เวบบอร์ดสำหรับผู้ชื่นชอบระบบการฉายภาพเคลื่อนไหว
ภาพยนตร์ของเรา...การฉายภาพด้วยแผ่นฟิล์ม => ชุมทางหนังไทยในอดีต โดย มนัส กิ่งจันทร์ => ข้อความที่เริ่มโดย: มนัส กิ่งจันทร์ ที่ 29 มีนาคม 2023, 13:00:34
-
เมื่อวานนี้ (28 มีนาคม 2566) พวกเราพากันนั่งรถไฟไปจังหวัดเพชรบุรี ก็กึ่งๆ ไปเที่ยว ไปเปิดหู เปิดตา แล้วก็ไปหา ไปเยี่ยม พี่เล็ก สนั่น พยับพฤกษ์ NaLek Payobpruk เจ้าของบ้านเล่าเรื่องมิตร ชัยบัญชา ที่เคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว ลองไปฟังความรู้สึกลึกๆ เกี่ยวกับการทำบ้านเล่าเรื่องแห่งนี้และก็ถือโอกาสหารือความเป็นไปได้เกี่ยวกับกิจกรรมการเดินสายฉายหนังกลางแปลงมิตร ชัยบัญชา 16 มม. ของพวกเราในพื้นที่เมืองเพชรบุรี ถิ่นกำเนิดพระเอกมิตร ชัยบัญชา
หลังจากพูดคุยกับพี่เล็ก เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็พากันไปไหว้พระที่วัดมหาธาตุวรวิหาร จากนั้นก็คิดว่า จะเดินไปหาของหวานๆ เย็นๆ กินดับร้อนกันสักหน่อย ก็เดินข้ามสะพานใหญ่ ถามเขาไปเรื่อยๆ แล้วก็เผอิญเหลือบมองเห็นตัวอาคารโรงหนังเพชรบุรีรามา ยังอยู่ พี่ธาดา ก็แวะเข้าไปถามพี่ชายท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ร้านขายไก่ทอดเจ๊นี.. ได้เรื่องเลยครับ
แต่สรุปย่อๆ ก็คือว่า พี่ชายท่านนี้มีชื่อเล่นว่า อู๊ด ชื่อจริงว่า นายสมพร รัตนงาม เป็นหลานชายของนายหวน รัตนงาม (น้าชาย) ผู้สร้างหนังไทยในยุค 16 มม. และเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงหนังเพชรบุรีรามาอีกด้วย พี่อู๊ดหรือนายสมพร รัตนงาม นี้ในอดีตเคยเป็นนักพากย์หนัง นามพากย์ว่า “พรเพชร” พากย์คู่กับนักพากย์หญิง “เพียรพันธ์”
เริ่มพากย์หนังมาตั้งแต่อายุประมาณ 18 ปี (ปัจจุบันนี้ อายุ 85 ปีแล้ว) ก่อนจะพากย์หนังนั้นก็เคยเป็นเด็กเก็บกวาดโรงหนัง โฆษกโรงหนัง คนฉายหนังและก็มาเป็นนักพากย์หนัง
สมัยที่โรงหนังเพชรบุรีรามา เปิดกิจการใหม่ๆ นั้น พี่อู๊ดเล่าให้ฟังว่า มิตร-เพชรา พระเอก-นางเอกยอดนิยม ก็เดินทางมาร่วมความแสดงความยินดีด้วยโดยนำภาพถ่ายในหลวง-ราชินี มามอบเป็นของขวัญวันเปิดโรง หนังเปิดโรงฉายด้วยหนัง 16 มม. เรื่อง ตำหนักเพชร (หนังปี 2507 มิตร-เพชรา) ซึ่งสร้างโดย รัตนงามภาพยนตร์ ที่นายหวน รัตนงาม ร่วมสร้างด้วยและพี่อู๊ดหรือ พรเพชร ก็เป็นผู้พากย์หนังเรื่อง ตำหนักเพชร ที่โรงหนังแห่งนี้
พี่อู๊ดเล่าให้ฟังอีกว่า สมัยนั้น เป็นนักพากย์เดินสายพากย์ทั่วประเทศ แล้วแต่ว่า สายหนังจะว่าจ้างให้ติดตามไปพากย์หนังเรื่องอะไร ใช้เวลาเดินสายประมาณ 3 เดือนต่อเรื่อง โดยจะพากย์โรงในเมืองเป็นหลักก่อน ส่วนถ้าเป็นโรงเล็กๆ ก็จะมีนักพากย์อีกชุดหนึ่งเป็นคนพากย์แทน ค่าพากย์หนังสมัยนั้น วันละ 200 บาท นักพากย์หญิงได้ 150 บาท คิดเทียบกับเงินค่าก๋วยเตี๋ยวสมัยนั้น ราคาชามละ 50 สตางค์ถึง 1 บาท
พี่อู๊ด เคยสร้างหนังเองด้วย ก็คือเรื่อง 11 ม.ม. นำแสดงโดย ครรชิต-ลือชัย-อรัญญา ออกฉายโรงในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2515 และสร้างเรื่อง ข้ามาจากสวรรค์ นำแสดงโดย บิณฑ์-สรารัตน์ ออกฉายโรงในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2533
แหม.. น่าเสียดายครับ พี่อู๊ด คุยสนุก แถมมีเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยเกี่ยวชีวิตการเป็นนักพากย์หนังและการสร้างหนังที่ยังเล่าให้ไม่หมด แต่จวนเจียนใกล้เวลารถไฟจะกลับกรุงเทพฯ มาแล้ว พวกเราก็เลยต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ
ส่วนภาพถ่ายป้าย ไก่ทอดเจ๊นี นั้น ผมเห็นว่า แปลกดีครับ ก็เลยถ่ายภาพมาฝาก.. สอบถามพี่นีหรือเจ๊นี ก็เล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนก็เป็นคนขายตั๋วโรงหนังเพชรบุรีรามาและก็เป็นคู่ชีวิตกับพี่อู๊ด สมพร รัตนงาม ด้วย พอมาขายไก่ทอด ช่างวาดภาพก็เลยวาดภาพนี้มาเป็นป้ายโฆษณาร้านให้ ก็ทำสไตล์เหมือนป้ายวาดโฆษณาหนังสมัยก่อนนะครับ