เตรียมฟื้นชีวิตหนัง 16 มม.อีก 2 เรื่อง ดรรชนีนาง (แสน-พิศมัย) ปี 2504 แม่ค้า (มิตร-เพชรา) ปี 2512
หลังจากเสร็จภารกิจฟื้นชีวิต "จำปาทอง" ไปแล้ว ระหว่างที่รอวันกำหนดฉายนั้น พวกเราก็เตรียมตัวเตรียมหนังไว้ฉายในกิจกรรม "รำลึกมิตร ไม่ต้องรอถึงเดือนตุลา ครั้งที่ 3" กันต่อเลย ครั้งนี้จะต้องเร่งรีบพอสมควร เนื่องจากมีหนัง 16 มม.ต้องใส่เสียงพูด 2 เรื่อง..หนังมิตรเรื่อง แม่ค้า นั้น ผ่านการตัดต่อลำดับภาพเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่การใส่เสียง ส่วน ดรรชนีนาง ก็อยู่ระหว่างตัดต่อ ลำดับภาพ..เรื่องนี้โชคดีหน่อยที่มีบทพากย์เดิมติดมาด้วย ต่างกับ แม่ค้า ที่เราต้องเรี่ยไรเงินแกะปากทำบทพากย์ใหม่หมด ระหว่างที่ดูดรรชนีนางและตัดต่อนั้น ก็สงสัยว่า ทำไมฉากจบของ ดรรชนีนาง ในหนังจึงต่างจากนิยายที่ อิงอร เขียนไว้คือ "ม.จ.นิรันดร์ฤทธิ์ ธำรง รู้ว่านั่นคือการทวงสัญญาของดรรชนีเพราะเธอรักนิ้วของเธอมากที่สุด เขาจึงรีบเดินทางไปสงขลาทันที แต่เขาไม่พบใครเพราะพายุเพิ่งพัดผ่านไปและทุกสิ่งทุกอย่างบนเกาะยอก็ไม่เหลืออะไรเลย...
"นิยายจบแบบนี้ครับ ส่วนเรื่องย่อจากนิตยสารที่ออกพร้อมหนังก็จบไปในทำนองเดียวกัน แต่ฟิล์มหนังที่พวกเราได้มา หนังไม่ได้จบแบบนี้ครับ..แค่ฉากที่บอกว่า พ่อของดรรชนีคือ พระนเรศราภิบาล เป็นคนไปทวงสัญญารักให้ ดรรชนี แต่ นิรันดร์ฤทธิ์ ปฏิเสธ ทำให้พระนเรศฯกลับมาตรอมใจตายที่สงขลานั้น ก็แตกต่างกันแล้วครับ..หนังทำบทต่างจากนิยาย ส่วนเพลงในหนังที่ตรวจพบในบทพากย์ก็มีเพียง 3 เพลง ซึ่งบางเพลงก็มีฟิล์มเหลือไม่มาก จะต้องใช้เดิมซ้ำๆๆ เข้าไปนะครับ..
พิศมัย จาก ดรรชนีนาง
แสน สุรศักดิ์ รับบทเป็น ม.จ.นิรันดร์ฤทธิ์ ธำรง