ชื่อไทย : เดอะ ฮอบบิท : สงคราม 5 ทัพ
วันที่เข้าฉาย : 18 ธันวาคม 2557
แนวหนัง : ดราม่า,แอ็คชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี
ผู้กำกับ : ปีเตอร์ แจ็คสัน
นักแสดง : มาร์ติน ฟรีแมน, ออแลนโด้ บลูม, เอียน เม็คเคลเลน, อีแวนเจลีน ลิลลี่, ริชาร์ด อาร์มิเทจ
สร้างโดย : New Zealand / USA
จำหน่ายโดย : วอเนอร์ บราเดอร์ส (F.E.) Warner Bros. Pictures
เรื่องย่อ The Hobbit : The Battle of the Five Armies การผจญภัยของ บิลโบ แบ็กกินส์ (มาร์ติน ฟรีแมน) ธอริน โอเคนชิลด์ (ริชาร์ด อาร์มิเทจ) และเหล่าคนแคระที่ทวงคืนบ้านเกิดจาก มังกรสมอว์ก (เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์) ซึ่งพวกเขาได้ปลุกพลังอันชั่วร้ายขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สมอว์กโกรธแค้นและได้พ่นไฟทำร้ายมนุษย์ทั้งหญิงชายและเด็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ในเมืองทะเลสาบด้วยความเดือดแค้น ด้วยความต้องการที่อยากจะไปทวงคืนทรัพย์สมบัติ ธอรินยอมเสียสละมิตรภาพและเกียรติยศ เพื่อใส่ร้ายว่าบิลโบมีแผนชั่วที่หวังจะฮุบสมบัติไว้เอง ทำให้บิลโบต้องเดินหน้าต่อไปท่ามกลางความรุนแรงและภัยอันตรายอย่างไร้ทางหลีกเลี่ยง ทว่ากลับมีอันตรายที่โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจาก พ่อมดแกนดัล์ฟ (เอียน แมกเคลเลน) ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซอรอน ได้เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์คเพื่อแอบซุ่มโจมตีที่หุบเขาเดียวดาย การต่อสู้ของพวกเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ บรรดาคนแคระ พวกเอลฟ์ และมนุษย์ต้องเลือกว่าจะร่วมมือกันหรือยอมถูกทำร้าย ชีวิตการต่อสู้ของบิลโบและเพื่อนๆ ของเขาต้องอยู่ในสงคราม 5 ทัพอันยิ่งใหญ่ เมื่ออนาคตของมิดเดิลเอิร์ธต้องอยู่บนความสมดุล เกร็ดจาก The Hobbit: The Battle of Five Armies - นักแสดงหลายคนเก็บอุปกรณ์การแสดงกลับบ้านไปด้วยหลังจากถ่ายทำเสร็จ อาทิ มาร์ติน ฟรีแมน ผู้สวมบท บิลโบ เก็บดาบและหูปลอมของตัวเองกลับไป ริชาร์ด อาร์มิเทจ ผู้รับบท ธอริน นำดาบออร์คริสต์กลับ ส่วน ลี เพซ ผู้รับบท ธรันดูอิล นำดาบเอล์ฟไป
- แม้ว่า เคต บลันเชตต์ ผู้สวมบท กาลาเดรียล จะปรากฏตัวในภาพยนตร์ The Hobbit ทั้ง 3 ภาค แต่ เคต ใช้เวลาเพียง 8 วันในการถ่ายทำเท่านั้น
- การถ่ายทำภาพยนตร์สองภาคแรกจบลงเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2012 ใช้เวลาถ่ายทำ 266 วัน แต่เมื่อตัดสินใจแบ่งภาพยนตร์ออกเป็น 3 ภาค จึงมีการถ่ายทำฉากที่เพิ่มขึ้นมาในปี 2013
- เอียน โฮล์ม ผู้รับบท บิลโบ วัยชรา และ คริสโตเฟอร์ ลี ผู้สวมบท ซารูมาน ถ่ายทำฉากของตัวเองในสตูดิโอไพน์วูดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพราะปัญหาสุขภาพของทั้งคู่ทำให้ไม่สามารถบินมาถ่ายทำในประเทศนิวซีแลนด์
- กวางเอลก์ที่ ธรันดูอิล ที่รับบทโดย ลี เพซ ขี่นั้นแสดงโดยม้าที่ชื่อว่า มูส
- เดิมทีมีแผนจะสร้างภาพยนตร์ The Hobbit แค่เพียง 2 ภาค โดยภาพยนตร์ภาคที่ 2 จะใช้ชื่อตอนว่า There and Back Again แต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2012 มีการตัดสินใจว่าจะขยายภาพยนตร์เป็น 3 ภาค จึงเก็บชื่อดังกล่าวไว้ใช้เป็นชื่อภาคสุดท้าย อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนเมษายน 2014 ผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ๊กสัน ประกาศว่าชื่อตอนสุดท้ายจะเป็น The Battle of the Five Armies สื่อถึงสงครามที่เป็นเหตุการณ์สำคัญของภาพยนตร์


ภาคสุดท้ายปิดตำนาน The Hobbit
The Hobbit The Battle of the Five Armies น่าจะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่คนทั้งโลกรอคอยการปิดตำนานสุดยิ่งใหญ่ของหนังแฟนตาซีมหากาพย์การผจญภัยของบิลโบ้ อันที่จริงแล้วภายหลังจากการที่ปีเตอร์ แจ็คสัน ได้พัฒนาฮอบบิทมาจวบจนภาคล่าสุดแล้ว อันที่จริงก่อนหน้านี้ตัวหนังที่ตั้งชื่อเอาไว้ว่า There and Back Again มาก่อน ซึ่งดูจะไม่เข้าท่าสำหรับสำหรับหนังไตรภาค ซึ่งอันที่จริงนั้นชื่อแบบเก่าเป็นเช่นนั้นเพราะตัวแจ็คสันเองเคยตั้งใจไว้ว่า The Hobbit จะสร้างแค่เพียงสองภาคเท่านั้น และเมื่อมีภาคที่สามตามออกมาชื่อล่าสุดที่ตั้งจึงถูกเลือกใช้ The Hobbit The Battle of the Five Armies บอกเล่าเหตุการณ์ศึกสงครามครั้งใหญ่จากห้ากองทัพ ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณใกล้กับเทือกเขาเดียวดาย (Lonely Mountain) ซึ่งฉากต่อสู้น่าจะเป็นเหตุการณ์ไคลแมกซ์ของเรื่อง และเอาเข้าจริงๆแล้วชื่อ There and Back Again น่าจะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งตอนที่ตัวหนังวางจำหน่ายในรูปแบบออกโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์บอกซ์เซตที่รวมเอาเหตุการณ์ทั้งสามภาคเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์เดิมของ เจ.อาร์ อาร์. โทลคีน เคยบอกไว้ว่า There and Back Again คือการรวบรวมเรื่องราวการเดินทางทั้งหมดของบิลโบ้ The Hobbit The Battle of the Five Armies จะเล่าเรื่องในโทนหนังที่มืดหม่นซีเรียสจริงจังมากกว่าสองภาคที่ผ่านมา ตัวหนังจะเต็มไปด้วยการสูญเสียของตัวละคร และสิ่งที่สำคัญที่สุดของหนังภาคนี้คือการที่มันจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมเรื่องราวทั้งหมดไปยังเรื่องราวของ The Lord of The Ring ด้วยนั่นเอง ความสำเร็จของแฟรนชาย์ชุดนี้เมื่อมองดูตัวเลขรายได้ที่หนังสามารถเก็บเกี่ยวมาทั้งหมดนั้น The Hobbit:An Unexpected Journey สามารถโกยรายได้ในบ้านเกิดไปถึง 303 ล้านเหรียญ เก็บในตลาดโลกอีก 714 ล้านเหรียญ รวมทั้งสิ้น 1017 ล้านเหรียญ , The Hobbit:The Desolation of Smaug สามารถโกยรายได้ในบ้านเกิดไปถึง 258 ล้านเหรียญ เก็บในตลาดโลกอีก 700 ล้านเหรียญ รวมทั้งสิ้น 958 ล้านเหรียญ ส่วนภาคสุดท้าย The Hobbit The Battle of the Five Armies จะทำรายได้รวมเท่าไหร่นั้น ช่วงต้นปีหน้าเมื่อปิดท้ายการฉายหนังแล้วเราคงรู้กันว่าหนังจะทำเงินสูงที่สุดในไตรภาคมนุษย์แคระหรือเปล่า