เวบบอร์ดสำหรับผู้ชื่นชอบระบบการฉายภาพเคลื่อนไหว

Show time กิจกรรมยามว่าง แสดงความคิดเห็น ประชาสัมพันธ์และอื่นๆ => แสดงความคิดเห็นและอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Sutham ที่ 11 พฤศจิกายน 2013, 23:12:11

หัวข้อ: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutham ที่ 11 พฤศจิกายน 2013, 23:12:11
สวัสดีครับ

      ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
 
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1109
 
“โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)

Mr. Coffee : ได้ยินว่าการฉายหนังในระบบฟิล์ม ฟิล์มถึงชุดสามารถจัดฉายได้หลายโรง ทำได้จริงหรือไม่และทำอย่างไร
 คุณหนุ่ม : จริงครับ ฟิล์ม 1 ชุดสามารถฉายได้หลายโรง และโรงภาพยนตร์ที่มีหลายโรงในสถานที่เดียวกันก็ทำแบบนี้ทุกที่
 
Mr. Coffee : ฟิล์ม 1 ชุดที่เคยจัดฉายได้สูงสุดกี่รอบต่อวัน
 คุณหนุ่ม : โดยปกติตามความเข้าใจทั่วไป ฟิล์ม 1 ชุด น่าจะจัดฉายได้ในดรงเดียวได้ประมาณ 6-7 รอบต่อวัน (เช้าถึงดึก) แต่ ผมสามารถจัดให้ฉายได้มากถึง 20รอบต่อวัน โดยมีการส่งฟิล์มวิ่งไปฉายต่อที่โรงอื่น
 
Mr. Coffee : แล้วในด้านการสึกหรอของฟิล์ม จะมีเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน
 คุณหนุ่ม : แน่นอน ฟิล์มก็จะช้ำง่ายกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแล roller ของเครื่องฉายที่ใช้ฉาย อาจเป็นปัญหาบ้างที่รอยต่อของม้วน
 
Mr. Coffee : แสดงว่าเป็นข้อดีของระบบฟิล์ม ใช่หรือไม่เพราะระบบดิจิตอลทำแบบนี้ไม่ได้
 คุณหนุ่ม : ตรงนี้ขออธิบายรายละเอียดทางเทคนิกนิดนึงนะครับ ถ้าเป็นโรงที่ฉายด้วยระบบฟิล์ม เรานำฟิล์มมา 1 copy สามารถนำมาฉายหลายโรงได้อย่างที่กล่าวมา ปั่นรอบเพิ่มได้ แต่ถ้าเป็นโรงที่ฉายด้วยระบบดิจิตอล จะมี Server ที่มี Serial Number ของแต่ละเครื่องแต่ละโรง ในการเอาหนังมาโหลด ไฟล์หนังถูกเข้ารหัสไว้ ไม่สามารถฉายได้จนกว่าจะได้ รับรหัส ซึ่งรหัสจะถูกสร้างขึ้นเฉพาะเครื่อง server แต่ละเครื่อง ไม่สามารถนำไปใช้กับเครื่องอื่นๆได้ เป็นเรื่องของระบบความปลอดภัยครับ ดังนั้นแม้ไฟล์หนังจะหลุดออกไปก็ไม่สามารถนำไปเปิดใช้ได้ครับ โดยข้อดีของระบบดิจิตอลคือ ไม่ต้องพิมพ์ฟิล์มซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูง และถึงแม้จะฉายไปหลายรอบก็ไม่เกิดความสึกหรอไม่ลายครับ

Mr. Coffee : ขออนุญาตกลับมาที่ระบบฟิล์ม ในหนัง 1เรื่อง ฟิล์มจะถูกแบ่งเป็นกี่ส่วน
 คุณหนุ่ม : ส่วนใหญ่ฟิล์ม 1 ม้วน(รีล) จะยาวประมาณ 15-20 นาที โดยจะส่งมาเป็นรีล หนัง 1 เรื่องก็จะส่งมาประมาณ 6-8 รีล โดยจะใช้วิธี โรงที่ฉายโรงแรก จะฉายรีลที่ 1 ก่อน พอจบ ก็รีบกรอ แล้วนำไปฉายในโรงถัดไป ขณะนั้น โรงที่ 1 ก็ฉายรีลที่ 2 แล้ว แต่ถ้าในโรงหนังที่มีห้องฉายจากศูนย์กลาง ก็จะมีระบบ Loop โดยฟิล์มก็จะไหลขึ้นไปตามราง ไปที่เครื่องฉายของแต่ละโรง ส่วนช่วงที่ไม่ได้ฉายก็จะมีฟิล์ม dummy หมุนรอไปก่อน ทำเป็น roller วิ่งหากันเลย แต่ของผมไม่ได้ใช้ระบบนั้น เพราะโรงหนังของผมไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้ระบบนั้นตั้งแต่ครั้งแรก ก็ใช้คนวิ่งแทน ซึ่งก็ทำรอบได้ดีหรืออาจจะมากกว่าระบบ roller ด้วยซ้ำไป แต่ของผมจะต้องใช้พนักงานฉายหนังมากกว่าระบบ Loop

Mr. Coffee : ทำไม่หนัง Hollywood ที่ฉายในต่างจังหวัด ถึงเป็นแบบพากย์ไทย เป็นเรื่องปกติหรือความนิยมหรืออื่นๆ
 คุณหนุ่ม : เป็นเรื่องปกติและความนิยม ทางเราเคยพยายามสร้างกลุ่ม soundtrack นำหนัง soundtrack มาฉาย แต่คนดูน้อยครับ คงเป็นที่คนไม่อยากอ่าน subtitle ฟังไม่ออกก็ต้องอ่าน คนดูก็อยากฟังสบายๆมากกว่า วัฒนธรรมมาแบบนี้ ในอีสานที่เห็นว่าฉายหนัง soundtrack ได้มีแค่ที่ขอนแก่นที่เดียว จริงๆระบบฟิล์ม มีทั้งแบบ soundtrack และพากย์ไทย ให้เลือกอยู่แล้ว แต่ระบบดิจิตอลในช่วงแรกๆไม่มีพากย์ไทย แต่ปัจจุบันก็มีแล้ว เท่าที่เคยทดลองนำ soundtrack มาฉาย จำนวนคนดูจะต่างกันหลายเท่า
 
Mr. Coffee : ที่กรุงเทพฯ ถ้าดูจากรอบฉาย ดูเหมือนว่าพากย์ไทยจะได้รับความนิยมน้อยกว่า
 คุณหนุ่ม : จริงๆที่จังหวัดใหญ่ๆหรือแหล่งท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต ก็จะมี soundtrack ให้เลือกชมได้ ที่จริงอาจจะเกิดจากตั้งแต่สมัยก่อนสมัยคุณพ่อของผมดูหนังที่กรุงเทพฯ ก็มีแต่ soundtrack ไม่มีพากย์ไทย น่าจะเป็นที่วัฒนธรรมมาแบบไทย ที่ต่างจังหวัดเริมฉายแบบพากย์ไทย ก็ดูพากย์ไทยกันมาตลอด ถ้าจะเปลี่ยน คงจะลำบาก
 
Mr. Coffee : ทิศทางการพัฒนาและปรับตัวของเครือเนวาด้า ให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นระบบดิจิตอล หรือ 3D
 คุณหนุ่ม : ก็แน่นอน จริงๆเทคโนโลยีการฉายหนังด้วยระบบดิจิตอล มีเข้ามาไทยประเทศไทยหลายปีมากๆแล้ว แต่ในสมัยก่อนนั้นราคาจะสูงมาก ในยุคแรกพูดกันในระดับ 10 ล้านบาทต่อโรง ผมเคยเช็คราคาเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ก็ยังอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาทต่อโรง และในขณะนั้น ความแตกต่างของระบบฟิล์มและดิจิตอลในดู ยังแทบไม่แตกต่างกัน และดิจิตอลก็มี 3D (สามมิติ) ขึ้นมาเพื่อสร้างความแตกต่าง แต่หลังจากนั้นก็มีระบบที่ช่วยเหลือโรงภาพยนตร์ที่ยังใช้ฟิล์มฉายอยู่ขึ้นมาคือระบบ  Technicolor 3D (เป็น 3D ระบบฟิล์ม) ซึ่งผมได้นำระบบนี้มาฉายตอนที่ Tranformer : Dark of the Moon ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถือว่าคุ้มค่าถึงแม้จะลงทุนเยอะก็ตาม และในช่วงปี 2554-2555 ก็มีหนังที่ใช้ระบบ Technicolor 3D หลายเรื่อง แต่ในปี 2556 แทบไม่มีฉายแล้ว
 
Mr. Coffee : เพราะอะไรหนังในระบบ Technicolor 3D ถึงลดจำนวนลง
 คุณหนุ่ม : ก็น่าจะเกิดจากสภาวะของโลก ที่ผู้ผลิตฟิล์มเริ่มทำธุรกิจต่อไปไม่ไหว  ยักษ์ใหญ่อย่าง Kodak ประกาศปิดตัวลง ฟิล์มหายากขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น อันที่จริงก็มีความพยายามให้เปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิตอลกันมานานแล้ว
 
Mr. Coffee : แล้วปัจจุบันทางเนวาด้ามีโรงที่ฉายในระบบดิจิตอลแล้วหรือยัง? ถ้ามีแล้วผลตอบรับเป็นอย่างไร
 คุณหนุ่ม : มีครับ ในเครือตอนนี้มี 5 โรง โดยเป็นแบบเครื่องฉายคู่คือ ฟิล์ม 1 เครื่อง ดิจิตอล 1 เครื่อง เพราะปกติโรงของผมจะมีเครื่องฉาย 2 เครื่องอยู่แล้ว เพราะสมัยก่อนระบบฟิล์มจะใช้การฉายด้วยเครื่องฉายคู่สลับม้วนฟิล์มกัน แต่หลังๆพัฒนามาจนเหลือเพียงเครื่องเดียว เพราะการตัดต่อจะไม่สะดุดแบบใช้ 2 เครื่อง ข้อดีของดิจิตอลก็แน่นอนคือ หนังไม่ลาย จะฉายไปกี่สัปดาห์ก็ไม่มีลาย ส่วนในด้านความสว่างไม่ต่างกัน แต่หลอดฉายของฟิล์มจะราคาถูกกว่าหลอดฉายในระบบดิจิตอล 2-3 เท่า ในขณะที่อายุการใช้งานนานกว่า ดังนั้นต้นทุนของระบบดิจิตอลจะแพงกว่าในด้านอุปกรณ์ แต่ง่ายกว่าในด้านการฉาย ตั้งเครื่องครั้งเดียว ไม่ต้องทำอะไรอีกเลย ม่านปิดเปิดเอง ไฟหรี่เองสว่างเอง เป็นระบบ automation
 
Mr. Coffee : ในอนาคต โรงภาพยนตร์จะต้องฉายในระบบดิจิตอลทั้งหมดหรือไม่
 คุณหนุ่ม : แน่นนอน เพราะ ณ วันนี้ ค่ายหนังหลายค่ายแจ้งแล้วว่าจะยกเลิกระบบฟิล์ม เช่น 20th Century Fox ได้แจ้งมาแล้วว่า ตั้งแต่หนังเรื่อง Percy Jackson: Sea of Monsters ที่กำลังจะเข้าฉาย เป็นเรื่องแรกที่จะไม่มีระบบฟิล์มให้เลือกอีกแล้ว เลิกฟิล์มแล้ว ส่วนค่ายอื่นๆก็แจ้งมาแล้วว่าจะมีการยกเลิกฟิล์มเช่นกัน บางค่ายก็ Quarter แรกของปี 2014 บางค่ายก็ Quarter ที่ 2 ของปี 2014 หนัง Hollywood ผมเชื่อว่าปีหน้าหมด แต่หนังไทยอาจจะยังมีอยู่
 
Mr. Coffee : แบบนี้โรงภาพยนตร์ชั้น 2ลำบากแน่
 คุณหนุ่ม : ใช่ครับ ถ้าไม่ปรับตัวแย่แน่นอน
 
Mr. Coffee : อีก 10 ปีข้างหน้าโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัดจะต้องปรับตัวอย่างไร
 คุณหนุ่ม : ก็ต้องปรับตัว เครือหนังค่ายใหญ่ก็จะขยายเข้ามามากขึ้น ต้องยอมรับสัจธรรมและความเปลี่ยนแปลงให้ได้ เรื่องระบบดิจิตอลมาแน่ๆ
 
Mr. Coffee : ปัจจุบันเครือเนวาด้ามีโรงภาพยนตร์ทั้งหมดกี่แห่งและกี่โรง
 คุณหนุ่ม : มี 4 แห่ง อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด สกลนคร และอุดรธานี อุบลฯมี 7 โรง ร้อยเอ็ดและสกลนครมีที่ 3 โรง อุดรฯมี 8 โรง รวมทั้งหมดก็ 21 โรง โรงดิจิตอลมีที่อุบลฯ 3 โรง และอุดรฯ 2โรง ต้นทุนต่อการปรับเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลต่อ 1 โรงประมาณ 2-3 ล้านบาท
 
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Thawatchai ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 00:16:28
อ่านจบ เลย 2 ตอน  ;D
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: rocket man ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 09:56:19
มาแน่ๆล่ะดิจิตอล...นายแน่มากๆ... ;D
ขอบคุณข้อมูลดีๆ...
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: สถิตย์ บุตรน้อย ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 10:15:43
เพื่อการนําเสนอที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งภาพและเสียง
ต้นทุนในการเปลี่ยนอาจจะมากซักหน่อย
เทคโนโลยี ต้องก้าวไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
แฝงด้วยความแยบยลทางธุรกิจ บริษัทต้องอยู่รอด
สุดท้าย...มันก็คือการพักผ่อนครับ......
ชอบก็เสพ ไม่ชอบก็เฉยๆ ไม่มีการต่อต้าน หรือสวนกระแส
ผมชอบฟิล์ม เพราะผมเกิดในยุคฟิล์มเฟื่องฟู ก็แค่นั้นเอง
ขอบคุณท่านสุธรรม กับบทสนทนาดีๆ ครับ...............
(ยิ่งมีน้อยเจตนารมย์กลุ่มเรายิ่งชัดเจนครับ)
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutham ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 10:19:43
 ;D ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: พุ่มโพธิ์ฟิล์มทอง ภาพยนตร์ จ.อํานาจฯ ที่ 13 พฤศจิกายน 2013, 22:14:09
 ;D ;D ;Dอยู่ในช่วงยุคเปลี่ยนผ่าน
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: สถิตย์ บุตรน้อย ที่ 14 พฤศจิกายน 2013, 11:45:29
แค่ไหน ก็คงแค่นั้นครับ เอาแค่เอื้อมถึง
โลกอนาคต...เปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้ง
ส่วนหนึ่งผมถือว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย
เสพได้เท่าที่จําเป็นครับ...............
มหรสพไทยๆก็ต้องดูแลเช่นกันครับ
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: สถิตย์ บุตรน้อย ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 09:18:09
อยู่แบบพอเพียง ครับ
ไขว่คว้าเท่าที่มีแรงเอื้อมถึง
เทคโนโลยีใหม่ในระยะนี้...น่าจะเหมาะ
กับกลุ่มธุรกิจโรงภาพยนตร์ซะมากกว่า
กลุ่มคนรักหนังแบบเรา...คงได้แค่นั่งดูกระแส คงได้แค่นั้นจริงๆครับ
จะไปลงทุนอย่างเขา แค่คิด ก็พอแล้วกระมัง คงไม่มีปัญญาซื้อแน่(ผมนะ)
ฉายหนังเท่าที่มีปรินท์ฟิล์มออกมา ก้ฉายกันจนแก่แล้ว............................
หนังใหม่หาดูที่ไหนก็ได้ สารพัดสื่อ แต่หนังเก่านี่สิ........................
(ตามเทคโนโลยี ตามจนตายตรับ...ก็เราเป็นผู้ตามงัย)
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: แพมมี่ ภาพยนตร์ ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 10:34:51
 :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
สังเกตุไหมว่า.....

หนังเกือบทุกเรื่องที่มันไม่ทำฟิล์มแล้ว....
โลโก้ หรือว่า ไตเติ้ล ชื่อบริษัท ที่ขึ้นหัวเรื่อง..ทำไมมันยังใช้คำว่า " Film " อยู่...
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutham ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 10:49:21
:-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
สังเกตุไหมว่า.....

หนังเกือบทุกเรื่องที่มันไม่ทำฟิล์มแล้ว....
โลโก้ หรือว่า ไตเติ้ล ชื่อบริษัท ที่ขึ้นหัวเรื่อง..ทำไมมันยังใช้คำว่า " Film " อยู่...
สงสัยเป็นคำไว้อาลัยมัง ;D ;D
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: นายเค ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 11:16:42
ต้นทุนต่อการปรับเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลต่อ 1 โรงประมาณ 2-3 ล้านบาท  แพงน่าดู  น่าสัก 2-3 แสน จะมาทำที่บ้านสักโรง
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutham ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 11:45:12
ต้นทุนต่อการปรับเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลต่อ 1 โรงประมาณ 2-3 ล้านบาท  แพงน่าดู  น่าสัก 2-3 แสน จะมาทำที่บ้านสักโรง
เอาเลย รับสมัครพนักงานบอกด้วยนะ ;D
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: rocket man ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 14:05:28
:-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
สังเกตุไหมว่า.....

หนังเกือบทุกเรื่องที่มันไม่ทำฟิล์มแล้ว....
โลโก้ หรือว่า ไตเติ้ล ชื่อบริษัท ที่ขึ้นหัวเรื่อง..ทำไมมันยังใช้คำว่า " Film " อยู่...
สงสัยเป็นคำไว้อาลัยมัง ;D ;D
film , flick แปลว่า ภาพยนตร์ ....
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: สถิตย์ บุตรน้อย ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 15:56:45
สุดท้ายก็คงมาจบที่"ขายของใหม่ กําไรเยอะๆ ต้นทุนตํา เป็นเทคโนโลยีใหม่"
เตะเข้าประตูตัวเองทั้งนั้น ผมมองว่ามันเป็นประมาณนี้นะ.....................
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: พุ่มโพธิ์ฟิล์มทอง ภาพยนตร์ จ.อํานาจฯ ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 17:33:25
 ;D ;D ;Dเขาถ่ายทํ่ําด้วยระบบฟิล์มแต่ก็มาถ่ายเทลง ดิจิตอลไม่ปริ้นฟิล์มเพราะง่ายดี ;D ;D ;D
:-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
สังเกตุไหมว่า.....

หนังเกือบทุกเรื่องที่มันไม่ทำฟิล์มแล้ว....
โลโก้ หรือว่า ไตเติ้ล ชื่อบริษัท ที่ขึ้นหัวเรื่อง..ทำไมมันยังใช้คำว่า " Film " อยู่...
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: MECHAICINEMA49 ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 17:56:30
สุดท้ายก็คงมาจบที่"ขายของใหม่ กําไรเยอะๆ ต้นทุนตํา เป็นเทคโนโลยีใหม่"
เตะเข้าประตูตัวเองทั้งนั้น ผมมองว่ามันเป็นประมาณนี้นะ.....................
;D กําไรเยอะๆ ต้นทุนตํา  ธุรกิจหลายอย่าง
หัวข้อ: Re: ม็อคค่าปาท่องโก๋ : “โรงหนังภูธร” ในยุคเปลี่ยนผ่าน (ตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: พุ่มโพธิ์ฟิล์มทอง ภาพยนตร์ จ.อํานาจฯ ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 19:29:38
ใช่ครับๆต้นทุนตํ่าแต่กําไรเยอะ ;D ;D ;D
สุดท้ายก็คงมาจบที่"ขายของใหม่ กําไรเยอะๆ ต้นทุนตํา เป็นเทคโนโลยีใหม่"
เตะเข้าประตูตัวเองทั้งนั้น ผมมองว่ามันเป็นประมาณนี้นะ.....................
;D กําไรเยอะๆ ต้นทุนตํา  ธุรกิจหลายอย่าง