บทที่ 74
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ กังหันสวาท (2517 มิตร-เพชรา) และภาพนิ่ง 11 รูป
โดย มนัส กิ่งจันทร์ (facebook 20 พฤษภาคม 2556) สวัสดีครับ.. วันนี้
“โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ” จึงขอเสนอฉาย หนังมิตร ชัยบัญชา อีกเรื่องนะครับ
เป็นหนังที่ถ่ายทำไว้ตั้งแต่ปี 2512 ก่อนที่มิตร ชัยบัญชา จะเสียชีวิต แต่เมื่อมิตร ชัยบัญชา เสียชีวิต ผู้สร้างก็หยุดสร้างไปนานและมาถ่ายซ่อมเสร็จ จึงนำออกฉายในปี 2517 นั่นคือเรื่อง
กังหันสวาท.. เป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มที่คุณโต๊ะพันธมิตรและผมไปได้ฟิล์มหนังมาเมื่อ 14 ปีที่แล้ว..
ครั้งนั้น พวกเราออกเดินไปเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2542 ไปครั้งนี้บอกตรงๆ ว่า ไปอย่างมืดแปดด้านเพราะไม่มีการยืนยันข่าวประกอบกับคุณโต๊ะแกกำลังเซ็งๆ กับงานพากย์หนังด้วย ก็เลยชวนผมไปนั่งรถเที่ยวเล่นหาฟิล์มหนังกันดีกว่า.. พอใกล้จะถึงโคราช คุณโต๊ะก็โทรหาคนชื่อ ยืด ซึ่งเป็นสายส่งหนังในปัจจุบันเพื่อเช็คเรื่อง คนที่เก็บฟิล์มหนังว่านั้นอยู่บ้านแถวไหน.. จะได้ไปหา แต่คุณยืดก็บอกว่า เดี๋ยวจะพาไปหาเอง..
เราออกรถจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ ก็เลยคิดว่า เดี๋ยวเข้าตลาดโคราชไปหาข้าวปลากินก่อน แล้วจึงจะเข้าไปหาคุณยืด.. ระหว่างขับรถตระเวนหาร้านอาหารแปลกๆ กินเพราะคุณโต๊ะชอบกินของแปลกๆ หรือของพื้นเมือง.. สายตาก็เหลือบไปเห็นป้าย ชื่อบริการพยงค์ภาพยนตร์.. ก็เลยหยุดรถและเข้าไปลองสอบถามดูว่า พอจะมีฟิล์มหนังอะไรเหลือบ้างไหม.. คนที่เราคุยด้วย ทราบชื่อภายหลังว่า “สุรินทร์” เป็นคนดูแลบริการหนังแห่งนี้..ตอนนั้น เราพุ่งเป้าไปที่ฟิล์มหนัง 16 มม. เป็นหลัก คุณโต๊ะถามถึงข่าวเรื่องฟิล์มหนัง เกียรติศักดิ์ทหารเสือ-เห่าดง..แต่คุณสุรินทร์ก็บอกว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยได้ยิน ถ้ามีเขาต้องรู้.. ทีแรกเราก็คิดว่าเป็นเช่นนั้นเพราะอายุแกก็ไล่ๆ กับคุณโต๊ะ.. แต่พอแกบอกว่า พ่อแกเป็นสายส่งหนังรายใหญ่ของโคราช ส่งมาตั้งแต่หนัง 16 มม. ขณะที่คุยกันนั้น สายตาคุณโต๊ะก็มองไปเห็นใบปิดหนังไทยเรื่อง กังหันสวาท มิตร-เพชรา แปะอยู่ในร้าน... เลยถามถึงแป๊ะย้ง..ที่เรารู้ว่าเคยสร้างหนังเรื่อง กังหันสวาท แกก็บอกว่า เป็นเตี่ยแกเอง.. และยังไม่ตาย ส่วนพยงค์ที่พิษณุโลกก็เป็นญาติกันด้วย..มาถึงตอนนี้คุณสุรินทร์เลยบอกว่า ไม่เอาหนัง 16 มม.เรื่องอื่นๆ บ้างหรือ..เราก็เลยถามว่า ยังเก็บอยู่หรือ มีเรื่องอะไรบ้าง คุณสุรินทร์ก็พาเดินไปดูกระเป๋าใส่ฟิล์มหนังที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ผมรื้อออกมาเรียงๆ กันจึงเห็นชื่อเรื่องว่ามีเรื่อง พระอภัยมณี-นางสาวโพระดก-ลูกผู้ชายชื่อไอ้แผน-สันดานดิบ.. เราก็เปิดฟิล์มดู ว่า ยังใช้ได้หรือไม่ ก็เห็นว่ายังสภาพดี ใช้ได้.. แต่ราคานั้นต่างคนต่างลังเลใจอยู่ว่า จะตั้งกันยังไงเพราะคุณสุรินทร์บอกว่า เป็นฟิล์มของเตี๋ยซึ่งไม่ได้อยากจะขาย.. ระหว่างคุยกันนั้น คุณโต๊ะก็พูดเปรยๆ ว่า เสียดาย กังหันสวาท ไม่มีฟิล์มแล้ว..คุณสุรินทร์ก็โพล้งออกมากลางคันว่า ใครบอก..คุณโต๊ะก็บอกว่า คนที่กรุงเทพฯบอกว่า ฟิล์มเสียหมดแล้ว..คุณสุรินทร์เลยบอกว่า ฟิล์มยังเก็บอยู่ที่ตึกแถวที่บ้านแก 4-5 ก๊อบปี้..พวกเราก็ตกใจ.. จริงหรือ...จริง ยังเก็บอยู่จริง..คุณสุรินทร์ยืนยันเพราะตอนนั้นพิมพ์ออกมา 4-5 ก๊อบปี้ พอฉายโรงในกรุงเทพฯ เสร็จ ก็ออกเร่ต่างจังหวัดและนำฟิล์มกลับคืนมาเลย ไม่ได้ขายให้ใครเพราะกระแสมิตร ชัยบัญชาตกไปแล้ว (ฉายปี 2517)... คุณโต๊ะก็หูผึ่งเลยคราวนี้ จะขอไปดูฟิล์มก่อน..คุณสุรินทร์ก็บอกว่า ต้องไปบอกเตี๋ยกัน.. เราก็เลยไปหาเตี่ยคุณสุรินทร์ซึ่งก็เป็นบริการพยงค์ ภาพยนตร์อีกแห่งหนึ่ง แต่เป็นตึกใหญ่กว่า.. พอเตี่ยคุณสุรินทร์ทราบเรื่อง ก็เริ่มบอกราคาขายพร้อมลิขสิทธิ์เพราะเขาเป็นคนสร้างเอง... แรกๆ ก็เริ่มจากเป็นหลายแสนบาทเพราะจะให้ฟิล์มไปเลย 5 ก๊อบปี้..ก็มีการต่อรองว่า ขอฟิล์มก๊อบปี้เดียว ลดราคาให้หน่อย.. แรกๆ ก็ยากครับ..จนเราต้องเบรกการคุยเพราะเรายังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลย.. เราขอ ตัวไปกินข้าวก่อนแล้วจะกลับมาคุยกันต่อ.. พอกินข้าวเสร็จ ก็เริ่มเจรจากันใหม่.. คุณโต๊ะจับทางเตี่ยคุณสุรินทร์ได้เพราะเป็นคนสร้าง หนังเอง ทันทีที่รู้ว่า คุณโต๊ะเป็นคนนำหนังเรื่อง อัศวินดาบกายสิทธิ์ ไปฉายวันมิตรที่เฉลิมกรุง และถ้าได้ฟิล์มกังหันสวาทนี้ ก็จะเอาไปฉายเฉลิมกรุงอีกเช่นกัน..จึงเริ่มใจอ่อน..และยอมลดราคาให้ในที่สุด... จากนั้นเราก็เจรจาซื้อฟิล์ม 16 มม.ทั้งหมดนั้นด้วย...สุดท้าย คุณสุรินทร์ก็พาพวกเราไปเอาฟิล์มกังหันสวาทที่เก็บอยู่ที่ตึกแถวข้าง บขส.โคราช...พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ พวกเราตกใจเลยครับเพราะข้างในมีฟิล์มหนัง 35 มม.อยู่อีกเป็นหลายสิบๆ เรื่อง.. ผมมองและจำรายชื่อต่าง ๆ นั้นและรีบจดไว้ทันที... ส่วนคุณโต๊ะก็เข้าไปในอีกห้องหนึ่ง ไปดูกระเป๋าฟิล์มหนังกังหันสวาท ก็นับได้ 5 ก๊อบปี้ เปิดกระเป๋าดู ก็เห็นว่า ฟิล์มยังดีอยู่ แต่เริ่มมีกลิ่นน้ำส้มเปรี้ยวบ้างแล้ว... ตอนนั้น เราไปรถเก๋งคันเดียว ครั้นจะขนฟิล์ม 35 มม.มาอีก 10 กระเป๋า ก็ไม่มีที่ใส่แน่ๆ คุณสุรินทร์ก็เลยไปหารถเช่าให้ ได้เป็นรถปิคอัพเล็กๆ คันหนึ่ง บอกเขาว่า ขนฟิล์มเข้ากรุงเทพฯ ภารกิจอื่นๆ ที่เราคิดไปทำนั้นเป็นอันยกเลิก... ผมเป็นคนนั่งอยู่ท้ายรถกระบะ ดูแลฟิล์มหนัง..พอขนฟิล์มออกจากตึกแถวได้เท่านั้น กลิ่นน้ำส้มเริ่มออกทันที..ตลอดเวลาที่นั่งรถจากโคราชเข้ากรุงเทพฯ ผมต้องเปิดกระเป๋าฟิล์มเพื่อระบายกลิ่นเหม็นๆ จนถึงกรุงเทพฯ.. จากนั้นคุณโต๊ะก็เป็นคนลงมือกรอฟิล์มทุกก๊อบปี้ แต่ก็พบว่า มีชุดหนึ่งที่ข้างในเป็นหนังเรื่องอื่น ระหว่างที่กรอฟิล์มดูนั้นก็พบว่า ฟิล์มช่วงในๆ ม้วน มีความเสียหายมาก บางม้วนเหนียวติดกันฉายไม่ได้แล้ว...คุณโต๊ะถึงกับตกใจเพราะหากเป็นแบบนี้ ทุกก๊อบปี้ ก็มีหวังหนังจะฉายไม่ได้เลยครับ..แต่โชคดีก็ยังคงเป็นพวกเราเพราะมีฟิล์มชุดหนึ่งที่เด็กหนังขี้เกียจกรอคือ ฉายหนังแล้ว ไม่ยอมกรอฟิล์มกลับ..ทำให้เราได้ฟิล์มชุดนี้มาซ่อมในส่วนที่มีการกรอฟิล์มกลับ.... ฟิล์มหนัง 4 ชุดที่ได้มา พอเจอปัญหานี้ เมื่อตัดต่อแล้ว ก็เลยได้มาแค่ชุดเดียว... คุณโต๊ะนำฟิล์มชุดเดียวนี้ไปเทเลซีนเป็นเทปเก็บไว้ ก่อน.. ส่วนฟิล์มจริงๆ ก็รอวันที่จะฉายในงานมิตร ชัยบัญชา ปี 2543 และวันนั้นก็มีการผลิตวีซีดีออกมาจำหน่ายด้วย.. กังหันสวาท นำแสดงโดย มิตร-เพชรา-มิสมากาเรต หลิน-ไกร-สมชาย..สร้างโดย พยงค์ภาพยนตร์ โดย พยงค์ จันทรมัส เป็นผู้อำนวยการสร้าง..กำกับการแสดงโดย เนรมิต ออกฉายครั้งแรกวันที่ 2 สิงหาคม 2517 ที่โรงหนังแมคเคนน่า... วันนี้ ก็เลยย่อๆ มาให้ดูนะครับเพราะนี่ก็คือ อีกหนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ กังหันสวาท ปี 2517 คลิ๊กดูได้เลยครับ.. ดูภาพเพิ่มเติม...https://www.facebook.com/media/set/?set=oa.156807417832657&type=1
