กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
21

• ชื่อไทย : เฟอร์รารี
• ปีที่เปิดตัว : 2567
• นำแสดง : Adam Driver, Penelope Cruz, Gabriel Noto
• กำกับโดย : Michael Mann
• เขียนโดย : Troy Kennedy Martin, Brock Yates
• ประเภท : Biography / Drama / History / Sport
• ความยาว : 130 นาที
• เรต : R
• สร้างโดย : USA / UK / Saudi Arabia
• จำหน่ายโดย : GDH 559 Co., Ltd (บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด)


เรื่องย่อ Ferrari สปีดทวงบัลลังก์

           เรื่องราวของ เอ็นโซ เฟอร์รารี (อดัม ไดเวอร์) ตำนานแห่งวงการฟอร์มูล่าวัน อดีตนักแข่งที่ผันตัวมาเป็นผู้ผลิตที่กำลังเผชิญวิกฤตชีวิต เมื่อบริษัทที่เขาและภรรยา ลอรา (เพเนโลเป ครูซ) ปั้นมากับมือเมื่อ 10 ปีก่อนกำลังจะล้มละลาย ในขณะที่ชีวิตคู่ก็สั่นคลอนหลังจากเสีย ดิโน (กาเบรียล โนโต) ลูกชายไป แต่ด้วยแพสชันอันแรงกล้าในการแข่งรถ เขาจึงขอท้าทายขีดจำกัดด้วยการตัดสินใจพาทีมเฟอร์รารีลงแข่งขันรายการแข่งรถที่ทรหดที่สุดในประวัติศาสตร์ มิลเล มิเลีย ที่กินระยะทางกว่า 1,000 ไมล์ทั่วอิตาลีและเส้นชัยครั้งนี้จะเป็นความหวังสุดท้ายตัดสินอนาคตทั้งชีวิตของอาณาจักรเฟอร์รารี

เจาะประวัติ "Ferrari" ม้าลำพองจากอิตาลี สัญลักษณ์แห่งชัยชนะของมอเตอร์สปอร์ต


           หากจะพูดถึงรถยนต์ในวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่าง F1 หรือรายการแข่งขันชื่อดังระดับโลกรายการต่าง ๆ ชื่อของ Ferrari มักจะผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ หรือในบรรดารถซูเปอร์คาร์กับสีแดงสด ก็ต้องมีแบรนด์ม้าลำพองติดอยู่ในลิสต์แน่นอน ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและประสิทธิภาพของรถอันเกรี้ยวกราดทำให้ Ferrari มีชื่อเสียงทั่วโลก ทุกคนในวงการรถต่างให้การยอมรับว่ามันคือแบรนด์รถยนต์ที่ทรงคุณค่าของโลก

           เป็นปกติที่การจะไปอยู่จุดสูงสุดของวงการมอเตอร์สปอร์ต จนมีคนยอมรับย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่ง Ferrari เองก็เช่นกันครับแต่ว่าการมาของชายที่ชื่อ Enzo Ferrari ทำให้แตกต่างจากผู้ก่อตั้งแบรนด์รถคนอื่น ๆ นั่นเพราะเขาไม่ใช่นักธุรกิจเน้นยอดผลิตจำนวนมาก ไม่ใช่วิศวกรฝีมือดีที่สร้างนวัตกรรมใหม่ แต่เป็นชายผู้คลั่งไคล้ยานยนต์ 4 ล้อที่กระหายชัยชนะ ผู้ไม่ยอมตกอยู่ใต้การควบคุมของใคร


           เรื่องราวของ Ferrari ก็ต้องย้อนไปยังสมัยที่ Enzo ยังเป็นเด็ก ความจริงแล้วเขาไม่ได้มีความสนใจเรื่องเครื่องจักรกลมากนัก จนกระทั่งบิดาของเขาได้พาไปชมการแข่งขันรถยนต์ นั่นทำให้ความรักและคลั่งไคล้รถของเขาเกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นความฝันที่จะได้ทำรถก็ยังไม่มาถึง เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914 -1918 ทำให้กิจการเหล็กของบิดาต้องถูกขายลงไป พร้อมกับการเสียชีวิตของบิดาและพี่ชาย ทำให้ Enzo ต้องออกเดินทางไปหางานทำ จนในที่สุดงานของเขาก็มาลงตัวที่ Alfa Romeo บริษัทรถอิตาลีในตำแหน่งนักขับทดสอบรถยนต์

           การงานในช่วงชีวิตดังกล่าวถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างล้ำค่าของ Enzo เพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่ ทำให้เขาได้สัมผัสกับรถยนต์อย่างใกล้ชิด ทั้งความสวยงามและสมรรถนะ จนทำให้เขาได้ตั้งทีมแข่งภายใต้สังกัด Alfa Romeo ในชื่อ Scuderia Ferrari ซึ่งผลงานก็ทำได้ยอดเยี่ยมคว้าแชมป์สนามแรกในปี 1924


           ในระหว่างการทำทีมแข่งมันก็ทำให้เขาได้พบกับบุคลากรมากความสามารถอย่าง Luigi Bazzi ผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตเครื่องยนต์รถ Alfa Romeo 2 Alfa158 รวมไปถึงการดึงตัวนักแข่งฝีมือดี Tazio Nuvolari กับ Targo Florio สองนักแข่งผู้เคยคว้าชัยชนะในศึก Mill Miglia ปี 1933 และศึก Germany Grand Prix ที่ Nurburgring ในปี 1935 มาร่วมทีม

           จะเห็นได้ว่ารอบตัวของ Enzo แวดล้อมไปด้วยคนเก่ง ๆ ทั้งนั้น มันก็เพราะความรักความชอบที่เหมือนกันมักจะดึงดูดเข้าหากันเสมอ ตัวของ Enzo มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าตั้งแต่เด็ก จนถึงวัยทำงานว่าจะนำรถของตนสู่จุดสูงสุดของวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งความมุ่งมั่นแบบนี้ก็ก่อให้เกิดแนวคิดที่อาจจะขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร ความทะเยอทะยานอยากที่จะเป็นอันดับ 1 ตัวจริง


           มันก็ทำให้ Enzo ต้องออกจาก Alfa Romeo ไปเมื่อปี 1939 โดยสาเหตุการออกของเขาบ้างก็ว่าไม่อยากสูญเสียความเป็นตัวเอง บ้างก็ว่าความเห็นไม่ตรงกัน จนถึงขั้นขัดแย้งกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบริษัท แต่ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม Enzo ได้ออกมาตั้งบริษัทเองใน Modena บ้านเกิดของเขา พร้อมกับช่างเครื่องยนต์ Luigi Bazzi แม้ว่าในช่วงเริ่มแรกพวกเขาต้องเจอกับวิกฤตสงครามโลกครั้งที่ 2 จนโรงงานโดนระเบิด แต่ในปี 1946 เขาก็เปิดโรงงานอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นการคว้าชัยชนะในสนามแข่งต่าง ๆ

           ด้วยความตั้งมั่นที่ชัดเจน ทำให้การผลิตรถในแต่ละรุ่น ถูกออกแบบมาเพื่อสนามแข่งขันโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นรถแข่งสมรรถนะสูง รถฟอร์มูล่า 1 (F1) ถูกผลิตออกมาด้วยความพิถีพิถัน ทำให้ Ferrari เป็นจ้าวสนามในทุกรายการชื่อดังของโลกเช่น Le Mans 24 Hours, Formula 1 รวมถึงครองแชมป์ผู้ผลิตรถ, แชมป์โลกนักขับในวงการ F1 ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรายการแข่งในอิตาลีเอง ม้าลำพองก็กวาดแชมป์มาได้ทั้งหมด


           จากความสำเร็จนี้ก็นำพาให้กำเนิดอะไรหลาย ๆ อย่างครับเช่นสุดยอดนักแข่งรถ F1 ที่ทุกคนต้องรู้จักคือ Michael Schumacher, Niki Lauda ในสังกัด Ferrari รวมถึงกำเนิดคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Lamborghini ด้วย รวมไปถึงกำเนิดยอดรถแข่ง Ford GT40 จนเอาชนะได้ในการแข่ง Le Mans 24 Hours เรียกได้ว่า Ferrari เป็นทั้งผู้ดึงดูดบุคลากรระดับหัวกะทิ และให้กำเนิดคู่แข่งระดับเดียวกันไปด้วย

           อย่างไรก็ตามการมุ่งเน้นการแข่งรถโดยไม่เน้นแสวงหากำไร การผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้มือคนผลิตไม่ใช่เครื่องจักรสายพาน ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองและขาดทุน จนในที่สุด Ferrari ต้องยอมขายหุ้นให้กับ Fiat ถึง 90% แต่กระนั้น ด้วยชื่อเสียงความสำเร็จที่สั่งสมมาเป็นเวลานานก็ทำให้ทุกคนต่างยอมรับว่า Enzo Ferrari คือบุคคลทรงคุณค่าแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตโดยแท้จริง

           ปัจจุบันจึงไม่แปลกที่มีคนซื้อ Ferrari เพื่อซื้อความสำเร็จ ก็เพราะเบื้องหลังของแบรนด์ม้าลำพองนี้มาจากการแข่งขัน ชัยชนะ ความเป็นที่ 1 นั่นเอง จากเรื่องราวนี้ก็ยังทำให้ได้แง่คิดหลายอย่างครับ โดยเฉพาะความตั้งใจการมี Passion อย่างแรงกล้าทำให้มองเป้าหมายได้ชัดเจน ความทะนงตนไม่ยอมอยู่ใต้บัญชาใคร มันอาจจะเป็นดาบสองคม แต่มันก็มีข้อดีที่เราไม่เสียความเป็นตัวของตัวเอง


           อีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือการกระตุ้นให้มีแรงจูงใจ ซึ่ง Ferrari เองเป็นแบรนด์รถแข่งที่มากล้นด้วยชัยชนะ ดังนั้นย่อมก่อให้เกิดการแข่งขันกันเอง ก็ยิ่งทำให้บุคลากรถูกกระตุ้นให้ตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งในสนามหรือการทำงานนอกสนามแข่ง ตรงจุดนี้เหล่าผู้บริหาร อาจนำไปปรับใช้กับองค์กรของตนเองได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

           ที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คือการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมด้วยคนเก่ง ๆ มีความสามารถ มันก็ทำให้เราได้พัฒนาศักยภาพ สามารถนำพาองค์กรไปสู่จุดหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ


           ส่งท้ายด้วยเกร็ดน่ารู้ของ Ferrari กับสัญลักษณ์โลโก้ "ม้า" ที่มามาจาก Enzo เชื่อว่ามันคือความ "โชคดี" และมันยังเป็นสัญลักษณ์บนเครื่องบินรบของกองทัพอิตาลีในช่วงยุค 20s ด้วย มันจึงเป็นอะไรที่เหมาะเจาะมากกับการนำรูปม้ามาเป็นโลโก้ติดรถ ส่วนพื้นสีเหลืองหลังรูปม้ามาจากสีประจำเมือง Modena บ้านเกิดของ Ferrari และแถบด้านบนสีเขียว-ขาว-แดง คือสีธงชาติอิตาลีนั่นเอง

           ส่วนที่ว่าทำไม Ferrari ต้องเป็นสีแดง ก็เป็นเพราะว่าตอนที่เขาทำทีมแข่งให้กับ Alfa Romeo สีรถประจำทีมคือสีแดงนั่นเอง มีชื่ออิตาลีว่า Rosso Corsa หรือ Racing Red ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นหากคุณมีเงินมากพอ การจะซื้อ Ferrari สีแดงเป็นอะไรที่คลาสสิก หรือเลือกสีอื่นก็ย่อมได้แต่มีข้อห้ามเพียงอย่างเดียวคือ "ไม่มีสีชมพู" เพราะ Ferrari เป็นสัญลักษณ์ของความดุดัน ดังนั้นจึงไม่มีสีหวาน ๆ อย่างสีชมพูให้เลือกนะครับ!!


ตัวอย่างหนัง


ตัวอย่างแรก ภาพยนตร์ ‘FERRARI เฟอร์รารี’ I Official Teaser


ตัวอย่างเต็ม [Official Trailer]  ‘Ferrari เฟอร์รารี’


ภาพนิ่ง โปสเตอร์ Ferrari (2023)

 
 
 
 
 


ภาพโปสเตอร์











22

• ชื่อไทย : แค้นนี้ที่รอคิวล์
• ปีที่เปิดตัว : 2566
• นำแสดง : Bill Skarsgard, Jessica Rothe, Michelle Dockery
• กำกับโดย : Moritz Mohr
• เขียนโดย : Tyler Burton Smith, Arend Remmers, Moritz Mohr
• ประเภท : Action / Crime / Thriller
• ความยาว : 111 นาที
• เรต : R
• สร้างโดย : Germany / South Africa / United States
• จำหน่ายโดย : เอ็ม พิคเจอร์ส M Pictures


เรื่องย่อ Boy Kills World แค้นนี้ที่รอคิวล์

           เรื่องสุดแค้นที่รอคอยการสะสาง ของ "บอย" รับบทโดยดาราชายดาวรุ่งแห่งยุค "บิลส์.สภาร์สภาร์ด" ที่สาบานจะแก้แค้น ตระกูลสุดวิปลาสแห่งโลกอันเสื่อมทรามอย่าง "แวน เดอร์ คอย" ให้สิ้นซาก หลังจากครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งทำร้ายให้เขาหูหนวก และ เป็นใบ้ แต่ด้วยแรงผลักดันจากเสียงในหัวและความชอบในวีดีโอเกมในวัยเด็ก บอยจึงฝึกฝนวิทยายุทธ์กับหมอผีลึกลับที่ชุบเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ เพื่อไปทวงแค้นจากโลกอันแสนโหดเหี้ยมที่พรากทั้งชีวิตเขาไป

           เรื่องสุดแค้นที่รอคอยการสะสางของ บอย (บิลล์ สการ์สการ์ด) ที่สาบานจะแก้แค้น ตระกูลสุดวิปลาสแห่งโลกอันเสื่อมทรามอย่าง แวน เดอร์ คอย ให้สิ้นซาก หลังจากครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งทำร้ายให้เขาหูหนวก และ เป็นใบ้ แต่ด้วยแรงผลักดันจากเสียงในหัวและความชอบในวีดีโอเกมในวัยเด็ก บอยจึงฝึกฝนวิทยายุทธ์กับหมอผีลึกลับที่ชุบเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ เพื่อไปทวงแค้นจากโลกอันแสนโหดเหี้ยมที่พรากทั้งชีวิตเขาไป



ตัวอย่างหนัง


BOY KILLS WORLD แค้นนี้ที่รอคิวล์ [OFFICIAL TRAILER] | 30 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์


BOY KILLS WORLD แค้นนี้ที่รอคิวล์ | OFFICIAL TRAILER [เสียงไทย]


ภาพนิ่ง โปสเตอร์ Boy Kills World (2023)

 
 
 
 
 


ภาพโปสเตอร์
















23

• ชื่อไทย : ห้องเรียนเดือด
• ปีที่เปิดตัว : 2566
• เข้าฉายในไทย : 30 พฤษภาคม 2567
• นำแสดง : Leonie Benesch, Anne-Kathrin Gummich, Rafael Stachowiak
• กำกับโดย : lker Catak
• เขียนโดย : Johannes Duncker, Ilker Catak
• ประเภท : Drama
• ความยาว : 98 นาที
• เรต : PG-13
• สร้างโดย : Germany
• จำหน่ายโดย : Mongkol Major มงคล เมเจอร์


เรื่องย่อ The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด

           คาร์ลา โนวัก (ลีโอนี บีนิช) เพิ่งได้งานเป็นครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเยอรมนี เธอทำงานนี้ด้วยความตั้งใจและทุ่มเท แต่ความสัมพันธ์อันราบรื่นระหว่างเธอกับลูกศิษย์ชั้นเกรด 7 ค่อยๆ สั่นคลอน เมื่อเกิดเหตุลักขโมยซ้ำแล้วซ้ำอีกในโรงเรียน

           The Teachers’ Lounge ผลงานสั่นประสาทของ อิลเคอร์ แชตัค ผู้กำกับเยอรมันเชื้อสายตุรกี ลูกศิษย์คนเก่งของผู้กำกับดัง วิม เวนเดอร์ส The Teachers’ Lounge ติดอันดับหนังเยี่ยมของนักวิจารณ์หลายคนในปี 2023 อีกทั้งยังเป็นหนัง 5 เรื่องสุดท้ายที่ได้เข้าชิง สาขาหนังนานาชาติ บนเวทีออสการ์ปีล่าสุด

           แรงบันดาลใจของหนังเกิดขึ้น สมัยที่ อิลเคอร์ แชตัค และ โยฮันเนส ดุงเคอร์ (ผู้เขียนบทร่วม) เรียนชั้นเดียวกันตอนมัธยม ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในตุรกี ชาทัคเล่าว่า “มีเด็กผู้ชายในห้องเรียน 2 คนเป็นหัวขโมย และโรงเรียนก็ทราบเรื่องแล้ว แต่อุบไว้ และมาดักจับระหว่างเรียน พวกครูเข้ามาในห้องแล้วสั่งให้เด็กผู้หญิงออกไปนอกห้อง ก่อนจะขอค้นกระเป๋าเงินเด็กผู้ชาย เพื่อจับเด็กสองคนนั้นพร้อมหลักฐาน ผมนึกถึงเหตุการณ์นั้น และคิดว่าน่าจะเป็นฉากเปิดที่ดีในหนังสักเรื่อง”

           ลีโอนี บีนิช บอกว่าเธอเป็นคนไม่ชอบเด็กเท่าไหร่ “ตอนฉันบอกเพื่อน ๆ ว่าต้องมาเล่นเป็นครู เพื่อนทุกคนคิดว่าฉันอยู่กับเด็กตลอดเวลาไม่ได้หรอก แต่ฉันก็ทำได้ เพราะเด็ก ๆ ในเรื่องน่ารักมาก” บีนิชสร้างชื่อครั้งแรกจากผลงาน The White Ribbon ของผู้กำกับไมเคิล ฮาเนเกอ และปรากฏตัวในซีรีส์ที่ดังระดับโลกอย่าง The Crown, Babylon Berlin และ Around the World in 80 Days


The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด 30 พฤษภาคม ในโรงภาพยนตร์[/glow]


ตัวอย่างหนัง


The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด - Official Trailer [ ตัวอย่างซับไทย ]



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ The Teachers' Lounge (2023)

 
 
 
 
 



ภาพโปสเตอร์








ตัวอย่างหนัง The Teachers’ Lounge



24

• ชื่อไทย : บู๊ระห่ำ ล่าล้างนรก: นรกลงทัณฑ์
• ปีที่เปิดตัว : 2567
• เข้าฉายในไทย : 30 พฤษภาคม 2567
• นำแสดง : Ma Dong-Seok, Kim Moo-Yul, Park Ji-Hwan
• กำกับโดย : Heo Myung-Haeng
• เขียนโดย : Oh Sang-Ho
• ประเภท : Action / Crime / Thriller
• ความยาว : 109 นาที
• สร้างโดย : South Korea
• จำหน่ายโดย : Five Star Production Co.,Ltd บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด   


เรื่องย่อ บู๊ระห่ำ ล่าล้างนรก The Roundup

           4 ปีหลังจากเหตุการณ์ในปฏิบัติการณ์กวาดล้างในเขตการิบง หน่วยปราบปรามอาชญากรรมของกรมตำรวจได้รับมอบหมายภารกิจให้ตามจับตัวผู้ร้ายหนีคดีข้ามชาติ นายตำรวจ มาซอกโด และสารวัตร จอนอิลมัน รับรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการที่ผู้ต้องสงสัยเต็มใจจะยอมมอบตัวและเปิดโปงเรื่องราวอาชญากรรมที่เกิดขึ้น จากฝีมือของฆาตกรที่น่าสะพรึงกลัวนาม คังแฮซัง (ซนซอกกู) จนทั่งสองต้องเริ่มต้นการสืบสวนที่คังทิ้งไว้เบื้องหลัง…

           สามปีหลังจากเหตุการณ์กวาดล้างกลุ่มยาเสพติดในเกาหลี สุดยอดตำรวจมือปราบอย่าง มาซอกโด( ดอน ลี) และหน่วยสืบสวนนครบาลก็ยุ่งอยู่กับการไล่ล่าอาชญากรที่ค้ายาเสพติดผ่านทางแอปจัดส่งสินค้า จนมาพบว่าผู้เผยแพร่แอปนี้ได้เสียชีวิตอยู่ที่ฟิลิปปินส์ ไม่นานนักพวกเขาก็เชื่อมโยงได้ว่าคดีนี้น่าจะเกี่ยวพันกับธุรกิจพนันออนไลน์ผิดกฎหมายที่ใหญ่โตซึ่งมีความเชื่อมโยงกันอย่างผิดปกติ ในฟิลิปปินส์อดีตนักรบรับจ้างกองกำลังพิเศษอย่าง แบกชางกี (คิมมูยอล) ก็ได้รวบอำนาจเบ็ดเสร็จในวงการพนันออนไลน์ผิดกฎหมายของเกาหลีด้วยวิธีการลักพาตัว กักขัง และทำร้ายร่างกายหรือแม้กระทั่งฆาตกรรม ขณะเดียวกันในเกาหลีซีอีโออัจฉริยะด้านไอที ชางดงชอล(อีดงฮวี) ก็กำลังวางแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นักสืบมาซอกโด ได้ขอความช่วยเหลือจาก จางอีซู (พัคจีฮวาน) และด้วยความสนับสนุนจากทีมสืบสวนไซเบอร์ หน่วยสืบสวนนครบาลก็เริ่มรวบตัวอาชญากรบางคน


ตัวอย่างหนัง The Roundup Punishmen


ตัวอย่างภาพยนตร์ The Roundup บู๊ระห่ำล่าล้างนรก (Official Trailer)


ตัวอย่าง The Round up: Punishment บู๊ระห่ำล่าล้างนรก: นรกลงทัณฑ์ 30 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์


เมื่ออาชญากรไล่ฆ่าพวกเขา เขาจึงต้องกลับมา “ล่า” อีกครั้ง #TheRoundup #บู๊ระห่ำล่าล้างนรก 16 มิถุนายน


ภาพนิ่ง โปสเตอร์ The Roundup: Punishment (2024)

 
 
 
 
 





ภาพโปสเตอร์

























25
หนังใหม่ที่น่าสนใจกำลังจะเข้าฉาย / The Tenant : ผู้เช่า
« กระทู้ล่าสุด โดย เซียวเหล่งนึ่งฯ เมื่อ 22 พฤษภาคม 2024, 17:01:22 »

• ชื่ออังกฤษ : The Tenant
• ปีที่เปิดตัว : 2567
• เข้าฉายในไทย : 16 พฤษภาคม 2567
• นำแสดง : ณัชพัณณ์ ปรมะเจริญโรจน์, อำภา ภูษิต, แอนโทเนีย โพซิ้ว
• กำกับโดย : อนันต์ รัศมี
• ประเภท : Horror
• สร้างโดย : Thailand
• จำหน่ายโดย : ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ SHINESAENG AD.VENTURE CO., LTD.


เรื่องย่อ ผู้เช่า The Tenant

          เปิดตัวมาก็ฮือฮากันเลยทีเดียวสำหรับทีเซอร์โปสเตอร์แรก ผู้เช่า The Tenant จาก V-Love Studi หนังผีไทย ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องเล่าความสยองขวัญที่เกิดขึ้นในหอพักแห่งหนึ่งที่ผู้เช่าคนใหม่จะต้องเข้ามาพบเจอ หนังนำแสดงโดย อำภา ภูษิต, ปีโป้ ณัชพัณณ์ ร่วมด้วย แอนโทเนีย โพซิ้ว รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส กับผลงานการแสดงหนังเรื่องแรก พร้อมนักแสดงอีกมากมายที่จะมาเปิดประสบการณ์ดูหนังหอพักโคตรเฮี้ยน

           เรื่องราวของ ผู้เช่า The Tenant เริ่มต้นจากเหตุหญิงสาวฆ่าตัวตายในหอพักแห่งหนึ่ง จนทำให้ผู้เช่าที่อาศัยในหอแห่งนี้ต่างพากันย้ายออก จนเหลืออยู่เพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น วันหนึ่ง มาร์ช (ณัชพัณณ์ ปรมะเจริญโรจน์) หนุ่มถังแตก นักศึกษาคณะนิเทศฯ ได้เข้ามาเช่าหอพักแห่งนี้ เนื่องจากค่าเช่าที่ถูกแสนถูก ในที่สุดเขาก็ได้รับรู้ความจริงว่าที่ห้องเช่าราคาถูกมากขนาดนี้ สาเหตุเพราะมีการฆ่าตัวตายในตึกนั่นเอง แต่เขาก็ยังคงต้องอยู่ในห้องเช่านี้ต่อไป เพราะต้องเซฟค่าใช้จ่ายที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ยด้วย

          อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนเดียวที่อาศัยอยู่ในหอพักแห่งนี้ เนื่องจากยังมีผู้เช่าห้องอื่น ๆ ที่ล้วนแล้วแต่ใจดีกับเขา ไม่ว่าจะเป็น ป้าธิดา เจ้าของห้องเช่าที่ใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส, นิด คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เงียบและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร, ก๊อต นายแพทย์หนุ่มที่เป็นมิตรกับทุกคน รวมถึง ซอล นักศึกษาแพทย์แฟนคุณหมอ คนที่เขาสนิทที่สุด และยังเป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยกับหอพักแห่งนี้ด้วย จะมีก็เพียงแต่ เฟย หนุ่มเกเรลูกเจ้าของหอพัก ที่คอยระรานและสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในหอพัก รวมถึงความน่ากลัวของผีที่อยู่ในหอพักแห่งนี้ก็สร้างความหวาดผวาให้กับคนในหอพักอยู่เนือง ๆ
          แต่วันหนึ่งมาร์ชก็ได้ล่วงรู้ความจริงถึงสาเหตุการตายของหญิงสาวว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่กลับกลายเป็นฝีมือของคนในหอพักที่เขาไว้ใจ ชายหนุ่มพยายามขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ ในหอพัก แต่เขากลับพบเจอกับสิ่งที่เลวร้ายและน่ากลัวจนทำให้เขาได้รับอันตราย เขาจะรอดพ้นจากฝีมือของผีหรือฝีมือของคนได้หรือไม่ เรื่องราวในหอพักนี้จะเป็นอย่างไร และระหว่างผีและคนใครจะน่ากลัวกว่ากัน รอพิสูจน์พร้อมกันได้เร็ว ๆ นี้

          ทั้งนี้ ผู้เช่า The Tenant หนังผีไทย แนวระทึกขวัญปนสืบสวนสอบสวน เป็นผลงานการกำกับของ อนันต์ รัศมี โดยมี ดร.อภิรักษ์ ชัยปัญหา เขียนบทภาพยนตร์ และถ่ายทอดภาพโดย อ.ประยุกต์ ศรีทองกูล Photographer director ควบคุมการผลิตโดย ทีม V-love studio หนังวางกำหนดเข้าฉายไว้พฤษภาคม 2567



ตัวอย่างหนัง The Tenant


ผู้เช่า The Tenant I Official Trailer


ภาพนิ่ง โปสเตอร์ ผู้เช่า (2024)

 
 
 
 
 


ภาพโปสเตอร์























26

• ชื่อไทย : เดอะ การ์ฟิลด์ มูฟวี่
• ปีที่เปิดตัว : 2567
• เข้าฉายในไทย : 22 พฤษภาคม 2567
• นำแสดง : Chris Pratt, Samuel L. Jackson, Hannah Waddingham
• กำกับโดย : Mark Dindal
• เขียนโดย : Paul A. Kaplan, Mark Torgove, David Reynolds
• ประเภท : Animation / Adventure / Comedy / Family / Fantasy
• ความยาว : 101 นาที
• เรต : PG
• สร้างโดย : UK / USA / Hong Kong
• จำหน่ายโดย : Sony Pictures Thailand


เรื่องย่อ The Garfield Movie เดอะ การ์ฟิลด์ มูฟวี่

          เรื่องราวของ การ์ฟิลด์ (คริส แพรตต์) ที่วันหนึ่งได้พบกับ วิก (แซมมวล แอล. แจ็กสัน) แมวจรข้างถนนโดยไม่คาดฝัน วิคคือพ่อของการ์ฟิลด์ที่หายสาบสูญไปนานแสนนาน การ์ฟิลด์และ โอดี (นิโคลัส เฮาลต์) คู่หู จำต้องจากจอน ออกจากบ้านที่แสนอบอุ่นสุขสบาย เพื่อไปร่วมด้วยช่วยกันกับวิคในการผจญภัยสุดหินและการปล้นสุดหฤหรรษ์ งานนี้การ์ฟิลด์ต้องเจองานหิน และต้องเอาชนะกลุ่มตัวร้าย เดิมพันครั้งนี้ใหญ่และยากแบบที่การ์ฟิลด์จะกวนโอ๊ยไม่ออกอีกต่อไป

รีวิวหนัง “The Garfield Movie”

          กลับมาคราวนี้ เจ้าแมวส้มตัวป่วนจะชวนคุณผู้ชมมาพบกับความสนุกแบบเต็มอิ่มจุใจ ในหนังแอนิเมชัน “The Garfield Movie” เดอะ การ์ฟิลด์ มูฟวี่ การออกเดินทางครั้งใหม่ในรอบทศวรรษ ที่เต็มไปด้วยรสชาติแห่งความสุข แถมกอบโกยรายได้เปิดตัวในตลาดโลกแบบจุกๆ นี่จึงเป็นการปลุกกระแสแมวส้มให้กลับมาฮิตได้ไม่น่ายาก พร้อมละเลงมุมมองใหม่ระหว่างการ์ฟิลด์ และพ่อของเขา ผ่านเรื่องราวอันแสนอลวน จนเราไม่สามารถหยุดรอยยิ้มได้เลย

          “The Garfield Movie” เป็นเรื่องราวของ การ์ฟิลด์ ในวันหนึ่งเขาได้พบกับ วิค แมวจรจัดข้างถนนผู้เป็นพ่อของเขา หลังจากไม่ได้เจอกันเลยเป็นเวลานานหลายปี นั่นทำให้ การ์ฟิลด์ และ โอดี้ จำต้องลาจาก จอน และบ้านอันแสนสุขสบาย เข้ามาพัวพันกับอดีตแสนอันตรายพ่อของเขา พวกเขาจึงต้องลงเรือลำเดียวกันกับวิคในการผจญภัยสุดหินและการปล้นสุดหฤหรรษ์ ที่เต็มไปด้วยการเสี่ยงอันตรายและความเฮฮาแบบไม่คาดคิด

          เสิร์ฟความสนุกและเรียกรอยยิ้มจนถึงขั้นหัวเราะออกมาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะเจ้าแมวส้มแสดงความป่วนแบบไม่มีพัก แม้ว่าจะพอมองพล็อตเนื้อหาและการดำเนินเรื่องได้ตั้งแต่ช่วงแรก แต่ด้วยความสนุกในมุกต่างๆ คาแรคเตอร์ของตัวละครมันจึงชวนให้เรามองผ่าน และผ่อนคลายไปชั่วขณะ ซึ่งปมหลักๆ ของหนังแอนิเมชันที่เคยผ่านตามาบ้าง คงหนีไม่พ้นเรื่องครอบครัว ความฝันในชีวิต และมิตรภาพ ซึ่งนั่นก็มีให้เราได้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้

          โดยการดำเนินเนื้อหาค่อนข้างมีชั้นเชิงระดับหนึ่งในแบบฉบับย่อยง่าย ผูกปมปัญหาหลักของสองพ่อลูก และศัตรูตัวร้ายเอาไว้ได้แบบกระชับรวดเร็ว และนำพาไปสู่การร้อยเรียงเรื่องราวการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความหรรษา ทว่าในระหว่างนั้นมันมีอุปสรรคมาให้พ่อลูกได้แก้อคติและความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกัน แม้ว่านี่คือความธรรมดาที่เราได้เห็นมาบ่อยครั้ง แต่พอมาเจอกับความป่วนของการ์ฟิลด์ โอดี้ และตัวละครอื่นๆ ทำให้มันผสมผสานความสนุก และเรียกรอยยิ้มออกมาได้อย่างกลมกล่อม

          อีกทั้งสิ่งที่ชอบในบทของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือมีการเผยให้เห็นการเติบโต การเรียนรู้ และพัฒนาการของตัวละคร และยังมีบทสรุปของตัวละครที่จบลงได้อย่างสวยงาม เสริมสร้างให้บทมันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ทิ้งตัวละครใดให้จางหายไป นอกจากนี้ ยังได้ข้อคิดของการเป็นครอบครัวเดียวกัน การทำความเข้าใจกันและกันโดยไม่มองในแง่มุมเดียวเท่านั้น มันจึงเป็นโมเมนต์ที่ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลิน และเข้าถึงช่วงอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมา

          แน่นอนว่าความสนุกที่จะขาดไปไม่ได้เลย คือคาแรคเตอร์ของเจ้าแมวส้ม การ์ฟิลด์ ตัวละครนี้ส่งผ่านความกวนโอ๊ยแบบเต็มกำลัง ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบันเขานั้นสุขสบายไม่น้อย แต่พอเขาต้องออกผจญภัยนอกบ้านนั่นทำให้การ์ฟิลด์ได้เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตมากขึ้นจากพ่อของเขา และเข้าขากันได้เป็นอย่างดี หรือแม้อต่ โอดี้ เจ้าสุนัขตัวโปรดที่ได้ซีนไปหลายฉากเพราะความเก่งกาจและรักพวกพ้องของเขา หรือจอน เจ้าของพวกเขาทำให้เราเห็นมุมมองของคนรักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ รวมถึงตัวร้ายที่ร้ายแบบฮาๆ มันเป็นความกลมกล่อมที่พาให้เรื่องนี้สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ

          ด้านงานภาพและแอนิเมชันรังสรรค์ออกมาได้แบบไม่มีข้อกังขา เพราะลื่นไหลสบายตาในทุกฉากทุกตอน โทนของความสดใสพาให้เราได้เจริญหูเจริญตาไปกับช่วงเวลานั้นๆ ดั่งในเมนูอาหารของการ์ฟิลด์ชวนหิวตามไม่น้อย จนออกจากโรงภาพยนตร์มาต้องหาพิซซ่า ลาซานญ่ามารองท้องตาม หรือแม้แต่ในอุปกรณ์ต่างๆ การออกแบบตัวละครที่นอกจากตัวละครหลัก มันเป็นการออกแบบที่ส่งไปถึงคาแรคเตอร์นั้นๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งงานดนตรีบิวท์อารมณ์ได้ดีทีเดียว ทั้งตอนสนุก หรือตอนครอบครัวปรบมือรัวๆ เลย

          ถือเป็นการปลดล็อคความอ่อนล้าของร่างกายและสมองได้เป็นอย่างดี เพราะ The Garfield Movie มอบรอยยิ้มให้กับเราตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงในตอนท้ายที่สุด มีทั้งรสชาติความสนุก ฟีลดีในความสัมพันธ์ และความเข้าใจกัน แม้ว่าพล็อตจะเดาทางง่าย ย่อยไวไปบ้าง ไม่ได้มีความซับซ้อนมากเท่าไรนัก แต่เอกลักษณ์ความสนุกของหนังยังสร้างความจดจำให้กับเราได้เป็นอย่างดี ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะตีตลาดของเหล่าคุณผู้ชมทุกเพศทุกวัยได้ไม่ยาก และฝากความสุขอันแสนอิ่มเอมใจในรอบทศวรรษของเจ้าแมวส้มการ์ฟิลด์


ตัวอย่างหนัง


ตัวอย่างภาพยนตร์ The Garfield Movie [Official - Sub Thai]


Garfield - มาฟัง Let It Roll กัน!


GARFIELD | เสียงการ์ฟิลด์เวอร์ชันไทยเริ่ดเว่อร์


GARFIELD | ตลก ป่วน กวน แสบ!


GARFIELD | ในหนังจะกวนขนาดไหนต้องไปดู!


GARFIELD | อยู่ในบ้านเป็นแมวส้มตัวน้อย นอกบ้านเป็นพเนจรจัดตัวตึง!


GARFIELD | เหมียวตัวตึงประจำบ้าน


GARFIELD | การผจญภัยครั้งหย่ายยยของการ์ฟิลด์


GARFIELD | แมวส้มตัวตึงทั้งตำแหน่งทั้งตำนาน!


GARFIELD | ความการ์ฟิลด์ที่แท้ทรูมันต้องยังงี้!


GARFIELD | การผจญภัยครั้งนี้จะป่วน แสบ ซี้ดแค่ไหน!


GARFIELD | บันเทิงแน่งานนี้ เพราะการ์ฟิลด์จัดหนัก!


GARFIELD | บันเทิงแน่งานนี้ เพราะการ์ฟิลด์จัดหนัก!


GARFIELD | ทาสแมว ทาสหมา ก็ห้ามพลาดการ์ฟิลด์!


GARFIELD | การ์ฟิลด์ = ชอบชีส ขี้แซะ เกลียดวันจันทร์


GARFIELD | งานนี้แมวบ้านตัวตึงจะแสบขนาดไหน?!



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ The Garfield Movie (2024)

 
 
 
 
 


ภาพโปสเตอร์





























































27

• ชื่อไทย : เดอะ สเตรนเจอร์ส อำมหิตฆ่าไม่สน
• ปีที่เปิดตัว : 2567
• เข้าฉายในไทย : 16 พฤษภาคม 2567
• นำแสดง : Gabriel Basso, Rachel Shenton, Ella Bruccoleri
• กำกับโดย : Renny Harlin
• เขียนโดย : Alan R. Cohen, Alan Freedland
• ประเภท : Horror
• ความยาว : 91 นาที
• สร้างโดย : USA
• จำหน่ายโดย : Mongkol Major มงคล เมเจอร์


เรื่องย่อ The Strangers: Chapter 1 (เดอะ สเตรนเจอร์ส อำมหิตฆ่าไม่สน)

          The Strangers: Chapter 1 เดอะ สเตรนเจอร์ส อำมหิตฆ่าไม่สน ปฐมบทความสยอง พร้อมไล่เชือดไม่สนหน้าไหน

          "ไม่ใช่การรีเมก" และ "ไม่ใช่ภาคต่อ" แต่ The Strangers: Chapter 1 เป็นหนังเขย่าขวัญสุดคัลท์ที่รวบตึงความโหดโคตรอำมหิตครั้งใหม่ของ ฆาตกรหน้ากาก เดอะ สเตรนเจอร์ส ฆาตกรหน้ากากแบบจัดเต็ม เมื่อมันมาแบบไม่เลือกเวลาและฆ่าแบบไม่สนกฎเกณฑ์ ผ่านการกำกับของ เรนนี ฮาร์ลิน ผู้กำกับมือเก๋าที่เอาอยู่ทั้งหนังแอ็คชั่นและหนังสยองขวัญอย่าง Die Hard 2 และ A Nightmare on Elm Street 4: The Dream Master

เรื่องราวของคู่รักดวงซวยที่วางแผนไปเริ่มชีวิตใหม่แถบแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ แต่รถพวกเขาดันเสียกลางทางทำให้ต้องค้างคืนที่บ้านพักกลางป่าแห่งหนึ่ง โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังจะกลายเป็นเหยื่อของกลุ่มคนแปลกหน้าผู้สวมหน้ากากประหลาดที่พร้อมเคาะประตูบ้านและไล่ฆ่าไม่สนหน้าไหน


รีวิว The Strangers: Chapter 1 (เดอะ สเตรนเจอร์ส อำมหิตฆ่าไม่สน)

          สำหรับหนังเรื่องนี้ส่วนตัวผมได้เห็นข่าวมาบ้างแบบผ่านๆ รู้แค่ว่าเป็นหนังฉบับรีเมก แต่ผมก็ไม่เคยได้ดูต้นฉบับมาก่อนเหมือนกัน เห็นพล็อตเรื่องว่าน่าสนใจเลยตัดสินใจไปดู เข้าไปดูแบบไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่ขนาดไม่ขาดหวังก็ยังเดินออกจากโรงมาแบบผิดหวังอยู่เหมือนกัน มันไม่เชิงผิดหวังหรอก เรียกว่าเสียดายมากกว่า เพราะตัวหนังมันมีหลายอย่างที่ดูดีและเข้าท่า แต่ดันมาตกม้าตายกับเรื่องบทที่ทำให้ภาพรวมของหนังออกมาดูแย่ไปเลย บทเขียนมาได้แบบหนังสยองขวัญเกรดบีมากๆ ดูไปหงุดหงิดไป พระเอกนางเอกในเรื่องนี่ถูกเขียนมาแบบโง่สุดๆ อารมณ์แบบถูกเขียนมาให้โง่เพื่อให้เรื่องมันดำเนินต่อไปได้ ในชีวิตจริงไม่น่าจะมีใครที่ทำตัวแบบพระเอกนางเอกในเรื่องนี้หรอกหากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น

          หากถามว่าพระเอกนางเอกโง่ยังไงบ้างผมก็คงเล่าได้ไม่หมด เพราะมันมีหลายซีนมากๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างช่วงต้นเรื่องที่จู่ๆ มีหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาจากไหนไม่รู้มาเคาะประตูหน้าบ้านกลางดึก และอย่าลืมว่าทั้งคู่อยู่กลางป่า แต่หลังจากนั้นพระเอกก็ดันปล่อยให้นางเอกอยู่คนเดียวและออกไปเอายาที่รถเฉย ทว่ายังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่นางเอกตกใจหรือกลัว พระเอกก็จะกอดและปลอบตลอดแม้ว่าจะอยู่ในเวลาที่ควรวิ่งหนี ลีลาดราม่ากันไม่ยอมไปซักที ดูละหงุดหงิดสุดๆ นอกจากนี้ในส่วนของพล็อตเรื่องหลักๆ เองก็ไปไม่รอดเหมือนกัน พล็อตเรื่องแทบไม่มีอะไรเลย ดูแต่ต้นจนจบก็ยังไม่รู้ว่าคนแปลกหน้าใส่หน้ากาก 3 คนนี้มาบุกไล่ฆ่าพระเอกนางเอกทำไม มันอาจจะมีการปูเรื่องไว้บ้างแหละ แต่ก็ปูไว้น้อยแบบน้อยมากๆ ซึ่งปกติแล้วหนังภาคแรกส่วนใหญ่มักจะต้องมีการปูเรื่องไปแล้วบ้างระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่กับหนังเรื่องนี้ เพราะเส้นเรื่องมันแทบไม่ได้เดินหน้าไปไหนเลย เขาเน้นขายฉากสยองขวัญและความระทึกขวัญอย่างเดียวเลย

          อย่างไรก็ตาม ถึงผมจะบ่นว่าบทมันห่วยมันแย่แค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าส่วนอื่นๆ ที่เหลือของตัวหนังนั้นทำออกมาไม่ได้แย่ โดยเฉพาะเรื่องความสยองขวัญและความระทึกขวัญ ส่วนนี้คือทำได้ดีมากๆ ดูแล้วลุ้นตามแทบทุกฉาก จังหวะเคลื่อนกล้อง ไปจนถึงซาวน์ประกอบนี่บิ๊วอารมณ์แบบสุดๆ แถมตัวละครแปลกหน้าสามตัวเองก็ถูกดีไซน์ออกมาได้ดีมาก รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเยือกเย็นน่ากลัวบวกกับคาแรคเตอร์ตัวละครทั้ง 3 ที่แทบไม่พูดอะไร มันทำให้ตัวละครทั้ง 3 นี้ออกมาดูน่าขนลุกแบบสุดๆ แต่ยังมีอีกสิ่งที่เป็นส่วนสำคัญช่วยให้ภาพรวมของหนังออกมาดีขึ้นนั่นก็คือการแสดงของนางเอก ขนาดบทเขียนมาไม่ดี แต่นางเอกแสดงดีจนแบกหนังทั้งเรื่องได้ ซีนดราม่าซีนกลัวนี่คือตีบทแตกมากๆ ร้องไห้เก่งแบบสั่งได้เลย ส่วนพระเอกรวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ ที่เหลือในเรื่องนั้นแสดงได้ธรรมดามาก ส่วนตัวผมมองว่าภาพรวมมันก็ไม่ได้เป็นหนังที่แย่ขนาดนั้น ถึงบทมันจะยังบกพร่องไปบ้าง แต่ฉากสยองขวัญ ความระทึกขวัญ และบรรยากาศในเรื่องนั้นเขาทำได้ดี เอาเป็นว่าอย่าเชื่อทั้งหมดที่ผมรีวิวเลย ทุกคนไปดูและตัดสินมันด้วยตาตัวเองจะดีกว่า คุณอาจจะชอบมันมากๆ ก็ได้ เพราะความชอบของคนเรานั้นแตกต่างกัน


ตัวอย่างหนัง The Strangers: Chapter 1


The Strangers Chapter 1 เดอะ สเตรนเจอร์ส อำมหิตฆ่าไม่สน - Official Trailer [ ตัวอย่างซับไทย ]


ลืมคนแปลกหน้าที่เคยผวา เปิดประตูรับ ‘เดอะ สเตรนเจอร์ส’


เตรียมนับถอยหลัง เปิดปฐมบท ‘ไล่เชือด’ สุดปั่นประสาท ‘The Strangers: Chapter 1 อำมหิตฆ่าไม่สน’


มันยิ่งจ้อง เรายิ่งผวา มันยิ่งเงียบ เรายิ่งร้องขอชีวิต ‘The Strangers: Chapter 1 อำมหิตฆ่าไม่สน’



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ The Strangers: Chapter 1 (2024)

 
 
 
 
 




ภาพโปสเตอร์

















28

• ชื่อไทย : ล่าฝันเมืองเดือด
• ปีที่เปิดตัว : 2566
• เข้าฉายในไทย : 16 พฤษภาคม 2567
• นำแสดง : Wu Kang-ren, Jack Tan, Tan Kim Wang
• กำกับโดย : Jin Ong
• เขียนโดย : Jin Ong
• ประเภท : Crime / Drama
• ความยาว : 115 นาที
• สร้างโดย : Malaysia / Taiwan
• จำหน่ายโดย : Mongkol Major มงคล เมเจอร์


เรื่องย่อ Abang Adik

           เรื่องราวของ อาบัง (อู๋คังเหริน) กับ อาดิ (แจ็ก ตัน) เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีบัตรประชาชนมาเลเซีย แม้ไม่รู้จักผู้ให้กำเนิด แต่ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ทึกทักเอาว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน อาบังเป็นคนหูหนวก และทนทำงานหนักเก็บเงินเพื่อถีบตัวเองและน้องชาย ให้พ้นจากความยากจน ในขณะที่อาดิไม่อยากเลือกหนทางลำบากแบบพี่ชาย ความฝันของเขาใหญ่กว่า และไฟในใจของเด็กหนุ่มก็รุ่มร้อนกว่า จนนำเขาไปในโลกอาชญากรรม ในขณะที่ทางการมาเลเซียเริ่มกวดขันเรื่องคนไร้สัญชาติ พร้อมกับปัญหาจากผู้มีอิทธิพลที่อาดิเข้าไปพัวพัน ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของสองพี่น้อง อาบัง-อาดิ กำลังจะได้รับการทดสอบ

 

ตัวอย่างหนัง Abang Adik


Abang Adik ล่าฝันเมืองเดือด - Official Trailer [ ตัวอย่างซับไทย ]


"หนึ่งในภาพยนตร์แห่งเอเชียที่ห้ามพลาดของปีนี้" #ABangAdik #ล่าฝันเมืองเดือด


เข้าชิง 7 รางวัลม้าทองคำปีล่าสุดชนะเลิศ “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” รางวัลม้าทองคำ ABANG ADIK



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ Abang Adik (2023)

 
 
 
 
 





ภาพโปสเตอร์













29
ขายฟิล์มโป๊ยเซียนสภาพดีสีสวย
มีรอยต่อ 1 แผลเท่านั้น ฟล์มพร้อมรีลราคา 2,600 บาทรวมส่งทั่วไทย

ขายฟิล์มโป๊ยเซียนตามสภาพ  ราคา 2,000 บาท  ราคาพิเศษก่อนหยุดสงกรานต์ 2,700 บาท
รวมส่งใครพร้อมจริงๆโทรมาทักมา
รายละเอียดโทรถาม 089-9927569 จะเล่าให้ฟัง
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10