ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 377 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย ช่วยหนังไทยเก่าๆ อนาคตที่มืดมน  (อ่าน 212 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฉัตรชัยฟิล์มshop

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 11590
  • พลังใจที่มี 441
  • เพศ: ชาย
  • รักการฉายด้วยฟิล์ม
มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีตชุมทางหนังไทยในอดีต Thai Old Movie Station
บทที่ 377
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
ช่วยหนังไทยเก่าๆ อนาคตที่มืดมน
โดย มนัส กิ่งจันทร์
(facebook 13 สิงหาคม 2556)...
12 สิงหาคม.. เป็นวันแม่แห่งชาติ.. แล้วก็ยังนับว่า เป็นวันสำคัญของผมกับเพื่อนๆ ในการช่วยหนังไทยเก่า ๆ อีกด้วยนะครับเพราะวันนั้น.. วันที่ 12 สิงหาคม 2542 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว.. ผมกับคุณโต๊ะ พันธมิตร เริ่มปฏิบัติการออกตามล่าหากากฟิล์มหนังไทยเก่า ๆ ที่จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นครั้งแรก..

สำหรับผมเองนั้น ตั้งแต่เรียนจบและมีงานทำเมื่อปลายปี 2527 ก็เริ่ม ช่วยหนังไทย ด้วยการเก็บสะสมวีดีโอหนังไทยทั้งเก่าและใหม่เรื่อยมา.. แหล่งที่ได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านเช่าวีดีโอ ตลาดคลองถม ตลาดนัดของเก่าต่างๆ จากนั้นจึงเริ่มรู้จักเพื่อนๆ คอเดียวกันตามตลาดคลองถม ตามงานรำลึกมิตร ชัยบัญชาและงานฉายหนังไทยเก่าๆ .. กระทั่งช่วงปี 2534 ก็เริ่มสนิทกับคนขายเครื่องฉายหนัง ขายฟิล์มหนังที่ตลาดคลองถม..จึงรู้ว่า ยังมีกากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ อีกมากที่ยังไม่ได้มีการทำเทปวีดีโอออกมา.. แรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะจะเลือกหาแต่ฟิล์มหนังที่เราอยากจะดูเท่านั้น.. แต่พอมีเพื่อนมากขึ้น ก็เริ่มหาหนังเผื่อเพื่อนที่ชอบๆ ด้วย... ตอนนั้น ถ้ารู้ว่า ฟิล์มหนังไทยเก่าๆ เรื่องไหนที่ยังไม่ทำเทปวีดีโอออกให้เช่า พวกเราก็จะรวมเงินกันไปซื้อฟิล์มนั้นๆ มาฉายดู..

พวกเราเกาะกลุ่มกันทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ตลาดคลองถมเรื่อยมา มีเพื่อนใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น กระทั่งประมาณเดือนสิงหาคม 2541 พวกเราก็ได้เพื่อนใหม่คนหนึ่งซึ่งมารู้ชื่อภายหลังว่าคือ คุณโต๊ะ พันธมิตร.. การได้รู้จักคุณโต๊ะพันธมิตร ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการพากย์หนัง จึงทำให้พวกเรารู้ว่า หากจะดูหนังไทยเก่าๆ หรือหนัง 16 มม.แล้ว พวกเราจะต้องหาดูกันเองเพราะไม่ค่อยจะมีใครทำขาย มันลงทุนมากกว่าหนัง 35 มม.และข้อสำคัญ หนัง 16 ดังๆ เกือบทุกเรื่องจะไม่มีฟิล์มแล้ว..แล้วคุณโต๊ะก็เล่าเรื่องการช่วยฟิล์มหนัง อัศวินดาบกายสิทธิ์ กลับมาฉายให้เรา..

วันที่ 8 ตุลาคม 2541 เป็นวันแรกที่หนังเรื่อง อัศวินดาบกายสิทธิ์ ซึ่งคุณโต๊ะพันธมิตร นำฟิล์มต้นฉบับกลับมาจากเมืองนอกและพากย์เสียงใหม่ได้ออกฉายในงานรำลึก 28 ปีมิตร ชัยบัญชา ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง.. วันนั้นพวกเราทุกคนไปให้กำลังใจคุณโต๊ะ ได้รู้จักกับคุณเอ็ม อิงคศักย์ เกตุหอม..และกลุ่มคนรักมิตร ชัยบัญชา อีกหลายคน.. นั่นเป็นก้าวแรกที่คุณโต๊ะแอบสัญญาในใจกับคนรักมิตรว่า จะตามหาหนังมิตรมาฉายให้ดูอีก..

วันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2541 คุณโต๊ะได้ข่าวเรื่องฟิล์ม เพชรตัดเพชร ว่ายังมีอยู่ที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ จึงชวนผมนั่งรถไปดูฟิล์ม ไปขอให้เขาฉายหนัง เพชรตัดเพชร ให้ดู..ผมก็ชวนเพื่อนๆ ที่สุรินทร์อีก 2 คนไปดูด้วย เช้าวันรุ่งขึ้นก็พากันตระเวนหาแหล่งฟิล์มหนัง 16 มม.ที่จังหวัดสุรินทร์

ต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม 2542 คุณโต๊ะได้ข่าวว่าที่จังหวัดร้อยเอ็ด มีฟิล์มหนัง 16 มม. เรื่อง ไทรโศก อยู่จึงชวนผมไปด้วยกัน วันนั้นเอง ผมเห็นกากฟิล์ม 16 มม.ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่จบเรื่องแถมฟิล์มโดนความชื้น ซึ่งคนที่หาฟิล์มให้คุณโต๊ะเขาเหมามาด้วย.. แต่เพราะคุณโต๊ะคิดว่า จะต้องนำฟิล์มหนังนั้นไปฉายในโรงหนัง ไปออกวีดีโอ พอเห็นฟิล์มไม่สมบูรณ์ จึงปฏิเสธ ไม่ซื้อกลับมา.. ผมก็เลยถามว่า ถ้าเราไม่ซื้อแล้ว จะเอาฟิล์มไปไหน เขาก็บอกว่า จะเอาทิ้งขยะ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม หนังมันไม่จบเรื่อง.. ตอนนั้น ผมเองก็มีเครื่องฉาย 16 มม.อยุ่แล้วและก็มีกล้องวีดีโออยู่แล้ว ก็เลยคิดว่า ถ้าเอามาฉายเล่นๆ และอัดภาพเก็บไว้ดูเป็นข้อมูลเก่าๆ ก็น่าจะดี ก็เลยลองขอซื้อเล่นๆ เขาก็ขายเหมาให้ถูกๆ ผมก็เลยได้ฟิล์มมาคือเรื่อง บ้านสาวโสด (2513มิตร-เพชรา) น้องนางบ้านนา (2514 ไชยา-อรัญญา) กายทิพย์ (2513 สมบัติ-อรัญญา) จุ๊บแจง (2513 สมบัติ-อรัญญา) ลูกแมว (2511 มิตร-เพชรา)...

12 สิงหาคม 2542.. จึงเหมือนเป็นการจุดประกายครั้งแรกๆ ที่ทำให้ผมคิดจะ ช่วยหนังไทยหรือหนังที่ไม่จบเรื่อง..แรกๆ ก็จะทำเทปออกมา เป็นหนังไม่มีเสียง พอบอกเพื่อนๆ ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจ มักจะพูดทำนองว่า หนังไม่จบ ไม่รู้จะดูไปทำไม.. ใครไม่ดู ก็ไม่ว่ากัน.. แต่สำหรับผมก็ยังคงหาฟิล์มเก่าๆ มาทำเรื่อยมา.. สมัยนั้น ผมเองก็ยังไม่เล่นอินเตอร์เน็ต ยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย ทำไว้ก็เก็บดูอยู่คนเดียว

ต่อมาปี 2544 ระหว่างที่ผมอยู่กับเพื่อนๆ ที่ตลาดคลองถม ผมได้รู้จักเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาเป็นคนเขียนบทความ “หนังไทยไต้ฝุ่น” ในนิตยสาร CINEMAG แรก ๆ เขาก็มาขอความเห็น ขอข้อมูลไปเขียนบทความ กระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ให้ผมเขียนบทความดังกล่าวแทนเขา โดยเริ่มเขียนตั้งแต่ฉบับที่ 169 ประจำเดือนสิงหาคม 2544 ติดต่อกันเรื่อยมา 17 ฉบับ นิตยสารฉบับนี้จึงปิดตัวลง

ปี 2545 นิตยสาร Film and stars ฉบับเดือนสิงหาคม เปิดตัวครั้งแรก คุณโต๊ะพันธมิตรก็พาผมไปหา เฮียเต๊ก หุ้นส่วนเจ้าของหนังสือเล่มนี้ เขาก็ให้ผมเขียนบทความเกี่ยวกับหนังไทยเก่าๆ โดยเริ่มเขียนตั้งแต่ฉบับที่ 3 ประจำเดือนตุลาคม 2545 เรื่อยมาจนถึงฉบับที่ 84 ประจำเดือนกรกฎาคม 2552 รวม 81 ฉบับ นิตยสารก็ปิดตัวอีก

ปี 2546 นิตยสาร Popcorn ก็ให้ผมเขียนบทความเกี่ยวกับหนังไทยด้วยอีกหลายฉบับ

ปี 2547 นิตยสารแฟนหนังไทย ก็มาชวนให้เขียนบทความเกี่ยวกับหนังไทยเก่าๆ อีก เริ่มตั้งแต่ฉบับเดือนมกราคม 2547 ถึงเดือนกันยายน 2547 รวม 9 ฉบับ หนังสือก็ปิดตัวอีก

ต่อมาประมาณเดือนมิถุนายน 2548 มีคนบอกผมว่าใน www.thaifilm.com มีผู้คนสนใจเข้าไปตั้งกระทู้ถามเรื่องราวเกี่ยวกับหนังไทยเก่าๆ แต่ไม่ค่อยมีคนตอบ ให้ผมลองเข้าไปเขียนดู ผมเองก็อยากมีเพื่อนคุยเรื่องหนังไทยเก่าๆ อยู่แล้ว จึงลองเข้าไปตั้งกระทู้ชื่อ ชุมทางหนังไทยในอดีต ขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ใช้นามแฝงว่า มนัส138

จากวันนั้นเป็นต้นมาเรื่องราวของหนังไทยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล รูปถ่ายดารา ใบปิดภาพยนตร์และเรื่องเล่าจากประสบการณ์ชีวิตของผมเกี่ยวกับหนังก็ถูกเขียนลงกระทู้ ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอนที่ 1 ให้อ่านติดต่อกันเรื่อยมา ทำให้ผมได้รู้จักกับผู้คนมากมายที่แวะเวียนมาพูดคุย ต่อมามีการนัดมาเจอะเจอสังสรรค์จัดกิจกรรมกัน เวลาผ่านไปไม่กี่ปี ก็กลายเป็นชุมชนใหญ่ในเว็บ ลำพังกระทู้ ชุมทางหนังไทยในอดีต เพียงกระทู้เดียว แม้จะเปิดขึ้นมาเป็นตอน ๆ ก็ไม่พอกับความต้องการของข้อมูล ผมจึงแนะนำให้เพื่อนๆ ที่ชอบและถนัดเรื่องของดาราคนหนึ่งคนใด ให้ตั้งเป็นกระทู้ขึ้นใหม่อีก ซึ่งก็ได้ผลเพราะมีการแยกเป็นกระทู้ย่อยๆ ใน www.thaifilm.com เพิ่มมากขึ้น แต่ปัจจุบัน เว็บนี้ปิด ไม่ให้เขียนแล้ว แต่ยังอ่านได้อยู่

นั่น เป็นปฐมเหตุที่ทำให้เกิดกิจกรรม “ช่วยหนังไทย” เพราะยิ่งมีเพื่อนมากๆ ก็ยิ่งรู้ว่า ยังมีหนังไทยเก่าๆ อีกมากที่เพื่อนๆ เราชอบและอยากดู.. แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อไม่มีใครทำออกมาขาย.. คำพูดที่ว่า “อยากได้ อยากดู ก็ต้องทำเอง” ยังก้องอยู่ในหัวผมตลอดมา.. มานั่งคิดเล่นๆ ตอนนี้ ตั้งแต่ปี 2528 ที่ผมเริ่มเก็บสะสมวีดีโอหนังไทยเก่าๆ หรือตั้งแต่ปี 2542 ที่ผมและเพื่อนๆ เริ่มหากากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ มาทำดูมาฉายกันเอง.. พวกเราช่วยหนังไทยเก่าๆ มาได้กี่เรื่องแล้ว.. แล้ววันนี้ เราจะหยุดหรือ.. บางคนบอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา.. ผมก็ไม่ว่าอะไร.. เพื่อนๆ บางคนติดตามผมมาตั้งแต่เขียนอยู่ที่เว็บไทยฟิล์ม.. บางคนก็เพิ่งมาเริ่มรู้จักกันใน facebook..แห่งนี้ ผมจำเพื่อนๆ ที่เคยคอมเม้นท์ให้ผมได้ทุกๆ คน.. แม้ทุกวันนี้ เพื่อนบางคนก็หายเงียบหรือหายตัวไป.. บางคนก็เลิกคุยกับผมซะงั้นๆ.. บางคนมาเพราะต้องการรู้เรื่องหนังเพียงไม่กี่เรื่อง พอได้รู้ ได้เห็น ได้ดู แล้วเขาก็จากไป.. ก็ไม่ว่ากัน.. เพราะ ชุมทางหนังไทยในอดีต ชื่อก็บอกว่าแล้วว่าเป็น “สถานี” ย่อมจะต้องมีผู้คนมาและจากไปเป็นของธรรมดา..

พูดถึงเรื่องเพื่อนๆ ที่เคยคอมเม้นท์และเงียบหายไปนั้น.. ผมเองเจอมาเยอะ แต่ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาก็สอนให้เราสงบ..อย่าไปยึดติด..เพราะขนาดเพื่อนบางคนที่แต่ก่อนชอบหนังเหมือนเรา ไปไหนไปกันตลอด แต่พอแต่งงานมีเมีย มีลูก ก็เลิกซะงั้น..บอกว่า เอาเวลาให้กับลูกกับเมีย.. ผมก็งงๆ ว่า.. เออ.. เอ็งแบ่งเวลาไม่เป็นหรือไง.. ความข้อนี้ ทำให้นึกถึงเวลาไปหากากฟิล์มหนัง 16 มม. แล้วเจอกับคำตอบที่ว่า เขาเอาฟิล์มทิ้งหมดแล้ว เผาทิ้งหมดแล้ว พอถามว่า ทำไม.. เขาก็บอกว่า คนสมัยนั้นมันดูถูกคนฉายหนัง 16 มม.จอเล็กๆ ฉายเครื่องหลอด.. เขาก็อาย ไม่อยากให้ใครเห็นอีก ก็จัดการทิ้งซะเลย.. นั่นไงครับ คนเราคิดไม่เหมือนกันนะครับ..ใจจริงผมนั้นเขียนเรื่อง หาหนังให้เพื่อนๆ ดู ให้อ่านทุกๆ วันก็เพราะกลัวยว่า ไม่มี ก็จะลืม.. ใครเคยคุย ใครเคยคอมเม้นท์ ผมอ่าน ผมจำและผมก็อยากให้มาคุยด้วยทุกวันไป..ทีนี้ พอหายหน้าไป ถามว่า คิดถึงไหม ก็ต้องบอกว่า คิดถึง.. แต่บอกตรงๆ ไม่กล้าถามหาครับ.. ได้แต่นั่งรอให้เขากลับมาเองเท่านั้น.. เรื่องมันแปลกตรงที่ว่า ก็มีแต่เพื่อนๆ มาถามนอกรอบกับผมว่า คนนั้นหายไปไหน..โกรธกับผมหรือเปล่า.. ผมก็ตอบได้แต่เพียงว่า ไม่รู้..คือ ไม่รู้ว่า ทำไมเขาหายไป..ไม่รู้ว่า เขาเคืองอะไร เคืองตอนไหน..จู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ..

ทุกวันนี้ นอกจากผมจะต้องเขียน facebook นี้แล้ว ผมยังจะต้องไปเขียนในกระทู้ของเว็บไทยซีเน อีกด้วย  http://www.thaicine.org/board/index.php เหตุที่ไปเขียนก็เพราะเรื่องการตามหากากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ นั่นแหละครับ..พอผมเข้าไปเขียน ก็ได้เจอะเจอกับคนที่ผ่านประสบการณ์การฉายหนัง การพากย์หนังหลายคน.. ตอนนี้ต้องหาเวลาว่างๆ วันเสาร์ วันอาทิตย์ จัดคิวไปพบกับบุคคลเหล่านั้น เขามีเรื่องเล่า มีแหล่งข้อมูลเก่าๆ ของหน่วยฉายหนังยุค 16 มม.อีกเพียบ.. ผมกะว่า จะไปสัมภาษณ์พูดคุยมาให้เพื่อนๆ เราได้ดูกันนะครับ.. ภารกิจ ช่วยหนังไทยที่ว่ามืดมนตอนนี้ก็เพราะว่า เราอาจจะไม่ได้ตัวฟิล์มหนังมาดูกันอีกแล้วเพราะฟิล์มได้เสียหายไปโดยน้ำมือมนุษย์และภัยธรรมชาติเยอะมากครับ.. ล่าสุดก็ของคุณมานิตย์ ที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง.. ผมช้าไปนิดเดียว ฟิล์มก็โดนน้ำหลากผ่านบ้านจนเสียหายหมด...ยังมีอีกหลายแห่งที่เจอกับภัยเช่นนี้.. การช่วยหนังไทยตอนนี้จะเรียกว่า ต้องระดม ต้องเร่งรีบ ก็ว่าได้ครับ ไม่งั้นไม่ทันแน่ๆ
โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ

 


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/Ai_8W8pcVMY?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กุมภาพันธ์ 2014, 20:16:31 โดย ฉัตรชัย ไทยซีเน »


ฉัตรชัย สุวรรณโสภา 
88/1 ม.4 ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120   
E-mail chatchai_suw@hotmail.com    โทร 081-7636195 
ต่อพงศ์ภาพยนต์ ระบบ 35 ม.ม.  ฉัตรชัยภาพยนตร์ กลางแปลงย้อนยุค 16 ม.ม.
ธ.ไทยพาณิชย์  สาขาบิ๊กซีราชบุรี ชื่อบัญชี ฉัตรชัย สุวรรณโสภา  หมายเลขบัญชี  940-202235-1