ๆ กับที่ว่าการอำเภอเมืองสุรินทร์ในปัจจุบันนี้.. บริการหนังนี้แปลกว่าใครเพื่อนเพราะเวลาไปฉายหนังกลางแปลงที่ไหน เขาจะไปรถบรรทุก 6 ล้อใหญ่ ตอนนั้นเรียกว่า เชยกว่าใครๆ นะครับ แล้วเขาก็มีหนังประจำบริการเพียง 4-5 เรื่องเอง 1 ในนั้นก็คือ วิมานสลัม กับเรื่อง เผ็ด ไปฉายที่ไหน ก็จะฉายแต่หนังเรื่องนี้ ฟิล์มก็ขาดบ่อยๆ ผมก็เก็บเศษฟิล์มได้เป็นประจำ..

          กระทั่งนายรามิศร์เขาเล่นการเมือง ก็เลยขายหน่วยฉายหนังให้พ่อเพื่อนผม วันสุดท้ายที่เขาฉายก็คือ วันที่ 12 ตุลาคมครับเพราะตอนนั้นเขาประกาศว่า วันพรุ่งนี้ 13 ตุลาคมเป็นวันตำรวจ เขารับงานฉายหนังไว้ที่สถานีตำรวจภูธรสุรินทร์ จะไปฉายที่นั่นและจะเปลี่ยนชื่อบริการใหม่แล้ว.. ผมก็ตามไปดูอีก แต่ว่าเกิดเลิกงานกระทันหัน.. ไม่มีการฉายหนัง จากนั้นบริการระพินทร์ภาพยนตร์ ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น บริการสมยศภาพยนตร์ ของพ่อเพื่อนและพอช่วงปี 2522 กว่าๆ ผมก็ได้ไปช่วยฉายหนังที่บริการสมยศจนเรียนจบ ม.ศ.5 ปลายปี 2524 ซึ่งต่อมาสมยศภาพยนตร์ ลูกๆ เขาก็เปลี่ยนชื่อเป็น อีสานฟิล์ม.. จำได้ว่า เคยเห็นฟิล์ม วิมานสลัม อยู่ในช่วงแรกๆ ที่ซื้อหนังมาจากระพินทร์ภาพยนตร์.. สุดท้ายที่เจอกากฟิล์มเรื่องนี้จริงๆ ก็ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตอนไปหากากฟิล์มกับคุณโต๊ะ พันธมิตรครับ แต่หนังฉายไม่ได้แ้ล้วครับ.. ฟิล์มก็ไม่มี วีดีโอก็ไม่มีแล้ว จึงต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีกเรื่องนะครับ.. วิมานสลัม ฉายครั้งแรกวันที่ 19 พฤศจิกายน 2514 ที่โรงหนังสกาลา...


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ยังมีอีกเป็นพันๆ เรื่องนะครับ ก็คงจะต้องบอกกล่าวกันทุกๆ วันนะครับ วันนี้ ก็จะเป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ฉายปี 2518 ซึ่งเป็นหนังที่เคยผ่านสายตาผมมาสมัยเป็นเด็กๆ เดินดูหนังกลางแปลง แล้วก็ไปเจอเขาฉายหนังเรื่องนี้พอดี หน้าหนังไม่ค่อยน่าสนใจเพราะไม่ใช่หนังบู๊ๆ อย่างที่คนสมัยนั้นชอบ ผมเองก็ดูๆ ไปอย่างนั้นแหละ ดูเพื่อรอดูเรื่องอื่นๆ สมัยก่อนเขาฉายกันโต้รุ่ง 5 เรื่องครับ.. หนังที่ว่านี้ ชื่อฟังก็เพราะๆดีครับ "พยอมไพร" ฉายครั้งแรกวันที่ 26 มิถุนายน 2518 ที่โรงหนังเฉลิมเขตร์ แต่มาวันนี้ ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอแล้วครับ.. สูญพันธุ์ไปอีกเรื่องครับ..


          สวัสดีครับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ฉายครั้งแรกวันที่ 19 มีนาคม 2517 ที่โรงหนังเอ็มไพร์ หนังเรื่องนี้ ผมเคยได้ดูจากหนังกลางแปลงตอนเป็นเด็กๆ ครับ และก็อยากจะดูอีก แต่ว่าปัจจุบันหาฟิล์ม หรือวีดีโอไม่ได้แล้วครับ.. ก็เลยต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีกเรื่องหนึ่งนั่นคือ กังหันชีวิต.. ครับ


          สวัสดีครับ.. วันนี้ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง คุ้มนางฟ้า ซึ่งเป็นหนังที่ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 ที่โรงหนังเอ็มไพร์.. สมัยเป็นเด็กๆ ผมเคยใบปิดหนังเรื่องนี้ปิดอยู่ที่บริการหนังกลางแปลงแห่งหนึ่งในเมืองสุรินทร์.. เห็นแล้วก็นึกอยากจะดู..อยากจะรู้ว่า ทำไมเรียกว่า คุ้มนางฟ้า.. แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ดูเพราะช่วงนั้นยังไม่มีใครจ้างหนังกลางแปลงฉายแถวๆ บ้าน.. พอนานวันไป บริการหนังแห่งนั้น เขาก็ปล่อยฟิล์มขายไปให้จังหวัดอื่นๆ ก็เลยไม่ได้ดู..

          สมัยนั้น บริการหนังกลางแปลงจะใช้วิธีซื้อขาดฟิล์มมาฉาย.. พอฉายได้ไปสักพัก คิดว่าเป็นหนังเก่าๆ สำหรับเขาแล้ว เขาก็จะเอาฟิล์มเหล่านั้นใส่รถกระบะและเร่ไปตามหน่วยฉายจังหวัดอื่นๆ ใกล้เคียงกัน แล้วก็นำฟิล์มไปแลกเปลี่ยนกัน บางทีก็เติมเงินเข้าไปด้วยหากเป็นหนังคนละเกรดกัน.. เข้าทำนอง เก่ามาแต่ไหน มาใหม่แถวนี้นั่นแหละครับ.. ก็ทำแบบนี้ตลอด.. ตอนนี้ก็เลยไม่รู้ว่า กากฟิล์มหนังไปอยู่ที่ไหน วีดีโอก็ไม่มีครับ ก็เลยต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์ครับ... คุ้มนางฟ้า


          ถัดจากเรื่อง คุ้มนางฟ้า.. ก็มาถึง หนังไทย 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มอีกเรื่องหนึ่งคือ วิวาห์เงินผ่อน หนังฉายครั้งแรกวันที่ 11 เมษายน 2518 ที่โรงหนังเพชรเอ็มไพร์..  หนังเรื่องนี้ ผมก็ดูจากจอหนังกลางแปลงอีก..ตอนนั้น เพิ่งรู้จักคำว่า "สินค้าเงินผ่อน" ซึ่งตอนนั้น ใครซื้อของเงินผ่อน จะถูกมองว่า เป็นคนไม่มีสตางค์ อะไรก็ผ่อนๆๆๆๆ ก็เลยมีหนังเรื่อง วิวาห์เงินผ่อน..ออกมาฉายบ้าง.. ตอนนี้ หาฟิล์มไม่ได้แล้วครับ วีดีโอก็ไม่มี ก็เลยต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ไปอีกเรื่องครับ..


          อีกสักเรื่องครับที่เป็นหนังไทยสูญพันธุ์.. ไม่รักไม่สน.. หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มที่ตั้งชื่อให้หนุ่มๆสาวๆ สมัยนั้นใช้เป็นคำพูดหยอกล้อกัน.. พอเราไปจีบเขา เขาไม่รัก.. เราก็แก้เก้อด้วยการพูดว่า ไม่รัก ไม่สน..ผมเห็นใบปิดหนังปิดไว้ที่บริการหนังกลางแปลงที่สุรินทร์ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ไม่เคยได้ดูเลยครับ..ฟิล์มก็ตามหาไม่ได้ วีดีโอก็ไม่มีอีก..ก็เลยต้องเป็นหนังสูญพันธุ์อีกเรื่อง.. ไม่รัก ไม่สน ฉายครั้งแรกวันที่ 6 เมษายน 2517 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง..


          หนังเรื่อง ไม่รักไม่สน ผมเองก็ยังไม่เคยดูครับ เรื่องย่อก็ไม่มี ที่ค้นๆ หามาได้ ก็มีแต่ใบปิดหนังใบเดียวนี่แหละครับ..ต้องรอฟังท่านอื่นๆ ต่อไป..หนังบางเรื่อง ผมจำได้เพราะเคยเห็นใบปิดหนัง บางเรื่องก็เคยดู แต่บางเรื่องจำไ่ม่ได้เพราะไม่เคยผ่านสายตามาเลย เพิ่งมาเห็นก็ตอนสะสมใบปิดหนังและข้อมูลหนังไทยนี่แหละครับ.. อย่างเรื่องนี้ ก็เคยได้ยินแต่ชื่อว่ามีหนัง แต่ก็ไม่เคยได้ดูเลยครับ (และก็คงจะเป็นแบบนี้อีกพันๆ เรื่องครับที่อดดู) พอได้ใบปิดมา ก็มานั่งเพ่ง นั่งดูว่า เคยผ่านตามาหรือไม่.. ปรากฏว่า ไม่เคยผ่านตาเลยครับ หนังชื่อ น้ำตาหยดสุดท้าย ฉายครั้งแรกวันที่ 2 กรกฎาคม 2519 ที่ีโรงหนังศาลาเฉลิมกรุง ครับ ตอนนี้เป็นหนังที่สูญพันธุ์ไปแล้วครับ...




นายเค:
          ครับ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปประมาณ 3-4 วัน.. ผมคงไม่ได้โพสในเฟสบุ๊กนี้เพราะต้องเดินทางไปหากากฟิล์มหนังที่ภาคอีสาน..นะครับ.. ส่วนหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 16 มม.พากย์สดๆ เรื่อง เชิงชายชาญ.. หนังเรื่องนี้ผมเคยดูจากหนังกลางแปลงที่ฉายโดยหนังขายยา..ครับ อาจฟังดูงงๆ นะครับเพราะหนังกลางแปลงก็แบบหนึ่ง แต่หนังขายยาก็อีกแบบหนึ่ง.. เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ตอนผมเด็กๆ นั้น แถวถนนหลักเมือง จ.สุรินทร์ ใกล้ๆ ไนท์คลับแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้แล้ว เขามีงานทำบุญบ้าน..

          แต่ว่า เขาจ้างหนังกลางแปลงมาฉายไม่ได้เพราะหน่วยฉายเต็มแล้ว.. ทีแรกก็คิดว่า จะไม่มีหนัง แต่พอโดนผู้หลักผู้ใหญ่และชาวบ้านบ่นถามว่า ทำไม ไม่มีหนังมาฉายบ้าง เป็นบ้านคนมีอันจะกินด้วย เขาก็เลยไปแถวๆ หน้าโรงแรมกรุงศรีโฮเต็ล ใกล้ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ ก็เห็นว่า มีหน่วยฉายหนังขายยาเจ้าหนึ่ง เขาไม่ได้ไปฉายที่ไหน ก็เลยเหมามาฉายให้ดูเป็นหนังขายยา บอกว่า จะเลิกแค่ 6 ทุ่มครับ..เรื่องแรกก็ฉายหนังต่างประเทศ.. แต่พอจบแล้วก็ยังไม่ถึง 6 ทุ่ม เขาก็เลยฉายหนังไทยเรื่อง เชิงชายชาญ นี่แหละครับ แต่ว่าได้ดูเพียงแป๊บเดียว เขาก็เลยฉายเพราะถึงเวลา 6 ทุ่มแล้ว.. และจากนั้นจนถึงวันนี้ ผมก็ไม่เคยได้ดูหนังเรื่องนี้อีกเลยครับ สูญพันธุ์ไปแล้วครับ.. เชิงชายชาญ ฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2514 ที่โรงหนังคาเธ่ย์..  ครับ


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปเป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม ซึ่งตอนเด็กๆ ผมเคยเห็นใบปิดหนังปิดไว้ที่บริการหนังกลางแปลงแห่งหนึ่ง..อ่านชื่อหนังแล้ว.. "กลัวเมีย"..  ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้อง กลัวเมีย เพราะตอนผมเด็กๆ มีแต่ กลัวผี... แต่ว่า ก็ไม่มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้เลยครับ ปัจจุบันไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอแล้วครับ ก็เลยต้องกลายเป็นหนังสูญพันธุ์อีกเรื่อง.. กลัวเมีย ฉายครั้งแรกวันที่ 22 มกราคม 2514 ที่โรงหนังเพชรรามา...


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ไข่จงอาง.. เป็นหนังตลกๆ ที่ผมเคยดูจากโรงหนังตอนเป็นเด็กๆ ครับ นึกอยากจะดูอีก ก็ไม่มีฟิล์มแล้ว ไม่มีวีดีโอด้วย ก็เลยต้องกลายเป็นหนังสูญพันธุ์..พอเรารู้ว่า มีหนังไทยเป็นพันๆเรื่องสูญพันธุ์ไปแล้ว เราก็ไม่อยากให้หนังไทยเรื่องอื่นๆ ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ก็เลยต้องออกหากากฟิล์มมาให้เร็วที่สุด รีบมาแปลงสัญญาณภาพเก็บสำรองไว้ก่อนนะครับ ไม่งั้นสูญพันธุ์หมดแน่ๆ ครับ.. ไข่จงอาง ฉายครั้งแรกวันที่ 18 ธันวาคม 2519 ที่โรงหนังรามา..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป ก็เป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง ไก่หลง.. หนังที่หนุ่มๆชอบ ผมเองตอนเด็กๆ ก็เคยได้ดูจากหนังกลางแปลงครับ.. ดูตอนนั้น ก็ยังไม่รู้ความหมายหรอกครับว่า ไก่หลง แปลว่าอะไร..เห็นหนุ่มๆ เขาแซวสาวๆ เวลาเดินมาคนเดียวว่า ไ่ก่หลง ไก่หลง..ตอนนี้ ฟิล์มหนังไม่รู้ไปหลงอยู่ที่ไหนแล้ว หาฟิล์มไม่ได้ วีดีโอก็ไม่มีครับ ก็เลยต้องเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีกเรื่อง..บางท่านบอกว่า มีแต่หนังดีๆ ดูใบปิดแล้วน่าสนใจ น่าดูทั้งนั้น ทำไม ไม่มีใครคิดทำเทปวีดีโอไว้มั้ง..ปล่อยให้เป็นหนังสูญพันธุ์ไปได้..ผมก็เคยคิดแบบนั้น แต่คิดแล้วอยู่เฉยๆ หนังก็ยิ่งสูญพันธุ์ครับ ผมกับเพื่อนๆ จึงคิดโครงการช่วยหนังไทยจากกากฟิล์มขึ้นมา..พรุ่งนี้หยุดยาวๆ พวกเราก็จะไปภาคอีสาน ไปหากากฟิล์มหนังกันครับ... ไก่หลง ฉายครั้งแรกวันที่ 26 พฤศจิกายน 2519 ที่โรงหนังพาราไดซ์-พระโขนงเธียเตอร์...


          สวัสดีครับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง เหลือแต่รัก ออกฉายครั้งแรกวันที่ 27 กรกฎาคม 2516 ที่โรงหนังโคลีเซี่ยม..  นับถึงวันนี้ ไม่มีฟิล์มหนัง ไม่มีวีดีโอแล้วครับ ก็เลยต้องเป็นอีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่องที่สูญพันธุ์ไปนะครับ..และถ้าถามว่า หากเจอกากฟิล์มหนังเรื่องนี้ จะยังพอฉายได้หรือไม่นั้น ก็ต้องบอกว่า กากฟิล์มอายุปี 2516 นั้น หากเก็บไว้แบบมีอากาศถ่ายเทสะดวก ก็ยังพอจะฉายได้เหมือนอย่างที่เราไปลองฉายฟิล์มปี 2515 เรื่อง ไอ้แกละเพื่อนรัก ที่บ้านคุณโอ เทพมงคล ครับ.. ว่าแต่ฟิล์มเก่าๆ แบบนี้ เราจะไปหาได้จากที่ไหน..


          หนังไทยสูญพันธุ์นั้น ยังมีอีกมากครับ ต้องไล่บอกไปวันละเรื่องหรือสองเรื่อง วันนี้ ก็ถึงคิวของหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง กรุงเทพพิศวาส นำแสดงโดย ยอดชาย-วันดี ศรีตรัง.. หนังฉายครั้งแรกวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2517 ที่โรงหนังแมคเคนนา.. ผมมารู้ว่า สูญพันธุ์ก็เมื่อตอนคุณโต๊ะ พันธมิตร ทำวีซีดีขายเพราะพยายามตามหาหนังตัวนี้แล้ว หาไม่ได้ครับ..


          หนังไทยสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง แก้วกลางนา ฉายครั้งแรกวันที่ 13 เมษายน 2516 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง.. เป็นหนังที่ผมเคยเห็นใบปิดโฆษณาปิดไว้ในบริการหนังกลางแปลงตั้งแต่เด็กๆ แต่ว่า ไม่เคยมีโอกาสได้ดูเลยครับ ตอนนั้นรู้จากผู้หลักผู้ใหญ่ว่า มีนักมวยดัง เวนิช บขส. ร่วมแสดงด้วย แต่ว่า ตอนนี้สูญพันธุ์ไปแล้วครับ..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง ครรภ์ผี ซึ่งออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2518 ที่โรงหนังเพชรรามา.. เป็นหนังที่เรียกได้ว่า หน้าหนังดีมากๆ ก็เลยถูกฉายบ่อยๆ ผมเองก็เคยได้ดูจากหนังขายยาตอนเป็นเด็กๆ แต่ว่าตอนนี้ ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอเหลือแล้วครับ น่าเสียดายจริงๆ...


          ค่ำคืนนี้ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง ซำเหมาซึ่งออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2516 ที่โรงหนังแมคเคนน่า..   ปัจจุบันนี้ ไม่มีฟิล์มและไม่มีการทำวีดีโอไว้เลยครับ..


          สวัสดีครับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ดวงเพชฌฆาต ออกฉายครั้งแรกวันที่ 8 กรกฎาคม 2521 ที่โรงหนังสามย่าน-พาราไดซ์.. หนังเรื่องนี้มีจุดขายอยู่ที่ สรพงศ์ถูกยิงเป้าเพราะต้องโทษประหารชีวิต แต่คนที่จะมาทำหน้าที่ยิงเป้านั้น เขาใช้ มือปืนตัวจริงของราชทัณฑ์ เพชฌฆาตจากเรือนจำบางขวาง "ประถม เครือเพ่ง" ครับ สมัยนั้น คนรู้แต่ว่า นักโทษถูกยิงเป้า แต่ไม่รู้ว่า วิธีการทำอย่างไร หนังเรื่องนี้เขาไปถ่ายทำขั้นตอนนั้นมาทั้งหมดเลยครับ..

          หนังเรื่องนี้ ตอนที่ผมยังช่วยหนังกลางแปลงอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ก็เคยฉายหนังเรื่องนี้ด้วยครับ แต่ว่าเป็นหนังไว้แถมเจ้าภาพครับเพราะหนังมีเส้นฝนเยอะมากๆ คือว่า ผ่านการฉายมาจากจังหวัดอื่นๆ แล้วนะครับ พอฟิล์มมาถึงหน่วยฉายหนังของเรา ก็เลยต้องกลายเป็นหนังแถม..ครับ สมัยที่เิริ่มมีระบบวีดีโอเทปใหม่ๆ ผมก็พยายามตามหาวีดีโอเรื่องนี้ แต่ว่าหาไม่ได้ เข้าใจว่า ไม่มีใครทำไว้นะครับ ส่วนฟิล์มหนัง ไม่ต้องพูดถึง หาไม่ได้แล้วครัับ วันนี้ ดวงเพชฌฆาต ปี 2521 จึงต้องเป็นอีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่องที่ต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ครับ...


          สวัสดีครับ..หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปนี้ ผมตัดใจเสนอหนัง 16 มม.พากย์สดๆ นะครับ.. ทำไม ถึงบอกว่า ตัดใจ..ก็เพราะว่า แม้จะมีหนัง 16 มม.อีกเป็นพันๆ เรื่องเข้าข่ายสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ถ้าท่านสังเกตุดูในกระทู้นี้ ผมจะยังไม่ค่อยพูดถึงหรือเอ่ยถึงเช่นนั้น ผมยังรีๆรอๆ อยู่เพราะเห็นว่า ฟิล์ม 16 มม.มีความทนทานสูงกว่าฟิล์ม 35 มม. หากเราตระเวนหากากฟิล์มไปเรื่อยๆ ก็อาจจะเจอเหมือนอย่างที่เราไปเจอกากฟิล์ม 16 มม.ที่คุณโอคุณอุ้ยเก็บไว้ 3 เรื่องที่บอกกล่าวกันมาแล้ว.. แต่วันนี้ เพราะเห็นว่า เป็นหนังที่ผมเฝ้ารอมานาน ชื่อหนังชื่อนี้ "เจ้าจอม" มันติดอยู่ในใจผมตั้งแต่เด็ำกๆ เคยเห็นแต่ใบปิดโฆษณา แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ดูเลย ก็เลยใฝ่ฝันเรื่อยมา อยากจะดูหนังเรื่องนี้ ชื่อฟังแล้วชอบมากๆๆ เจ้าจอม.. แต่พอติดตามมาตลอด วีีแววก็ไม่ปรากฏ.. วันนี้ ก็เลยตัดใจบอกว่า สูญพันธุ์แล้วครับ.. เจ้าจอม ฉายครั้งแรกวันที่ 4 มิถุนายน 2514 ที่โรงหนังเอ็มไพร์ ครับ..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ เรื่องต่อไปเป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เป็นหนังแนวตลก "เจ้าป่าบ้าจี้" ฉายครั้งแรกวันที่ 11 พฤศจิกายน 2521 ที่โรงหนังแอมบาสเดอร์.. ผมเห็นใบปิดโฆษณาและแผ่นโชว์การ์ดของหนังเรื่องนี้จากโรงหนังใกล้บ้านตอนเป็นเด็กนักเรียน ดูภาพแล้วก็ว่า ตลกดีครับ.. แต่ไ่ม่เคยได้ดูหนัง รอดูจากหนังกลางแปลงแถวๆ บ้าน ก็ไม่เคยมีบริการไหนนำมาฉายให้ดู.. ครั้นมาถึงในยุคที่เริ่มมีวีดีโอใหม่ๆ ก็พยายามตามหาวีดีโอ แต่ก็ไม่มีอีก ส่วนฟิล์มหนังนั้น ไม่เคยเห็นอีกเลยครับ..


          ครับ เจ้าป่าบ้าจี้ คนออกสตางค์สร้างคือ คุณแจ๋ว อิ้วอรุณ แห่งโรงเรียนสอนดัดผม ดวงดาว ครับ คุณที่ยืนซ้ายมือในรูปนี่แหละครับ.. ส่วนนางเอกก็เป็นดาราหน้าใหม่ด้วย..ครับ


          ครับ มาดูหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง เตะฝุ่น.. ออกฉายครั้งแรกวันที่ 8 มิถุนายน 2516 ที่โรงหนังโคลีเซียม..  หนังนี้ ผมก็เคยเห็นแต่ใบปิดและภาพวาดขนาดใหญ่หน้าโรงหนังที่สุรินทร์ แต่ว่าไม่เคยมีโอกาสได้ดูเลยครับ ปัจจุบันก็ตามหาฟิล์มหนังไม่ได้แล้ว เทปวีดีโอก็ไม่มีเช่นกันครับ.. ตอนเป็นเด็กๆ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า เตะฝุ่น คืออะไร..แต่ต่อมาก็เข้าใจและยังเจอคำว่าพูดที่ว่า จบมาทำงาน วิจัยฝุ่น..


          สวัสดีครับ.. หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม. พากย์เสียงในฟิล์ม ซึ่งผมเคยดูตอนเป็นเด็กๆ ตอนนั้นตื่นเต้นครับที่เห็นความแปลกของหนัง เห็นพญายม เห็นรถเหาะได้ เห็นคนหายตัวในหนังไทย ก็ตื่นเต้นไปตามประสาเด็กๆ ที่ได้ดูหนังกลางแปลง.. พอตื่นมา สายๆ ก็พากันเดินไปที่บริการหนังที่ฉายหนังเรื่องนี้ พากันไปเก็บเศษฟิล์มขาดๆ ที่บริการหนังเขาตัดทิ้ง ก็นำมาฉายสไลด์ดูกันอีกครับ..นั่นเอง ที่ทำให้ผมจำชื่อหนังได้ขึ้นใจว่า เรื่อง ธิดาพญายม..หนังเรื่องนี้ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2517 ที่โรงหนังเอ็มไพร์-ออสการ์.. แต่ว่าปัจจุบันไม่มีฟิล์มแล้ว ส่วนกากฟิล์มก็ไม่น่าเหลือแล้วครับ ขนาดตอนผมเด็กๆ หนังยังขาด ยังเก็บเศษฟิล์มได้ตอนนี้คงไม่เหลือแล้วครับ วีดีโอก็ไม่มีใครทำไว้อีกครับ ธิดาพญายม จึงเป็นหนังไทยสูญพันธุ์อีกเรื่องหนึ่ง...


          พูดถึงเรื่อง ธิดาพญายม ที่อยู่ข้างบนนี้อีกนิด คือว่า เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ตอนที่ผมไปตามหากากฟิล์ม 16 มม.กับคุณโต๊ะ พันธมิตร แถวๆ ข้างโรงหนังศาลาเฉลิมกรุง..นั้น ก็เผอิญเจอกากฟิล์ม 35 มม.เรื่อง ธิดาพญายม.. ตอนนั้นในกลุ่มพวกเรายังไม่มีเครื่องฉาย 35 มม. ด้วย แถมเขายังบอกราคาฟิล์มสูงกว่าฟิล์ม 16 มม. ถึง 4-5 เท่าตัว พวกเราก็เฉยๆ เพราะไม่ใ่่ช่หนังเป้าหมายที่เราตามหา.. ทราบว่า ตอนนี้ กากฟิล์มนั้นเน่า เสียหาย เขาทิ้งไปแ้ล้วโดยไม่มีการฉายทำภาพอะไรไว้เลยครับ..ทำให้คิดได้ว่า ถ้าพวกเราไม่คิดลงมือทำหนังไว้ดูกันเองแล้ว เราก็คงไม่มีหนังอะไรดูแ้ล้วครับ.. เพราะคนที่คิดจะทำหนังไว้ดูเอง ก็มีไม่กี่คนครับ..

          นอกนั้น ก็คอยนั่งรอให้คนอื่นๆ เขาทำออกมาครับ.. นั่นแหละครับที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ช่วยทำให้หนังไทยเก่าๆ สูญพันธุ์เร็วขึ้น.. ครับ มาดูหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้กันต่อนะครับ เป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ไม้ป่า.. ออกฉายครั้งแรกวันที่ 27 เมษายน 2516 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง.. ซึ่งก็ยังคงเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเคยเห็นใบปิดหนัง เห็นแผ่นโชว์การ์ดตามโรงหนังแถวบ้านผม แต่ว่า ไม่มีโอกาสได้ดูเลย..มาถึงวันนี้ ก็ไม่มีข่าวคราวเลยว่า ฟิล์มไปอยู่ที่ไหน วีดีโอก็ไม่มีใครคิดทำไว้..สูญพันธุ์อีกเรื่องแล้วครับ..


          ใช่ครับ หนังไทยเก่าๆ บ้างเรื่อง ผมเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อ ไม่เคยได้ดู ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรเพราะหนังไทยสมัยนั้นมีการสร้างออกมาฉายเยอะมาก อย่างต่ำๆ ปีหนึ่งก็มีออกมาฉายประมาณ 50-100 เรื่องต่อปี นี่ยังไม่รวมถึงหนังต่างประเทศที่โรงหนังซื้อมาฉายอีกนะครับ..หนังบางเรื่องจึงถูกฉายที่โรงชั้นหนึ่งเพียง 3 วัน แล้วก็ออกไปโรงต่างจังหวัดทันที หรือบางเรื่องก็มุ่งตรงไปยังจอหนังกลางแปลง..ไม่มีใครรอดูหนังที่แห่ๆ กันออกมาฉายถี่ๆ แบบนี้หรอกครับ นอกจากว่าจะเป็นหนังเต็งจริงๆ ที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐหรือเดลินิวส์ในกรุงเทพฯ ลงข่าวประโคมไว้ คนถึงรอดู.. แต่ถ้าเป็นหนังฟอร์มเล็กๆ ไม่มีทุนโฆษณา ก็จบกันเลย..

          การพลาดสายตาจากหนังไทยเก่าๆ บางเรื่องจึงเป็นเรื่องธรรมดาครับ.. ตอนนี้ พวกก็เลยต้องมาอาศัยการเรียนรู้ ดูย้อนหลังแทนนะครับ.. แต่เรื่องที่โชคร้ายก็คือ การสูญพันธุ์ไปก่อนของหนังเรื่องนั้นๆ ซึ่งผมประเมินคร่าวๆ แล้ว ทั้งหนัง 16 มม.และ 35 มม. น่าจะสูญพันธุ์ไปประมาณ 2,000 กว่าเรื่องครับ.. นั่นเอง ถึงเป็นที่มาของการตั้งกระทู้เขียนในบทนี้.. เขียนเพื่อให้รู้ว่า ครั้งหนึ่ง หนังแบบนี้ก็เคยมีมาฉายเหมือนกัน.. อย่างหนังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ก็สร้างขึ้นโดยอาศัยกระแสการเต้น ดิสโก้ ที่โด่งดังในยุคที่วงแกรนด์เอ๊กซ์ออกเทปชุด ลูกทุ่งดิสโก้..ก็เลยนำมาพล็อตเรื่องเป็นหนัง..

          ชื่อ ลูกทุ่งดิสโก้ ออกฉายครั้งแรกวันที่ 26 เมษายน 2523 ที่โรงหนังเมโทร-เพชรเอ็มไพร์-สามย่าน.. แต่ว่าไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะคนเก็งว่า จะต้องได้ยินเพลงชุดนี้ แต่ในหนังไม่มีครับ..  สมัยที่ผมเรียนมัธยมปลาย ก็เคยมีโอกาสหิ้วหนังเรื่องนี้ไปฉายเก็บเงินที่โรงหนังจอมพระเธียเตอร์ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ตอนนั้นไปรถปิ๊กอัพกับลูกเจ้าของบริการหนังรวม 3 คน..ก็ไปฉายรอบบ่ายๆ ครับ เก็บเงินก็ไม่มากเพียงคนละ 8-10 บาทเพราะเขาเป็นหนังโรงนะครับ แต่ว่าก็ไม่ค่อยมีคนดูเท่าไร เหลือแบ่งแล้ว ไม่ค่อยได้เงิน ไม่คุ้มค่าน้ำมันครับ.. เถ้าแก่บ่นใหญ่เลยว่า ซื้อหนังตามใจเด็กวัยรุ่นก็ยังเจ๊งอีก ก่อนหน้านี้ก็เจ๊งกับเรื่อง แก้ว ทูน-ลินดา แล้ว ก็มาเจ๊งกับ ลูกทุ่งดิสโก้ อีก ก็เลยปล่อยฟิล์มให้บริการอื่นๆ ต่อไป..วันนี้ ผมดูหนัง ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่วันนี้ ก็อยากตามหาหนังนะครับ แต่ว่าไม่มีข่าวฟิล์มเลย ไม่มีการอัดลงวีดีโอด้วย ก็เลยต้องเป็นหนังสูญพันธุ์ครับ...


          สมัยเด็กๆ มีหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ตั้งชื่อสั้นๆ ว่า "บ้า" ที่ใครๆ ไปดูแล้ว ก็ไม่อยากบอกใครเพราะอายที่ว่า ทำไมต้องไปดูหนังเรื่อง บ้า..กลัวคนเขาจะหาว่า เป็นคนบ้า ก็เลยไปดูหนังเรื่อง บ้า..  หนังเรื่องนี้ผมเห็นครั้งแรกก็ตอนที่ออกมาฉายหนังเป็นหนังกลางแปลงแล้วและคืนนั้น ผมก็ไม่ได้ดูเพราะไปติดดูหนังจออื่นๆ กระทั่งรุ่งเ้ช้า พวกเราเหล่าเด็กๆ ก็มานั่งคุยกันว่า เมื่อคืนนี้ใครไปดูหนังเรื่องอะไรมาบ้าง ต่างคนก็ต่างเล่าในมุมมองของตัวเองตามประสาเด็กๆ มีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อ ไอ้แม็ก มันก็เล่าเรื่อง บ้า ให้พวกเราฟังเพราะมันดันไปดูหนังจอนี้มาเพียงคนเดียว มันบอกว่า ชอบที่เห็นสมบัติเล่นเป็นคนบ้า..

          ผมก็เลยจำตอนนั้นว่า มีหนังไทยชื่อเรื่องนี้ด้วย.. แล้วเหตุการณ์ก็ผ่านไป...หนังเรื่องนี้ก็ถูกปล่อยฟิล์มไปฉายจังหวัดอื่นๆ เรื่อยๆ และหายสาบสูญไปตามกาลเวลา.. เวลามีอะไรที่ต้องพูดถึงเรื่อง บ้า ด้วยแล้ว ก็ทำให้นึกถึงหนังเรื่องนี้ นึกอยากจะดูอีก แต่ก็ไม่มีโอกาสครับ ฟิล์มก็ไร้ร่องรอย วีดีโอก็ไม่มีใครทำไว้.. บ้า ก็เลยต้องเป็นหนังสูญพันธุ์อีกเรื่องครับ.. บ้า ออกฉายครั้งแรกวันที่ 7 กันยายน 2516 ที่โรงหนังแมคเคนนา...


          เรื่องราวของ หนังไทยสูญพันธุ์ นั้น ยังคงต้องว่ากล่าวกันอีกนานครับ..เดี๋ยววันนี้ ผมจะเข้ามาบอกว่า หนังไทยเก่าๆ ที่่นับแต่เริ่มฉายมาตั้งแต่ปี 2500 จนถึงปี 252.. กว่านั้น ปีหนึ่งๆ จะมีหนังออกฉายกี่เรื่อง.. และปัจจุบัน เหลือหนังให้เราดูได้กี่เรื่อง..สูญพันธุ์หรือไม่มีใครทำให้เราดูอีกกี่เรื่อง..นะครับ.. ถามว่า ทำไมต้องพูด ต้องบอก..เหตุผลก็เพราะถ้าลองเรารู้ว่า ปีหนึ่งๆ มีหนังไทยออกมาฉายกี่เรื่อง.. แล้วเหลือให้เห็นอีกกี่เรื่อง..เราที่เป็นคนไทย จะรู้สึกอย่างไรบ้างเท่านั้นเองครับ....

          คือ อย่างนี้นะครับ.. สมัยแรกๆ หนังไทยที่สร้างออกฉายจะเป็นระบบฟิล์ม 35 มม.ซึ่งเป็นระบบที่มีฟิล์มเนกาตีฟ (แต่ว่าฟิล์มเนกาตีฟเหล่านั้นก็แทบไม่มีเหลือแล้ว หมดอายุไปตามกาลเวลา) พอหลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยเราจึงเริ่มสร้างหนังระบบ 16 มม.ซึ่งไม่มีระบบฟิล์มเนกาตีฟ คือ ใช้ฟิล์มที่ถ่ายชุดนั้น ล้างและออกฉายได้เลย ดังนั้น หนังไทยส่วนใหญ่ที่ออกฉายหลังจากหนังเรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย ของคุณแท้ ประกาศวุฒิสาร จึงเป็นหนัง 16 มม.ส่วนใหญ่และมาหมดยุคหนัง 16 มม.ในปี 2515

          ดังนั้น วันนี้ หนังไทยสูญพันธุ์ จึงขอเริ่มข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 นะครับ ซึ่งในปี 2500 นั้นมีหนังไทยออกฉายโรงหนังในกรุงเทพฯ แล้ว ตรวจนับจากโฆษณาที่ตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ได้ประมาณ 60 เรื่อง ดังนี้ ชาติอาชาไนย /หักหลัง /รักริษยา /ดอนทราย /โรงแรมนรก /ก่อนอรุณจะรุ่ง /ทุ่งรวงทอง /ทรชนคนดี /พ่อจ๋า /ปรารถนาแห่งหัวใจ /ประกาศิตศาลเตี้ย/ ขุนโจร 5 นัด /ทุรบุรุษทุย/ เล็บครุฑ /กะล่อนทอง /สาปสวรรค์ /วังบัวบาน /นเรศวรมหาราช /รักจำแลง /7 มุมเมือง /ไพรกว้าง /มังกรทอง /โชคมนุษย์ /จอมไพร /มงกุฎเดี่ยว /มือปืนหน้าหยก /สิงห์ลำพอง /สายโลหิต /ถ่านไฟเก่า /บัวขาว /ตามพิฆาต /นางตะเคียน /เหนือเมฆ /สุรนารี /เปียดื้อ /บุกเดี่ยว /ขวัญใจพระเจ้าเสือ /คอลล์ตราควาย /เงาพิศวาส /จันทร์เจ้าขา/ ไซอิ๋ว /ประดู่ไม่รู้โรย /ไปดาวพระศุกร์ /ผิดถนน /ยอดหญิง /จอมดาบพิชัยสงคราม /บัวบานในแผ่นดินแดง/ ยอดเยาวมาลย์/ ราชายาจก /วายร้ายข้ามแดน /สาวเครือฟ้า /กลิ่นยี่โถแดง /ขวัญใจเจ้าทุย /น้ำตาแม่ /ไฟแค้น /มัสยา /มาลัยสมชาย /วิมานรัก/ ศรีปราชญ์ /ฆาตกรรมเปลือย///////////

          ในจำนวนหนัง 60 เรื่องนั้น เท่าที่ตรวจพบว่า ยังมีหนังหลงเหลือให้เราดูได้จริงๆ คือ มีจำหน่ายตามท้องตลาด หรือมีการนำออกฉายทางโทรทัศน์และมีคนอัดเก็บไว้ หรือมีการตามหากากฟิล์มพบและนำออกเผยแพร่แล้ว ตอนนี้ก็มีอยู่เพียง 3 เรื่องคือ รักริษยา (ดูได้หอภาพยนตร์ฯ) /โรงแรมนรก / ศรีปราชญ์ /// นอกนั้นอีก 57 เรื่องยังไร้ร่องรอยและอาจสูญพันธุ์ไปแล้วครับ... ถ้าถามผมว่า หนังไทยที่ออกฉายในปี 2500 และคาดว่าจะสูญพันธุ์ไปนั้น ถ้าเป็นไปได้ เราอยากเห็น เราดูเรื่องอะไรในลำดับต้นๆ ก่อนบ้าง ขอตอบว่า..

1) ชาติอาชาไนย
2) ทุ่งรวงทอง
3) พ่อจ๋า
4) เล็บครุฑ
5) วังบัวบาน
6) สาวเครือฟ้า..

ครับ อยากดูว่า หนังรุ่นแรกนี้เขาสร้างอย่างไรบ้าง จะต่างกับรุ่นหลังๆ แค่ไหนครับ..


          ผมเขียนถึงหนังไทยเก่าๆ ที่ออกฉายมาในปี 2500 ผ่านไปแล้วครับ ในช่องความเห็นด้านบน.. ว่ามีหนังเรื่องอะไรบ้าง และเหลือเรื่องอะไรบ้าง..เดี๋ยวก็จะพูดถึงหนังไทยที่ออกฉายในปี 2501 ต่อนะครับ แต่ว่า ตอนนี้ ขอคั่นด้วยหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ก่อนนะครับ นั่นคือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง นายอำเภอปฎิวัติ.. เป็นหนังที่ออกฉายครั้งแรกวันที่ 2 มิถุนายน 2522 ที่โรงหนังเอเธนส์-แกรนด์.. ซึ่งหนังเรื่องนี้สมัยที่ผมยังช่วยเขาฉายหนังกลางแปลง ก็เคยได้ฉายหนังเรื่องนี้เหมือนกัน แต่คนดูไม่ค่อยชอบสักเท่าไรครับ.. ก็เรียกว่า จากหนังเต็ง กลายเป็นหนังแถมไปเลยครับ..ผมเองดูแล้ว ก็ไม่ค่อยชอบครับ.. แต่ว่าวันนี้ พอนึกอยากจะดูขึ้นมา ก็พบว่า ไม่มีฟิล์มเหลือแล้ว ไม่มีวีดีโอเทปด้วย กลายเป็นหนังสูญพันธุ์อย่างไม่น่าเชื่อครับ .. นายอำเภอปฏิวัติ...


นายเค:
          หนังไทยสูญพันธุ์ที่จะขึ้นบัญชีในวันนี้ เป็นหนัง 35 มม. พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง ผีสาวฮิสทีเรีย.. ซึ่งออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2518 ที่โรงหนังเพชรเอ็มไพร์.. เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเคยดูจากหนังกลางแปลงเมื่อเป็นเด็กนักเรียน..จำได้แต่ว่า เป็นเรื่องที่ผีสาวออกล่าผู้ชาย.. สมัยนั้น โรคฮิสทีเรีย เขาบอกกันว่า เป็นโรคผู้หญิงบ้าผู้ชาย อยากได้ผู้ชาย.. พอตายเป็นผีก็ยังอยากได้อีกจึงออกอาละวาด..  ตอนเด็กๆ ดูไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับ ก็ต้องการจะดูอีก แต่ว่าไม่มีหนัง ไม่มีฟิล์มให้เห็นแ้ล้วครับ..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง 4 สีทีเด็ด..ฉายครั้งแรกวันที่ 30 สิงหาคม 2517 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง.. ซึ่งผมเคยเขียนถึงมาแล้วครั้งหนึ่ง ลองอ่านดูนะครับ.. ความจริง ตลกกับหนังไทยนั้นมีสายสัมพันธ์กันมาช้านาน หนังแทบทุกเรื่องจะต้องมีตัวตลกแสดงด้วยเสมอ บางทีก็เป็นตลกตามพระ(เอก) ตามนาง(เอก) ซึ่งจะว่าไปแล้ว บทตลกก็เหมือนน้ำจิ้มที่จะช่วยให้หนังมีรสชาติดีขึ้นนั่นเอง ตลกที่จะพูดถึงวันนี้ก็คือ ตลกคณะ 4 สี ซึ่งประกอบด้วย สีหมึก สีเผือก ศรีสุริยา เทพ เทียนชัย ว่ากันตามจริง แต่ละคนไม่ใช่ว่า จะรวมกันมาแต่เริ่มแรก หากแต่ทุกคนมีที่มาที่ต่างกัน แล้วก็ได้มาเจอกันเพราะอาชีพตลก สีหมึกนั้นเก๋ากว่าคนอื่น ๆ ในกลุ่มเพราะอยู่กับวงดนตรีมานาน

          ส่วนสีเผือกนั้นมีชื่อจริงว่า วราภรณ์หรือขรรค์ชัย เวชประสิทธิ์ เกิดที่ภูเก็ต จบ ม.6 จากโรงเรียนนาฏศิลป์ กรุงเทพฯ เคยเป็นครูสอนที่โรงเรียนนาฏศิลป์อยู่ 5 ปี ก็ถูกให้ออกเพราะขาดสอนนานเกินไป สีเผือกก็เลยหันมายึดอาชีพโฆษกอยู่กับวงดนตรีฟ้าบางกอกโดยการชักนำของสีหมึก จากนั้นสีเผือกก็ไปอยู่อีกหลายวงเช่น วงสุรพล สมบัติเจริญ วงไวพจน์ เพชรสุพรรณ วงศรีนวล สมบัติเจริญ

          ส่วน ศรีสุริยา นั้นมีชื่อจริงว่า สมพงษ์ โพธิสัตว์ เกิดที่กรุงเทพฯ เป็นลูกราชาจำอวดเก่าชื่อ จำเนียร โพธิสัตว์ มีเลือดศิลปิน ก็เลยได้เรียนเพียงแค่ชั้น ม. 4 ที่โรงเรียนวัดมกุฏฯ จากนั้นก็ออกมาตั้งวงดนตรีกับเพื่อน ๆ โดยทำหน้าที่มือกลองให้กับวงดนตรีพัวบอยอยู่หลายปี ต่อมาศรีสุริยาก็ได้มาอยู่กับวงดนตรีฟ้าบางกอก จึงได้เจอกับสีเผือกและสีหมึก

          ส่วนคนสุดท้ายคือ เทพ เทียนชัย นั้นมีชื่อจริงว่า ธนู เสี่ยงเทียนชัย เป็นคนกรุงเทพฯ ย่านฝั่งธนบุรี เรียนจบแค่ชั้น ป.4 เริ่มชีวิตการแสดงด้วยการเป็นนักกายกรรมกระโดดลอดบ่วงไฟ ตระเวนเล่นตามงานต่าง ๆ ไปทั่ว ต่อมาเทพก็ได้มาอยู่กับวงดนตรีพรเกษม จึงได้รับการสอนเทคนิคการเล่นตลกต่าง ๆ จากนายทวน สีแดง ดาวตลกเก่า จากนั้นก็ออกไปอยู่กับวงดนตรีอีกหลายวงเช่น ผ่องศรี วรนุช ก้าน แก้วสุพรรณ (มีต่ออีกครับ...)


          แรก ๆ แต่ละคนก็ต่างเดิน ต่างทำมากินกันไป จะมีบ้างก็ตรงที่ สีเผือก-ศรีสุริยา ที่ชอบจับคู่เล่นตลกกัน กระทั่งรวมเงินกันได้ก็เลยคิดจะสร้างหนังสักเรื่องหนึ่ง ตลกสร้างทั้งทีก็เลยเน้นไปที่ความฮาเป็นหลัก ดูแค่ทีมตลกที่มีทั้งทีม 4 สี แล้วยังมีทีมของล้อต๊อก-ชูศรีร่วมด้วย ก็เรียกว่า รับประกันความฮาแน่ ๆ ส่วนพระเอก-นางเอกของเรื่องวางไว้ที่ ยอดชาย เมฆสุวรรณ กับภาวนา ชนะจิต ตามกระแสในยุคนั้น แต่บทก็จะไปตกที่เหล่าตลกทั้งหลาย หนังตั้งชื่อว่า 4 สีทีเด็ด สร้างเสร็จก็ออกฉายวันที่ 30 สิงหาคม 2517 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง ปรากฏว่า คนดูชอบกันมาก เรียกว่า ทำเงินเลยครับ ส่วนผมเองก็ได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนที่อยู่ต่างจังหวัด ก็เห็นคนดูเขาขำกันขี้แตกขี้แตนหมด...

          เสียดายที่ทุกวันนี้ ยังหาหนังเรื่องนี้ดูซ้ำอีกไม่ได้แล้ว.. ผมจำฉากหนึ่งได้ขึ้นใจเลยก็คือ ฉากที่มีการแข่งกีฬาที่สนามศุภฯ มีการพุ่งหลาว หลังจากที่เล็งแล้วเล็งอีก ก็ออกแรงพุ่งหลาวไปเต็มที่.... หลาวลอยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ลอยไปลิบๆ ขณะที่คนดูกำลังคิดว่า หลาวจะไปตกที่ไหนหนอ ภาพก็ตัดฉับเห็นหลาวไปปักอกนางรำที่กำลังรำแก้บนที่ศาลพระพรหม... คนดูเห็นฉากนี้ ก็หัวเราะกันลั่นเลยครับ... ทีมตลก 4 สีทีเด็ดจึงมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากหนังเรื่องนี้เอง แต่ขณะที่ชีวิตการแสดงหนังกำลังรุ่งโรจน์ ส่วนงานแสดงตลกก็มีงานชุก.. ก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์กับทีมสี 4 ทำให้ศรีสุริยาตายคาที่ ส่วนสีเผือกขาหักและอีกหลายปีต่อมาก็เสียชีวิต อุบัติเหตุครั้งนั้นจึงเป็นการปิดตำนานตลก 4 สีไปโดยปริยาย


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในค่ำคืนนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง นางร้อยชื่อ ออกฉายครั้งแรกวันที่ 15 มีนาคม 2517 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง.. ซึ่งหายเงียบไปนาน นานจนเราจะลืมชื่อหนังไปแล้ว แต่เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมก็เผอิญไปเจอกากฟิล์มเหลืออยู่ชุดหนึ่ง แต่ก็น่าเสียใจที่ว่า ฟิล์มที่เขาฉายแล้ว อุตส่าห์เก็บไว้ที่เป็นฟิล์ม 35 มม. ทั้งหมดของเจ้านี้ เสียหายหมดเลยครับ เราก็เลยไม่มีโอกาสจะได้ดูหนังเรื่องนี้อีก วีดีโอเทปก็ยังไม่มีใครทำไว้ด้วย นี่แหละครับ หนังไทยสูญพันธุ์ของค่ำคืนนี้..


เรื่องย่อหนังไทยในอดีต นางร้อยชื่อ (2517)
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.321270577962582.74095.306170839472556&type=1


          หนังบางเรื่องก็ไ่ม่เหลือะไรเลย บางเรื่องก็เหลือแต่ใบปิดโปสเตอร์ ถ้าโชคดีหน่อยก็เหลือเรื่องย่ออย่างที่ คุณ Suphachai Kampeera มาลิงค์มาให้ดูครับ หรือถ้าโชคดีมากขึ้นอีกหน่อยก็คือ เหลือเพลงเอกจากหนังซึ่งตอนนี้น้องเจ ธนภัทรหรือเมืองไทย ภัทรถาวงศ์ ก็พยายามตามรวบรวมเพลงจากหนังไทยเก่าๆ ไว้เรื่อยๆ แล้วครับ เห็นว่า ได้มาเรื่อยๆ ครับ..ผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ทำเพื่อหนังไทยเก่าๆ ทำไปโดยไม่มุ่งหวังเรื่องกำไร หวังแต่เพียงให้เรื่องราวของหนังไทยเก่าๆได้คงอยู่ตลอดไปนะครับ..

          สำหรับหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง โตเมืองใต้ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2520 ที่โรงหนังเอ็มไพร์ ในช่วงที่หนังบู๊ไทยๆ กำลังได้รับความนิยม..สมัยที่ผมฉายหนังกลางแปลงอยู่นั้น โตเมืองใต้ ในบริการหนังเขาเอาไว้เป็นหนังแถม.. ครับ ที่ว่า แถม นั้น หมายถึง ฉายมาบ่อยๆ แล้ว ก็เลยต้องฉายเป็นหนังแถมประมาณเรื่องที่ 4-5 นะครับ..หนังก็พอดูได้บู๊สนุกดีครับ น่าเสียดายที่วันนี้อยากจะรำลึกถึงความหลัง แต่หนังก็ไม่มีแล้วครับ วีดีโอก็ไม่มีใครทำไว้ด้วย..สูญพันธุ์แล้วครับ...


          สวัสดีครับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง โก๋บ้านนอก กี๋บางกอก ซึ่งออกฉายครั้งแรกวันที่ 16 กันยายน 2521 ที่โรงหนังเพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์..  จุดขายหลักๆ ของหนังก็คือ ได้เห็นตัวเป็นๆ ของ สุรชัย สมบัติเจริญ ซึ่งปีนั้นกำลังถูกปั้นให้มาเป็นนักร้องลูกทุ่ง แต่ว่าถูกดึงตัวมาเล่นหนังไว้ก่อน.. ต่อมาก็คือ การนำนางเอกวัยรุ่นที่กำลังโด่งดังจากเรื่อง วัยอลวน-รักอุตลุด คือ ลลนา สุลาวัลย์ มาร่วมแสดงด้วย.. แม้ว่าหน้าหนังจะดูขายได้ แต่ทำไมเวลาออกฉายถึงไม่ค่อยได้สตางค์ก็ไม่รู้.. สำหรับผมเองนั้นมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องจากหนังกลางแปลงครับ..จำได้ว่า ตอนนั้นเป็นช่วงกลางเืดือนพฤศจิกายน..ที่จังหวัดสุรินทร์มีการจัดงานช้างสุรินทร์ มีงานออกร้านที่สนามโรงเรียนสุรวิทยาคาร..

          ผมกับเพื่อนๆ ก็เป็นขาประจำทุกๆ คืน ก็จะเดินตามถนนหลักเมืองเพื่อไปดูงานช้างสุรินทร์..พอเดินผ่านสถานีตำรวจภูธรสุรินทร์ไปนิดหน่อย ด้านซ้าย-ด้านขวาจะมีวัดอยู่ 2 วัดเยื้องกัน..ผมไม่แน่ใจว่า จะเป็นวัดจำปา หรือวัดศาลาลอย แต่ว่า ถ้าเดินไปจากสถานีตำรวจสุรินทร์ วัดนี้จะอยู่ด้านขวามือ ใกล้ซุ้มประตูวัดจะเป็นบ้านของเครื่องดื่ม ยาคูล.. ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนมีหนังกลางแปลงในวัดนั้น ก็เลยแวะเข้าไปดู ก็เห็นจอหนังกลางแปลงจริงๆ ก็เลยดูหนังก่อนเพราะหนังที่ฉายนั้นคือเรื่อง โก๋บ้านนอก กี๋บางกอก..พอดูหนังจบก็เดินทะลุไปทางตลาดน้อย..แล้วก็ไปดูงานช้างต่อครับ..แหละนั่นก็คือ การได้ดูหนังเรื่องนี้เพียงครั้งเดียว..จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไร..ถึงยุควีดีโอก็ไม่มีใครทำวีดีโอไว้อีก..ตอนนี้ ฟิล์มก็ไม่มีเหลือแล้ว..วันนี้ ต้องบอกว่า หนังสูญพันธุ์ไปแล้วครับ...


          สวัสดีครับทุกท่าน หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ ในวันนี้เป็นหนัง 35 มม. พากย์เสียงในฟิล์มที่ออกฉายครั้งแรกวันที่ 6 ตุลาคม 2515 ที่โรงหนังเฉลิมเขตร์ ชื่อเรื่อง แสนทนง..  หนังอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเกือบจะลืมชื่อไปแล้ว.. พอได้เห็นโปสเตอร์ใบนี้ก็คิดออกว่า เคยเห็นโปสเตอร์นี้ที่บริการหนังแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ตอนยังเป็นเด็กนักเรียน ชอบไปรอเก็บเศษฟิล์มมาฉายสไลด์ดูกันในหมู่เพื่อนๆ ก็คุ้นๆ กับใบปิดเหล่านี้เพราะจะยืนดูและจำเอาไว้ว่า เมื่อไหร่เขาจะนำมาฉายให้ดู หมายถึงว่า รอดูฟรีๆ จากหนังกลางแปลงนะครับ ถ้าไม่มีงานบุญงานศพ ก็จะไม่ได้ดูดู.. ชื่อ แสนทนง นี้ ผมเคยลอกรายชื่อไปเขียนทำแผ่นสไลด์ฉายด้วยครับ สมัยนั้น ผมชอบฟ้อนท์การเขียนแบบนี้มากๆ ดูแล้วเท่ห์ดีครับ..พอเห็นโปสเตอร์หนัง ก็นึกอยากจะดูหนังอีก แต่ก็ไม่มีวี่แววเรื่องฟิล์มเลยครับ.. วีดีโอเทปก็ไม่มีใครทำไว้ด้วย หนังก็เลยต้องสูญพันธุ์ครับ..


          สวัสดีครับ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง รักพี่ต้องหนีพ่อ นำแสดงโดย กรุง-มยุรา.. ออกฉายครั้งแรกวันที่ 13 มกราคม 2522 ที่โรงหนังพาราไดซ์-แอมบาสเดอร์..  ซึ่งผมเคยได้ดูจากหนังกลางแปลงเมื่อสมัยที่ยังเรียนมัธยม.. สิ่งที่ทำให้จำหนังเรื่องนี้ได้ติดหูติดตาก็คือ ในหนังจะมีฉากหนึ่งที่ กรุง ศรีวิไล ใส่เสื้อยืดสีขาว ไปยืนร้องเพลงจีบนางเอกในตอนกลางคืน เพลงที่ร้องก็คือ รักพี่ต้องหนีพ่อ ที่เป็นเสียงร้องของ ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย.. จากนั้นพอทั้งสองหนีพ่อไปแล้ว ก็มีฉากหนึ่งที่ต้องไปซื้อรถเก๋ง กรุง ก็จะเทเงินออกจากถุงทะเลเป็นกองๆ จ่ายเงินค่ารถเก๋ง..  หนังดูสนุกครับ แต่ว่าตอนนี้ ไม่มีฟิล์ม ไม่มีวีดีโอเทปด้วยครับ ใจอยากจะดูอย่างไร ก็หาดูไม่ได้แล้วครับ..


เรื่องย่อหนังไทยในอดีต รักพี่ต้องหนีพ่อ (2522)
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.400662163356756.94447.306170839472556&type=3

          วันนี้ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 16 มม.พากย์สดๆ เรื่อง ทะโมนไพร นำแสดงโดย ครรชิต-เพชรา ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2514 ที่โรงหนังคาเธ่ย์..  ซึ่งตอนเด็กๆ ผมเคยเห็นใบปิดโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ปิดไว้ที่บริการรับฉายหนังกลางแปลง.. แต่ไม่มีโอกาสได้ดูเลยครับ วันเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ หนังเรื่องนี้ก็สูญพันธุ์ไปแล้วครับ น่าเสียดายครับ..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ธนูสวาท ของ ไชยา สุริยัน.. ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2516 ที่โรงหนังเฉลิมเขตร์.. ซึ่งบัดนี้ ไม่มีฟิล์มเหลือแล้วครับ..


          ใช่ครัับ งิ้วราย ก็เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งของ ไชยา สุริยัน ที่สูญพันธุ์ไปแล้วครับ.. ผมเองเคยดูเพียงครั้งเดียวตอนเป็นเด็กๆ แต่ก็จำอะไรไม่ได้แล้ว..


          สวัสดีครับทุกท่าน หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง แม่ยาย นำแสดงโดย ไพโรจน์ ใจสิงห์-สุคนธ์ทิพย์ เสนะวงศ์.. ฉายครั้งแรกวันที่ 5 ธันวาคม 2515 ที่โรงหนังเพชรรามา..  สมัยนั้นเรียกว่า หน้าหนังไม่ค่อยหน้าสนใจเท่าไหร่.. ออกฉายไปก็เงียบหายไปเลย ผมเคยเห็นบริการหนังกลางแปลงแถวบ้านผมเขาฉายเหมือนกัน แต่เพราะเป็นหนังไม่บู๊ ก็เลยไม่ค่อยมีคนดู.. สุดท้ายเคยไปเจอกากฟิล์มเสียหายแล้วอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด..สรุปว่า วันนีั้ไม่มีอะไรเหลือมาให้ดูแล้วครับ.. สูญพันธุ์อีกเรื่องหนึ่ง..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง อสูรสวาท นำแสดงโดย สมบัติ-ปิยะมาศ...ฉายครั้งแรกวันที่ 12 มีนาคม 2519 ที่โรงหนังแอมบาสเดอร์.. ซึ่งปัจจุบัน ไม่มีฟิล์ม ไม่มีวีดีโอเทป ก็เรียกว่า หนังหายเงียบไปเลยครับ..


          สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ก็ืคือ หนัง 35 มม.เรื่อง สายชล นำแสดงโดย ไพโรจน์-สุทิศา.. ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2516 ที่โรงหนังแมคเคนน่า.. ตอนนี้ ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโออะไรเหลือแล้วครับ..เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่คุณไพโรจน์ ใจสิงห์ เคยถามหา..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง นักเลงบ้านนอก ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2522 ที่โรงหนังเพชรเอ็มไพร์-เจ้าพระยา ซึ่งผมเคยได้ดูจากหนังกลางแปลงในซอยข้างบ้าน.. ชอบเพลงไตเติ้ลที่ร้องว่า.. นักเลงบ้านนอก ไม่ใช่กระจอกเมืองกรุง.... วันนี้ นึกอยากจะดูอีก แต่จนปัญญาครับ หาหนัง หาเทปไม่ได้เลยครับ..


          นักเลงบ้านนอก ที่ออกฉายในปี 2522 ที่สูญพันธุ์ไปแล้วนั้น มีการออกใบปิดโปสเตอร์หนังอยู่ 2 แบบ ซึ่งก็เป็นจุดขายอย่างหนึ่งของผู้สร้างเพราะสายหนังที่มาซื้อ ก็จะเลือกว่า จะใช้ใบปิดแบบไหนไปโฆษณาฉายนะครับ...


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ผู้กองยอดรัก นำแสดงโดย สมบัติ-สุภัค ลิขิตกุล ออกฉายครั้งแรกวันที่ 23 มีนาคม 2516 ที่โรงหนังโคลีเซี่ยม.. ซึ่งขณะนี้ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอครับ.. สมัยเด็กๆ ผมเองได้ดูเพียงครั้งเดียวจากหนังกลางแปลง.. ตอนนั้นรู้แต่ว่า สุภัคเป็นนางเอกที่ตัวสูงมากๆ พอเล่นเป็น ผีแม่นาค ก็เลยได้ฉายาว่า แม่นาคก้านยาว...


          ใช่ครับ ผมเองก็เสียดายหนังไทยเก่าๆ ที่พวกเราจะไม่มีโอกาสได้ดูกันอีกแล้วเพราะไม่มีฟิล์มหนังเหลืออยู่ และตอนที่ยังมีกากฟิล์มเหลืออยู่บ้าง ก็ไม่มีใครคิดที่จะยอมให้นำกากฟิล์มเหล่านั้นมาแปลงสัญญาณอัดลงม้วนวีดีโอไว้ก่อน.. มารู้ตัวอีกทีตอนนี้ก็สายเกินไปแล้วครับเพราะฟิล์มหนังเหล่านั้น ก็หมดอายุไปแล้ว..  น่าเสียดายมากที่ยังมีคนที่จิตใจคับแคบแบบนั้น.. นี่ ถ้าเกิดกระแสหนังไทยเก่าๆ กลับมามีมากมายกว่านี้อีก ลูกหลานคงก่นด่าผู้หลักผู้ใหญ่รุ่นเก่าๆ กันจมหูเลยครับว่า มัวทำอะไรอยู่ ถึงปล่อยให้มรดกหนังไทยเหล่านั้นสูญพันธุ์ไปแบบนี้.. ว่าแล้ว ก็รายงานหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปกันเลยนะครับ ก็ยังเป็น หนัง 35 มม. พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ ออกฉายครั้งแรกวันที่ 26 มิถุนายน 2519 ที่โรงหนังแมคเคนนา-เพชรเอ็มไพร์.. เป็นหนังแนวตลกที่เขาบอกว่า คนอาชีพเหล่านั้นเป็นคนเจ้าชู้ คบไม่ได้ ผมเคยดูจากหนังขายยาตอนเด็กๆ เพียงครั้งเดียวครับ ชอบที่หนังตลกๆ ครับ แตว่าปัจจุบันไม่มีแล้วครับ.. สูญพันธุ์อีกเรื่องหนึ่ง..


          ช่วงที่ผมไดู้ดูหนังเรื่อง รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ..  ตามภาพข้างบนนั้น ก็มีหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ฉายพร้อมกันคืนนั้น นั่นคือ ตามล่า อตล. หรือตามล่าไอ้ตอแหล ซึ่งก็เป็นหนังตลกพอๆ กัน ดูแล้วสนุกเหมือน.. แต่มาถึงวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่า หนังเหล่านี้หาดูไม่ได้แล้ว.. ทั้งๆ ที่เป็นหนังระบบ 35 มม.  ที่ต้องมีฟิล์มต้นฉบับหรือเนกาตีฟ แต่ก็น่าเสียดายที่ฟิล์มเนกาตีฟเสียหายไปหมด.. กากฟิล์มที่เหลือฉายมาจากปี 2519 นั้น ถ้าหากค้นพบวันนี้ ก็คงยากแล้วที่จะฉายได้.. เสียดายครับ..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ในวันนี้คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ผู้ชายขายตัว ออกฉายครั้งแรกวันที่ 12 ตุลาคม 2517 ที่โรงหนังเพชรเอ็มไพร์-เมืองทอง..  สมัยก่อน มีแต่ผู้หญิงขายตัว แต่หนังเรื่องนี้ก็ออกมาบอกว่า ผู้ชายก็ขายตัว ได้เหมือนกัน ผมได้ดูตอนเป็นเด็กๆ พร้อมหนังเรื่อง วิวาห์เงินผ่อน ครับ น่าเสียดายที่หนังทั้งสองเรื่องนี้ไม่อยู่ให้เราได้เห็นอีกเลย...


          ครับ..มาถึงหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปนะครับ เป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง ศศิมาบ้าเลือด ออกฉายครั้งแรกวันที่ 11 มีนาคม 2521 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง-พระโขนงรามา.. ซึ่งปัจจุบันไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปวีดีโอเลยครับ..


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไปก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ผู้ดีเถื่อน นำแสดงโดย ไพโรจน์ ใจสิงห์-อรัญญา นามวงษ์..ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2517 ที่โรงหนังแกรนด์.. ซึ่งปัจจุบัน ไม่มีฟิล์ม ไม่มีวีดีโอเลยครับ ก็เลยต้องการกลายเป็นหนังสูญพันธุ์อีก 1 ใน 2 พันกว่าเรื่อง..


          สวัสดีครับ วันนี้ หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป ก็คือ หนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด นำแสดงโดย กรุง-พิศมัย.. ออกฉายครั้งแรกวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2521 ที่โรงหนังแกรนด์-เพชรพิมาน 75.. ซึ่งสมัยนั้น หน้าหนัง ชื่อหนังเร้าใจ น่าสนใจมากๆ ต่อมาชื่อหนังเรื่องนี้ก็นิยมใช้พูดกันแพร่หลายมากขึ้น คล้ายๆ กับ คำแสลงที่ฮิตกันเป็นพักๆ ในยุคนั้นครับ.. เสียดายแต่ว่า หนังไทยเรื่องนี้ไม่มีฟิล์ม ไม่มีวีดีโอเลยครับ...


          สวัสดีครับ วันนี้ัหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ ก็เป็นหนัง 35 มม.เรื่อง ภัยมืด นำแสดงโดย กรุง-อรัญญา. ออกฉายครั้งแรกวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2519 ที่โรงหนังคิงส์..  สมัยนั้นเรียกว่าเป็นหนังเตือนภัยผู้หญิง.. แต่ว่ากระแสดูเงียบๆ ครับ ตอนนี้ไม่มีฟิล์ม ไม่มีม้วนวีดีโอครับ ก็เลยเป็นหนังสูญพันธุ์ไปอีกเรื่องครับ..


          สำหรับหนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์เรื่องต่อไป เป็นหนัง 35 มม. พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก นำแสดงโดย สมบัติ-อรัญญา หนังสร้างจากเพลงดังในยุคนั้น ออกฉายครั้งแรกวันที่ 2 มีนาคม 2522 ที่โรงหนังเพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์..  แต่ว่าปัจจุบันไม่มีอะไรเหลือแล้วครับ สูญพันธุ์อีกเรื่องแล้วครับ


          หนังไทยที่จะขึ้นบัญชีสูญพันธุ์นั้นยังมีเป็นพันๆ เรื่องนะครับ ก็ต้องบอกกล่าวไปเรื่อยๆ นี่ถ้าไม่มีระบบเทปวีดีโอหรือวีซีดี ดีวีดีเข้ามา หนังไทยก็คงจะสูญพันธุ์ไปมากกว่านี้นะครับ.. สำหรับวันนี้ จะเป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง ไอ้สากเหล็ก ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2520 นำแสดงโดย กรุง-เนาวรัตน์.. ที่โรงหนังแอมบาสเดอร์.. ก็เป็นหนังบู๊ๆ แต่จุดขายอยู่ที่ สาก ซึ่งข้างในเป็น ปืน.. เล่นเอาเด็กๆ อย่างผมตอนนั้นทึ่งมากๆ ครับ น่าเสียดายที่วันนี้ไม่เหลืออะไรไว้ให้เราดูเลย ฟิล์มก็ไม่มี วีดีโอรุ่นนั้นก็ไม่ได้ทำไว้ด้วย ก็เลยต้องกลายเป็นหนังสูญพันธุ์ครับ...


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version