ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าวประกาศ:
ครั้งแรกของ มิตร ชัยบัญชา ตำนานพระเอกตลอดกาลบนจอ
Netflix
‘มนต์รักนักพากย์’
เตรียมออกเดินทางไล่ล่าหาความฝันไปกับรถเร่ขายยาคันนี้ได้ใน
มนต์รักนักพากย์ วันที่ 11 ตุลาคมนี้ พร้อมกันบน Netflix
กว่า 190 ประเทศทั่วโลก
•
กำกับโดย:
นนทรีย์ นิมิบุตร
•
นำแสดงโดย:
ศุกลวัฒน์ คณารศ (รับบท มานิตย์), หนึ่งธิดา โสภณ (รับบท เรืองแข), จิรายุ ละอองมณี (รับบท เก่า), สามารถ พยัคฆ์อรุณ (รับบท ลุงหมาน)
หน้าแรก
เว็บบอร์ด
ช่วยเหลือ
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เวบบอร์ดสำหรับผู้ชื่นชอบระบบการฉายภาพเคลื่อนไหว
»
ภาพยนตร์ของเรา...การฉายภาพด้วยแผ่นฟิล์ม
»
ชุมทางหนังไทยในอดีต โดย มนัส กิ่งจันทร์
(ผู้ดูแล:
นายเค
,
ฉัตรชัยฟิล์มshop
,
มนัส กิ่งจันทร์
) »
บทที่ 457 หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เมขลา (2510 สมบัติ-พิศมัย-ภาวนา)
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: บทที่ 457 หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เมขลา (2510 สมบัติ-พิศมัย-ภาวนา) (อ่าน 702 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นายเค
Thaicine Movie Team
Moderator
พี่น้อง thaicine Gold member
กระทู้: 3814
พลังใจที่มี 616
เพศ:
บทที่ 457 หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เมขลา (2510 สมบัติ-พิศมัย-ภาวนา)
«
เมื่อ:
25 ธันวาคม 2013, 23:00:14 »
บทที่ 457
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ
เมขลา (2510 สมบัติ-พิศมัย-ภาวนา)
โดย มนัส กิ่งจันทร์
(facebook 23 ธันวาคม 2556)
สวัสดีครับทุกท่าน..หลังจากที่ผมและเพื่อนๆ พากันเดินทางไปเยี่ยมคุณโอ เทพมงคล คุณอุ้ย ธวัชชัย ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 5-6 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมานั้น นอกจากที่พวกเราจะไปทดลองฉายแปลงสัญญาณกากฟิล์ม 35 มม.แล้ว ขากลับผมยังได้ยืมกากฟิล์ม 16 มม.กลับมากรุงเทพฯ อีก 7 ม้วนสั้นๆ เป็นฟิล์มหนังที่คุณโอคุณอุ้ยบอกว่า ได้มานานแล้ว แต่ยังไม่เคยฉายดูให้จบม้วนสักที ผมก็เลยลืมกลับมาฉายเพื่อแปลงสัญญาณไว้ ก็พบว่า กากฟิล์มจำนวน 7 ม้วนนั้น แยกเป็นหนังไทยเก่าๆ 5 ม้วน 3 เรื่องและที่เหลืออีก 2 ม้วน จะเป็นหนังข่าว หนังสารคดีและหนังจีนกำลังภายใน
สำหรับวันนี้ โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ ขอเสนอฉายหนัง 16 มม.พากย์สดๆ จากกากฟิล์มที่พวกเรายืมมาคุณโอคุณอุ้ย ในเรื่อง เมขลา นำแสดงโดย สมบัติ-พิศมัย-ภาวนา-อดุลย์-ชุมพร-จุฑารัตน์-ประภาศรี-ล้อต๊อก-สมพงษ์-ดาวน้อย.. สร้างโดย บางกอกภาพยนตร์ โดย วิชิต โรจนประภา เป็นผู้อำนวยการสร้าง.. กำกับการแสดงโดย เชิด ทรงศรี ออกฉายครั้งแรกวันที่ 14 กันยายน 2510 ที่โรงหนังเอ็มไพร์..และก็หายสาบสูญไปเลย สมัยนั้นก็ต้องเรียกว่า เป็นหนังดังเหมือนกันเพราะมีเป็นครั้งแรกๆ ที่ เชิด ทรงศรี กำกับเองทั้งเรื่อง หนังเรื่องนี้สร้างหลังจาก โนห์รา เรื่องแรกของ เชิด ทรงศรี ออกฉายในปี 2509 นะครับ..
ทีแรกก็เข้าใจว่า เราจะหมดโอกาสได้เห็นหนังเรื่องนี้อีกแล้วเพราะหายสาบสูญ ไร้ร่องรอย แม้แต่ทายาทของผู้สร้าง ก็ไม่มีฟิล์มเหลือ แต่โชคดีก็เป็นของพวกเราครับเพราะคุณโอกับคุณอุ้ย ไปได้ฟิล์มเรื่องนี้มาม้วนสั้นๆ ตอนได้มาก็ยังไม่รู้หรอกว่า จะเป็นหนังเรื่องอะไร ได้มา ก็ยังไม่เคยฉายดู กระทั่งผมเริ่มทำ โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ กับโครงการช่วยหนังจากกากฟิล์ม คุณโอคุณอุ้ย ก็บอกว่า หากมาขอนแก่น แล้วแวะที่บ้านหน่อย มีฟิล์ม 16 มม.จะให้ยืมไปเข้าโครงการฯ เมื่อผมนำฟิล์มมาฉายดูแล้ว วัดความยาวได้ 23 นาที..
และรู้ว่า เป็นหนังเรื่องนี้ครับ..แต่เนื่องจากเป็นหนังไม่มีเสียงพากย์ ผมเลยต้องใส่เสียงบรรยายและเปิดเพลงเอกของเรื่องคือ เพลง เมขลา ร้องโดย สวลี ผกาพันธ์ เพลง จากกันอย่าลา ร้องโดย ลินจง บุนนากรินทร์ ที่น้องเจ ธนภัทร บัวเบา ให้ยืมมาครับ.. เมขลา นั้น ผมไม่มีเรื่องย่อ..กากฟิล์มที่ได้มาเป็นม้วนจบและสภาพฟิล์มมีรอยลอกๆ เพราะโดนความชื้น แต่ก็พอดูได้ครับ..
คลิกดูได้เลย..
หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เมขลา (2510 สมบัติ-พิศมัย-ภาวนา)
......................
คุณ MrUmnuay ซึ่งเป็นสมาชิกดูในหนังของพวกเราใน ยูทูป เขียนเรื่องย่อ เมขลา ไว้ให้ดังนี้ ครับ..
ภาพยนตร์ เมขลา พิศมัย แสดงเป็นหญิงชาวญี่ปุ่นชื่อ มิสุโกะ (ไม่แน่ใจ) พบรักกับนายทหารหนุ่มชาวไทย (อดุลย์) ซึ่งไปราชการในญี่ปุ่น จนกระทั่งให้กำเนิด
ลูกสาวชื่อเมขลา (ภาวนา)
ต่อมาอดุลย์ต้องเดินทางกลับประเทศไทย จึงได้นำเมขลากลับมาก่อน และจะให้พิศมัยตามมาในภายหลัง แต่พิศมัยโชคร้ายถูกสารกัมมันตรังสีจากระเบิดปรมานูที่อเมริกาทิ้งลงที่ฮิโร ชิม่า จนทำให้เสียโฉม เมื่อเดินทางตามอดุลย์มาถึงเมืองไทย พบว่าอดุลย์แต่งงานใหม่และมีลูกสาวอีกคน ทั้งเมียใหม่และลูกสาวพยายามกลั่นแกล้งเมขลาอยู่เสมอ เพราะอิจฉาที่พระเอกในเรื่องคือ สมบัติ แสดงความสนใจต่อเมขลามากกว่าน้องเลี้ยง พิศมัยสำนึกในความอัปลักษณ์ของตนจึง ไม่กล้าแสดงตัว แต่ก็พยายามปกป้องเมขลาอย่างสุดชีวิต
จนกระทั่งวันหนึ่งน้องเลี้ยงของเมขลาคนพบหลักฐานว่า หญิงหน้าตาอัปลักษณ์คือแม่ของเมขลา จึงจะนำหลักฐานไปเปิดโปงเพื่อประจานเมขลา พิศมัยพยายามยื้อแย่งหลักฐานจนเกิดพลั้งมือทำให้น้องเลี้ยงของเมขลาเสีย ชีวิต เมื่อขึ้นศาลทุกอย่างจึงเปิดเผย ทั้งเมขลาและอดุลย์ต่างแสดงความรักต่อพิศมัย และไม่รังเกียจในความอัปลักษณ์ แม้แต่ภรรยาใหม่ของอดุลย์ก็เข้าใจในความรักและเสียสละเพื่อลูก และทราบดีถึงความร้ายกาจของลูกตนเอง จนกระทั่งศาลตัดสินให้พิศมัยพ้นจากความผิด อดุลย์จึงได้ติดต่อศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดมาทำการผ่าตัดเปลี่ยนโฉมให้พิศมัย กับมาสวยงามดั่งเดิม และพ่อแม่ลูกก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข พระเอกนางเอกได้แต่งงานกัน
ขอบคุณ
คุณSongsing Danphayak
มากๆ ครับ ผมเองก็ดูรอบแรกตอนใส่เสียงบรรยายนั่นแหละครับ..เพิ่งมาดูใหม่เมื่อสักครู่ ก็เห็นเป็นอย่างที่คุณบอกจริงๆ ผู้ตายโดนไม้ขัดเสียบประตูจริงๆ ไม่ใช่มีด ครับ..ไม้ขัดเสียบประตูนี้ สมัยก่อนเขาใช้แทนกลอนประตูครับ บางบ้านก็ใช้เป็นมีดดาบ มีดอีโต้ บางบ้านก็ใช้เป็นไม้แต่ปลายแหลมๆ เผื่อว่าไว้ป้องกันตนเองด้วยครับ..
ด้วยเหตุนี้ พอมีการแย่งไม้กัน ก็เลยอาจพลาดไปโดนปลายไม้ที่แหลมคมก็ได้ครับ.. เดี๋ยวบางท่านจะงงๆ ว่า ทำไมตายง่ายจังเลย อันนี้ ต้องเข้าใจธรรมเนียมประเพณีสมัยก่อนด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ..ส่วนเรื่องที่ตั้งของ ศาลแขวงพระนครเหนือ นั้น คุณพุทธพร ส่องศรี นำลิงค์มาให้อ่านแล้วนะครับ..พออ่านแล้วก็แสดงว่า สมัยนั้น เอาแค่ช่วงหนังถ่ายทำปี 2509 ก่อนนะครับ เข้าใจว่า ศาลในกรุงเทพฯ จะมี ศาลอาญา ศาลแพ่ง ศาลแขวงพระนครเหนือ ศาลแขวงพระนครใต้ ศาลแขงธนบุรี (ศาลทางฝั่งธนบุรี ยังไม่ได้เช็คข้อมูลนะครับ)..
แสดงว่า ช่วงปี 2509 ศาลแขวงพระนครเหนือ อยู่ในตั้งเดียวกับศาลยุติธรรมที่สนามหลวง ซึ่งสมัยนั้นจะมีศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ศาลอาญา ศาลแพ่ง อยู่ในที่ตั้งเดียวกัน..
แต่สำหรับศาลแขวงพระนครเหนือ นั้น เมื่อดูในหนังจะเป็นป้ายศาลแขวงพระนครเหนือ ซึ่งน่าจะเป็นป้ายจริงๆ แต่พอสังเกตุว่า เวลาเดินเข้าไปในศาลจะเหมือนตัวศาลมีการยกพื้นขึ้นด้วยนิดหน่อย ดูทางเข้าแล้ว หน้าตาคล้ายกับทางขึ้นศาลคดีเด็กและเยาวชน ที่อยู่ใกล้ๆ กันนะครับ.. ที่ผมสงสัย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมเองเ้ข้ากรุงเทพฯมาเมื่อปลายปี 2524 แต่มีโอกาสไปเห็นที่ตั้งของศาลต่างๆ ก็ราวปลายปี 2527 ตอนนั้นก็เห็นแต่ศาลอาญา ศาลแพ่ง ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ไม่เคยสังเกตเลยว่า ศาลแขวงพระนครเหนือ อยู่ตรงไหน..มารู้อีกทีก็เห็นมีการตั้งศาลแขวงดุสิต อยู่แถวๆ เทเวศร์ แล้ว (ถ้าอ่านจากลิงค์จะเห็นว่า ศาลแขวงพระนครเหนือเคยเช่าอยู่ตรงนี้เหมือนกัน) ส่วนศาลแขวงพระนครใต้ นั้น เคยเป็นตอนเป็นตึกเช่าที่ถนนเจริญกรุง เลยแยกตัดถนนจันทน์ไปนิดเดียว อยู่ซ้ายมือจากบางรักไป..
จากนั้นก็เป็นอาคารใหญ่สร้างใหม่ติดๆ กับโรงแรมแม่น้ำ เลยจากที่เดิมไปนิดหน่อย..ส่วนศาลทางย่านฝั่งธนบุรีนั้น เห็นครั้งแรกก็อยู่แถวๆ วัดสิงห์ บางขุนเทียน แล้วครับ..
คลิกดูได้เลย..
หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เมขลา (2510 สมบัติ-พิศมัย-ภาวนา)
หนังไทยคงเหลือ เมขลา 2510 สมบัติ ภาวนา พิศมัย
บันทึกการเข้า
สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120 E-Mail
soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า หมายเลขบัญชี 210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์ สาขา บางเขน หมายเลขบัญชี 041-273435-0
ติดต่อ 0909040355
ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
เวบบอร์ดสำหรับผู้ชื่นชอบระบบการฉายภาพเคลื่อนไหว
»
ภาพยนตร์ของเรา...การฉายภาพด้วยแผ่นฟิล์ม
»
ชุมทางหนังไทยในอดีต โดย มนัส กิ่งจันทร์
(ผู้ดูแล:
นายเค
,
ฉัตรชัยฟิล์มshop
,
มนัส กิ่งจันทร์
) »
บทที่ 457 หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เมขลา (2510 สมบัติ-พิศมัย-ภาวนา)