เวบบอร์ดสำหรับผู้ชื่นชอบระบบการฉายภาพเคลื่อนไหว

ภาพยนตร์ของเรา...การฉายภาพด้วยแผ่นฟิล์ม => ชุมทางหนังไทยในอดีต โดย มนัส กิ่งจันทร์ => ข้อความที่เริ่มโดย: มนัส กิ่งจันทร์ ที่ 25 ธันวาคม 2019, 19:34:48

หัวข้อ: โรงหนังไทยเพ็ชรบูล จังหวัดเพชรบูรณ์ เกิดไม่เคยทันได้เห็นโรงหนังแบบนี้
เริ่มหัวข้อโดย: มนัส กิ่งจันทร์ ที่ 25 ธันวาคม 2019, 19:34:48
        เสียดาย..ผมเกิดไม่เคยทันได้เห็นโรงหนังแบบนี้ (ในจังหวัดบ้านผม)..ภาพนี้ เป็นโรงหนังไทยเพ็ชรบูล จังหวัดเพชรบูรณ์ คนถ่ายตั้งใจถ่ายให้เห็นตัวอาคารเต็มๆ ของโรงหนังซึ่งเป็นโรงหนังไม้ ดูจากภาพแล้ว กำลังขึ้นโปรแกรมฉายหนังไทย 16 มม.เรื่อง สลักจิต (ชนะ ศรีอุบล) ซึ่งเป็นหนังปี 2504 ก็เข้าใจว่า ภาพนี้น่าจะถ่ายราวๆ เกือบปลายปี 2504 แล้วเพราะสมัยก่อน พอหนังหลุดโปรแกรมฉายจากกรุงเทพฯ ก็จะค่อยๆ เดินสายไปฉายยังจังหวัดอื่นๆ เห็นตัวเลข 19-20 บนภาพวาดโฆษณาด้วย หนังก็น่าจะฉาย 2 วัน สมัยก่อน ฉาย 2 วัน อย่างเก่งก็ฉายได้ 4 รอบ แต่บางโรงก็ฉายได้แต่รอบกลางคืน ก็จะเหลือแค่ 2 รอบเท่านั้น..หน้าโรงหนังมีรถเข็นขายผลไม้ ขายขนมอยู่ด้วย..

        เห็นภาพโรงหนังเก่าๆ แบบนี้แล้ว ก็คิดถึงอดีตนะครับ ถ้าเป็นสุรินทร์บ้านผม เขาบอกว่า จะมีโรงหนังไม้อยู่โรงหนึ่งคือ โรงเฉลิมเกียรติ (อยู่ใกล้ๆ สำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์ในปัจจุบัน) แต่ผมคิดว่า ผมทันได้เห็นโรงนี้แค่แป๊บเดียวจริงๆ ยังจำรูปทรงอาคารไม่ได้ด้วยซ้ำไป เขาก็เลิกกิจการไปก่อน จากนั้นสุรินทร์ก็มีโรงหนังลักษณะก่ออิฐถือปูนขึ้นมาแทนอีก 4 โรง จะเป็นโรงหนังติดพัดลม นั่นคือ โรงกรุงชัยราม่า (ต่อมาเปลี่ยนเป็น โรงคาเธ่ย์) โรงหนังศรีสยาม โรงหนังเพชรเกษมและโรงหนังศรีสุรินทร์ (โรงนี้ติดแอร์) เสียดายที่ปัจจุบันยังตามหาภาพถ่ายโรงหนังเก่าๆ ของเมืองสุรินทร์ไม่ได้เลย..สมัยเด็กๆ แต่ละโรงนั้น ผมก็จะตระเวนดูใบปิดและรูปภาพโปรแกรมหนังตลอด..ก็ได้แต่ดูภาพหน้าโรงเท่านั้นแหละครับ ไม่มีเงินที่จะซื้อตั๋วดูหนังกับเขาหรอก แต่ถ้าหนังเรื่องไหนที่อยากดูจริงๆ ก็จะหาเก็บเศษเหล็ก เศษอลูมิเนียมไปขายและก็รวมสตางค์กับเพื่อนไปซื้อตั๋วดู..

        เวลาไปโรงหนัง ผมก็จะชอบไปดูช่างเขาวาดรูปโฆษณาป้ายใหญ่ๆ ที่ติดหน้าโรง ดูแล้วก็นึกอยากจะเป็นช่างวาดรูปอย่างเขาบ้าง ก็มานั่งหัดๆ ที่บ้าน พ่อก็เอ็ดเอาว่า ทำไมไม่อ่านหนังสือเรียน..ช่างวาดรูปทุกคนนี่เขาจะสูบบุหรี่ไป วาดไป เด็กๆ อย่างผมเห็นแล้วก็ไม่รู้ว่า ทำไมเขาต้องสูบ..แต่ความที่ไม่ชอบบุหรี่ด้วยก็เลยคิดว่า เราคงจะเป็นช่างเขียนแบบเขาไม่ได้หรอกเพราะเราไม่สูบบุหรี่...