เวบบอร์ดสำหรับผู้ชื่นชอบระบบการฉายภาพเคลื่อนไหว
Show time กิจกรรมยามว่าง แสดงความคิดเห็น ประชาสัมพันธ์และอื่นๆ => คุยกัน..สัพเพเหระ สำหรับ ชาวอนาล็อก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kruchao ที่ 18 กันยายน 2023, 00:48:26
-
ประสบการณ์การเป็นตัวประกันเพื่อป้องกันมิให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องติดเชื้อโควิดเพิ่มมากขึ้น...!!!!
เหตุเกิดเมื่อพี่สาวเราซึ่งป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และกระดูกทับเส้น เกิดอาการน๊อคน้ำตาล เมื่อพบแพทย์ครั้งที่สองพบก้อนเนื้อที่เต้านม จึงส่งเอ็กซเรย์ พบอีกว่ามีเงาดำคล้ายก้อนเนื้อในปอด หรืออาจเป็นสิ่งผิดปกติในปอดที่ยังไม่สามารถสันนิษฐานได้ชัดเจน นอกจากนั้นยังพบอาการไอแห้ง ๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึ่งเป็นอาการของโรควัณโรค ต้องเก็บเสมหะ 3 วัน เพื่อตรวจสอบเชื้อ และนัดส่งเข้าเครื่องสแกนเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบสภาวะมะเร็งทั้งที่เต้านมและปอด ในวันที่ 15 กันยายน 2566
เหตุการณ์พลิกผันเกิดขึ้น เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด อยากเล่าต่อ แต่คงจะยาวเกินไป..ขอเล่าเป็นตอน ๆ ไป
ละกันนะครับ..ขออภัยถ้าหากเป็นการรบกวน และขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้..!!!
ตอนนี้นั่งนอนอยูในห้องกักโรค..หายไปจากเฟสหลายวันก็ด้วยเหตุฉะนี้นี่เองแล
-
ประสบการณ์การเป็นตัวประกันเพื่อมิให้บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น (ตอนที่ 2)
วันนี้ เป็นวันที่ 6 แล้วที่ต้องนั่งเครียดอยู่ในห้องกักโรค..ดีหน่อยที่ผู้ป่วยอาการดีขี้นและเราจะได้รับการตรวจว่าเราจะติดเชื้อจากผู้ป่วยไหม ทำให้หลงแอบคิดเอาเองว่าเราน่าจะได้กลับบ้านแล้ว..
หลังจากกลับมาจากการตรวจพบเชื้อหลายโรคแล้ว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงต่างพากันมาแสดงความห่วงไยจนผู้ป่วยแทบไม่ได้พักผ่อน เราแอบปลื้มว่าพี่สาวเราเป็นที่รักของหลายคน ที่ไหนได้วันรุ่งขึ้นเท่านั้นก็เป็นเรื่อง เมื่ออาการความดันสูงกำเริบต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง และสุดช๊อคเมื่อพยาบาลในห้องฉุกเฉินแจ้งว่าติดเชื้อโควิด ต้องเร่งส่งตัวเข้าห้องกักโรคอย่างเร่งด่วน
งานเข้าซ้ำสองเมื่อพยาบาลบอกว่าต้องมีคนเฝ้าผู้ป่วยหนึ่งคน สภาวะนั้นนึกไม่ออกว่าจะมีใคร ปกติคู่เวรคู่กรรมของเราเป็นคนดูแลผู้ป่วยมาตลอด ทั้งที่สุขภาพของเขาก็ย่ำแย่อยู่แล้ว จะให้เฝ้าผู้ป่วยโควิดอีกคงจะเสี่ยงเกินไป สุดท้ายราต้องยอมรับสภาพแบบงง ๆ
เรา พยายามผลักประตูกระจกเข้าไปในห้องกักโรค แต่ไม่สำเร็จ ยอมรับว่ามึนงง สับสน นี่เขาจะให้คนปกติที่ไม่ได้ติดเชื้อ
ต้องนั่งเฝ้านอนเฝ้าอยู่ร่วมห้องเดียวกันกับผู้ป่วยเลยหรือนี่..เห็นว่าใช้เวลาในการให้ยาต้านเชื้ออย่างน้อยที่สุด 5 วัน เต็ม..ยอมรับว่า กลัว มึน งง และ เครียด..แต่เมื่อมองไม่เห็นทางเลือกก็ต้องทำใจสู้ เพราะถึงอย่างไรก็คือพี่สาวคนเดียวของเรา
อยากเล่าต่อ..แต่มันคงจะยาวเกินไป ขอยกไปตอนหน้า ถ้าเบื่อหรือเห็นว่าไม่มีสาระอะไร ก็ต้องขออภ้ยนะครับ และขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ครับ
-
ประสบการณ์การเป็นตัวประกันความเสี่ยงเพื่อมิให้บุคลากร ทางการแพทย์ติดเชื้อโควิดเพิ่มมากขึ้น (ตอนที่ 3)
วันนี้ เป็นวันที่ 7 แล้วที่ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องกักโรค ผิดหวังที่ผู้ป่วยยังมีผลเป็นบวกอยู่ คงต้องอยู่ต่ออีกหลายวัน
สภาพจิตในตอนนี้ดูจะทำใจได้มากขึ้น ภารกิจประจำที่ต้องทำคือเทฉี่ผู้ป่วย เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน แพมเพิร์ส ป้อนอาหาร น้ำ ดูจะคล่องแคล่วมากขี้นแม้จะยังไม่เรียบร้อยนัก ต่างจากสภาพเมื่อเข้ามาวันแรก ต้องตั้งสติอยู่นานว่าจะทำยังไงดีล่ะหว่า...!!!
งานเข้าเมื่อเราเผลอหลับไป ผู้ป่วยนอนดิ้นไปมาจนสายน้ำเกลือหลุดน้ำเกลือไหลนองเปียกเสื้อผ้าที่นอน ตัดสินใจโทรขอความช่วยเหลือจากเบอร์ที่เขาแจ้งให้ทราบในวันแรก ปลายสายบอกวิธีให้เสียบสายน้ำเกลือเข้าที่เดิม เขาบอกเราว่าเขาไม่อาจเข้ามาอยู่่ในห้องได้นาน ๆ ต้องรอพยาบาลเวรเปลี่ยนเสื้อและที่นอนเปียกในตอนเช้าเพราะหากมีสายน้ำเกลือหลุดอีก ก็คงต้องเข้ามาช่วยอีกทั้งคืน
เราหยุดการสนทนา ไม่รู้จะหาคำพูดใดมาขอร้องเขา เสียงเขายังเจื้อยแจ้วอยู่ ในสาย เราวางสายเสียในตอนนั้น แล้วลงมือหาทางแก้ปัญหาเอาเอง ยืนงงอยู่เป็นครู่ รื้อหาอุปกรณ์ที่พอมีติดตัวผู้ปวยมาในวันแรก
เขาคงเห็นสภาพน่าเวทนาของเราจากกล้องวงจรปิด เขารีบเข้ามาพร้อมกับชุดผ้าปูที่นอน และเสื้อผ้าชุดใหม่ พร้อมกับจัดการภารกิจเจ้าปัญหาอย่างรวดเร็ว
พร้อมร้องบอกให้เราช่วยดึงผ้าปูให้ด้วย
เราได้แต่คิดในใจว่า ขนาดเข้ามากันสองคนยังต้องร้องหาคนช่วย แล้วเราคนเดียวทำเองมันจะทุลักทุเลและทุเรศสักปานใด
จุดประสงค์ที่อยากจะเล่าเพียงแค่อยากบอกประสบการณ์ไว้สำหรับท่านที่อาจจะประสบกับภาวะการติดเชื้อ ซึ่งจริง ๆ แล้วคงไม่มีใครอยากจะติด แต่ในทุกวันนี้เราไม่รู้เลยว่าคนที่เดินผ่านเราไปมาจะมีคนไหนบ้างติดเชื้ออยู่
เล่ามาน่าจะยาวแล้ว ขอไปต่อในตอนหน้านะครับ