(http://image.ohozaa.com/i/a60/VroAFl.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/x6WsHKINpUECaIdE)
บทที่ 421
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
โครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ เรื่อง
นางฟ้าชาตรี (2515 ไชยา-พิศมัย)
โดย มนัส กิ่งจันทร์...
(facebook 27 กันยายน 2556)
สวัสดีครับทุกท่าน นับแต่มีหนังไทยออกฉาย เริ่มจากปี พ.ศ.2466 หรือพ.ศ.2470 จนถึงปัจจุบันนั้น ก็ยังไม่เคยมีใครนับตัวเลขว่า มีจำนวนกี่เรื่อง..ส่วนผมนั้นได้ลองทำข้อมูลประวัติหนังไทยช่วงก่อนปี พ.ศ.2500 ถึงพ.ศ. 2548 พบว่า มีหนังไทยออกฉายมามากกว่า 4,000 เรื่องแล้ว (ถ้านับถึงปี 2556 อาจมีถึง 6,000 เรื่องก็ได้) แต่เรื่องปริมาณหนังที่ออกฉายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะพูดถึง หากแต่จะพูดถึงหนังไทยที่สูญพันธุ์ไปมากกว่าเพราะจากการทำข้อมูลเบื้องต้นก็พบแล้วว่า อย่างน้อยๆ ก็มีหนังไทยมากกว่า 2,000 เรื่องที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ดังนั้น เพื่อไม่ให้หนังไทยเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่คนไทยลืม..หรือจะไม่มีใครพูดถึงอีก..
ผมจึงจัดทำโครงการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ โดยมีหลักเกณฑ์พิจารณาไว้ ดังนี้
1) เคยเป็นหนังไทยที่ออกฉายสู่สาธารณชนในโรงภาพยนตร์มาก่อนและ
2) ณ ปัจจุบันไม่มีฟิล์มแล้ว หรือมีฟิล์ม แต่ไม่เคยมีการนำออกฉายเผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือไม่เคยผลิตเป็นวีดีโอ วีซีดี ดีวีดีหรือวัสดุอื่นใดที่สามารถฉายให้ชมได้อย่างภาพยนตร์
เมื่อเข้าเกณฑ์ดังกล่าว ก็นับว่าเป็น หนังไทยที่สูญพันธุ์ ไปแล้ว ซึ่งผมจะเขียนขึ้นบัญชีทุกๆ วันคู่ไปการนำเสนอโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ แต่หากการขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ ครั้งนี้ ไปกระทบต่อสิทธิการถือครองภาพยนตร์ของผู้ใด กรุณาแจ้งให้ผมทราบเพื่อจะได้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องต่อไปนะครับ
สำหรับภาพยนตร์ที่จะขึ้นบัญชีหนังไทยสูญพันธุ์ในวันนี้ ก็คือ เรื่อง นางฟ้าชาตรี..หนัง 35 มม. พากย์เสียงในฟิล์ม นำแสดงโดย ไชยา-พิศมัย-นงลักษณ์-กฤษณะ-ฑัต-พนม-ไกร-เตือนใจ-สมศรี-สังข์ทอง-สรวง..สร้างโดย ภาพยนตร์สหะนาวีไทย โดย สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ เป็นผู้อำนวยการสร้างและกำกับการแสดง ฉายครั้งแรกวันที่ 29 มิถุนายน 2515 ที่โรงหนังเพชรรามา.. หนังเรื่องนี้ตอนที่ถ่ายทำใหม่ๆ ในปี 2513 นั้น จะมี มิตร ชัยบัญชา แสดงเป็นพระเอก.. แต่ว่าระหว่างถ่ายทำนั้น มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิตกะทันหัน ผู้สร้างจึงต้องให้ ไชยา สุริยัน แสดงเป็นพระเอกแทน..ภาพโดยรวม..หนังได้รับความนิยมเพราะชื่อของ สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ ประกันคุณภาพอยู่แล้ว
เมื่อเป็นหนังที่โด่งดังมากๆ ก็เลยกลายเป็นที่หมายปองของคนรักหนังที่อยากจะเห็นอีก สมัยที่ คุณโต๊ะ พันธมิตร ยังทำหนังไทยเก่าๆ ออกจำหน่าย ก็เคยคิดจะทำเรื่องนี้ แต่ก็มีข่าวว่า ฟิล์มเนกาตีฟหรือต้นฉบับ ไม่มีแล้วครับและเพราะความอยากดูมากๆ เวลาผมไปหากากฟิล์มตามต่างจังหวัด ก็พยายามตามหากากฟิล์มหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย.. เหลืออีกทางเดียวคือ ต้องหาม้วนวีดีโอเทปที่ออกจำหน่ายหรืออัดจากสถานีโทรทัศน์ แต่เท่าที่หา ๆ มา ก็ยังไม่เคยมีใครเห็นวีดีโอเทปหนังเรื่องนี้เลย จึงเป็นอันสรุปได้แล้วว่า ณ วันนี้ หนังเรื่อง นางฟ้าชาตรี เป็นหนังไทยที่ต้องขึ้นบัญชีสูญพันธุ์ แล้วครับ..
(http://image.ohozaa.com/i/220/JxXUSU.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/x6WsQCbQvCh8OEfd)
.............
ถ้าเป็นหนังรุ่น 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มของ สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ ก็แทบจะไม่มีฟิล์มเนกาตีฟเหลืออยู่แล้ว ฟิล์มเสียหายหมด บางเรื่องที่เราเห็นๆ ก็ได้มาจากกากฟิล์ม 16 มม.สโคปที่แม้อายุฟิล์มจะเริ่มนับพร้อมๆ กับฟิล์ม 35 มม. แต่เพราะฟิล์ม 16 มม.สโคปมีขนาดเล็กกว่าฟิล์ม 35 มม. เครื่องฉายหนังก็เดินเบาๆ และเงียบกว่าด้วย จึงทำให้ฟิล์ม 16 มม.สโคปที่เหลืออยู่ ยังฉายได้ พวกเราจึงได้ดูหนังครับเช่นเรื่อง ประกาศิตจางซูเหลียง-เก้ายอด-ตะบันไฟตะไลเพลิง.. นี่ ถ้าสมัยนั้น ไม่มีการนำฟิล์มไปพิมพ์เป็นฟิล์ม 16 มม. สโคปเพื่อส่งฉายต่างจังหวัดไว้ด้วย หนังไทยเหล่านั้นก็คงสูญพันธุ์ไปหมดแล้วเช่นกัน..ครับ
มันเป็นเรื่องของค่านิยม.. หนัง 16 มม.ถูกมองว่า เป็นยุคของการถอยหลังเข้าคลองของหนังไทย..เพราะยุคแรกๆ ที่มีหนังเข้ามาฉายในเมืองไทยนั้น จะเป็นฟิล์ม 35 มม. ก็ฉายกันมาตั้งแต่ปี 2470.. จนมาถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำให้ขาดแคลนฟิล์ม 35 มม. จึงเริ่มมีผู้สร้างบางคนลองนำฟิล์ม 16 มม.ซึ่งเป็นของถ่ายกันเล่นๆ ในบ้าน มาถ่ายหนังและนำออกฉายโรง ปรากฏว่า หนังเรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย ของคุณแท้ ประกาศวุฒิสาร ได้รับความนิยม ได้เงินมาก จนมีคำกล่าวว่า จะฟิล์มเล็ก ฟิล์มใหญ่ไม่สำคัญ ขอฉายขึ้นจอหนังได้เหมือนกันเท่านั้นก็พอแล้ว..
เริ่มจากหนังเรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย คือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่อยมาจนถึงปี 2515 เรียกว่าเป็นยุคของหนัง 16 มม.ยิ่งมีดาราแม่เหล็กอย่าง มิตร-เพชรา แสดงด้วย ก็ยิ่งทำให้หนัง 16 มม.ยิ่งโด่งดังมากขึ้นจนมีคนบางคนบอกว่า เพราะมิตร ชัยบัญชา เล่นหนัง 16 มม. เยอะๆ นี่เอง ทำให้วงการหนังไทยไม่พัฒนา กระทั้งมิตรเสียชีวิตไป หนัง 16 มม.จึงค่อยๆ หมดลงไปและกลับไปเป็นระบบ 35 มม.อีกครั้ง... ซึ่งในความรู้สึกของผมนั้น ผมเคยดูทั้งหนัง 16 มม. ในโรงใหญ่และหนัง 35 มม. ในโรงใหญ่ ก็ไม่เห็นจะต้องคิดอะไรมากเพราะคุณค่าของหนังไทยอยู่ที่ภาพที่โลดแล่นบนจอ มิใช่อยู่วัตถุดิบอย่างฟิล์มหนัง..คนดูเขาชอบดูหนังครับ ไม่ใช่ดูฟิล์มหนัง ฉะนั้น ถ้าเป็นหนังหรือดาราที่เขาชอบแล้ว จะมาด้วยฟิล์มอะไร เขาก็ดูครับ ผมถึงว่าเป็นเรื่องของค่านิยม..ถ้าจำได้ ตอนที่เปลี่ยนยุคจากเตาถ่าน มาใช้เตาแก๊สนั้น ก็มีคนรุ่นเก่าๆ บางคนที่ไม่ยอมกินกับข้าวที่ทำจากเตาแก๊สก็มี จะกินแต่กับข้าวจากเตาถ่าน...
ช่วงนั้น หนังของคุณสุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ จะสร้างในระบบ 35 มม.แล้วนะครับ..