ชื่อไทย : วันเดอร์ วูแมน
ปีที่เปิดตัว : 2560
เข้าฉายในไทย : 1 มิถุนายน 2560
นำแสดง : Gal Gadot, Connie Nielsen, Chris Pine
กำกับโดย : Patty Jenkins
เขียนโดย : Allan Heinberg, Zack Snyder, Jason Fuchs, William Moulton Marston
ประเภท : Action / Adventure / Fantasy / Sci-Fi
เรต : PG-13
สร้างโดย : USA
จำหน่ายโดย : Warner Bros.
เรื่องย่อ Wonder+Woman กัล กาดอท (Gal Gadot) กลับมาสวมบท วันเดอร์วูแมน ในอภิมหาการผจญภัยจากฝีมือของผู้กำกับ แพ็ตตี้ เจนกินส์ (Patty Jenkins) โดยก่อนที่เธอจะเป็น วันเดอร์วูแมน เธอคือ ไดนาอ่า เจ้าหญิงแห่งอเมซอนที่ถูกฝึกฝนให้เป็นนักรบไร้เทียมทาน ซึ่งระหว่างเติบโตบนเกาะสวรรค์อันโดดเดี่ยว เธอได้พบกับนักบินชาวอเมริกันที่ขับเครื่องบินมาตกริมชายหาด โดยเขาเล่าถึงความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกภายนอก จนในที่สุดไดอาน่าตัดสินใจออกเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอน เพราะเชื่อว่าตัวเองสามารถหยุดยั้งภัยคุกคามต่าง ๆ ได้ ซึ่งในสงครามที่เธอต่อสู้เคียงข้างเหล่ามวลมนุษย์ ไดอาน่าจะค้นพบพลังเต็มรูปแบบและโชคชะตาที่แท้จริงของเธอ

Wonder Woman เป็นเรื่องราวของ ไดอาน่า (รับบทโดย กัล กาดอต) เจ้าหญิงแห่งเทอมิสกีร่า เธอและชนเผ่าอาศัยอยู่บนเกาะห่างไกลและถูกปกป้องไว้จากโลกภายนอก จนกระทั่งวันหนึ่งที่เครื่องบินของชาวอเมริกันบินมาตกในบริเวณใกล้เคียง กัปตันสตีฟ เทรเวอร์ (รับบทโดย คริส ไพน์) จึงกลายเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ย่างกร่างเข้าสู่ดินแดนพิเศษแห่งนี้ การมาถึงของสตีฟทำให้ไดอาน่าได้รับรู้ถึงการต่อสู้อันรุนแรงที่โลกภายนอก เธอจำต้องตัดสินใจละทิ้งบ้านเกิดเพื่อออกไปหยุดยั้งภัยสงครามร่วมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ในนาม Wonder Woman
เรียกได้ว่าเป็นปฐมบทอีกหน้าหนึ่งของค่าย DC ที่เราจะได้เห็นฮีโร่ผู้หญิงเป็นตัวละครหลักในการกอบกู้โลก ซึ่งภาพยนตร์ Wonder Woman ได้ทำหน้าที่หลัก ๆ อยู่ 2 ประการด้วยกัน คือ 1.) บอกเล่าประวัติที่มาที่ไปของ Wonder Woman และ 2.) ปูทางไปสู่ภาพยนตร์ Justice League
ในภาพยนตร์ ผู้ชมจะได้เห็นตัวละครฮีโร่สาวผ่านมุมมองของผู้กำกับเพศหญิง ทั้งในมุมมองแบบเหมารวม (ผู้ชายทั้งโลก) ในช่วงต้นเรื่อง ก่อนที่เธอจะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากมนุษย์เพศชาย (พระเอกนั่นแหละ !) ส่งผลให้ภาพยนตร์มีอรรถรสแบบ Coming of Age ที่ตัวละครจะมีพัฒนาการทางความคิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผสมผสานกับฉากต่อสู้สุดระห่ำ นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายของหนังเทพปกรณัม หนังโรแมนติก หนังดราม่า เจือปนด้วยความอีโรติกนิด ๆ ในบางฉาก (ซึ่งก็เล่าผ่านกระบวนการคิดแบบผู้หญิงอีกเช่นกัน)
โดยรวมภาพยนตร์ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหดหู่จากภัยสงครามซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ การแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและการปรับตัว จนบางครั้งเราอาจต้องละทิ้งความเชื่อเดิม ๆ เพื่อรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นก็ตาม
จุดเด่น– ตัวละครมีพัฒนาการทางความคิดอย่างสมเหตุสมผล ทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร
– ฉากต่อสู้มีความตื่นตาตื่นใจ ภาพที่ตัดต่อออกมามีความสวยงามด้วยจังหวะการเล่าเรื่องและแสงสี
– พล็อตเรื่องมีความแปลกใหม่ ไม่ยึดติดกับสูตรสำเร็จแบบหนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่ใช้วิธีการนำเสนอแบบ Coming of Age นอกจากนี้ยังไม่บ่อยนักที่ภาพยนตร์จะชูตัวละครเอกฝ่ายหญิงในฐานะฮีโร่ผู้ปกป้องโลก และมีพลังเหนือเพศชาย
จุดอ่อน– ตัวหนังมีความผสมปนเปของภาพยนตร์หลาย ๆ แนว ซึ่งอาจทำให้แฟนหนังที่คาดหวังการต่อสู้อันดุเดือดรู้สึกเบื่อหน่ายได้เล็กน้อย
– คอสตูมในเรื่องไม่ได้เน้นโชว์เนื้อหนังของนางเอก…ผู้ชมหนุ่ม ๆ ที่อยากเห็นความเซ็กซี่ของเธออาจจะไม่อิ่มอกอิ่มใจเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตาม…ในหนังมีฉากเอาใจสาว ๆ ด้วยนะ !
และขอบอกด้วยความหวังดีว่า…ภาพยนตร์มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงควรเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ เพื่อจะได้ไม่เสียอรรถรสระหว่างการชมทั้งของตนเองและผู้อื่น และอย่างไรก็ตาม…ภาพยนตร์ไม่มีเนื้อเรื่องหลัง End Credit ชมภาพยนตร์จบแล้วสามารถลุกได้เลย (หรือใครอยากจะนั่งชมเครดิตทีมงานก็ไม่ว่ากันนะ)