วัตถุประสงค์หนึ่งที่ผมเปิดกลุ่ม "ชุมทางหนังไทยในอดีต"

[มนัส กิ่งจันทร์]

         วัตถุประสงค์หนึ่งที่ผมเปิดกลุ่ม "ชุมทางหนังไทยในอดีต" ขึ้นมาก็เพราะอยากจะฟังเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับหนังไทยเก่าๆ ยิ่งถ้าได้ฟังจากตัวดาราหรือผู้สร้างผู้กำกับหรือผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับหนัง ก็จะยิ่งดี วันนี้ กลุ่มเราโชคดีมากๆ ที่คุณ ภิญโญ ปานนุ้ย ดาราหนังในช่วงปี 2518-2530 ได้เข้ามาเล่าอดีตให้พวกเราฟัง..จึงขอต้อนรับท่านด้วยภาพแรกๆ ของท่านบนแผ่นฟิล์ม จากเรื่อง คุณครูคนใหม่ ผลงานการสร้างของ สีบุญเรืองฟิล์ม กำกับการแสดงโดย พันคำ ฉายครั้งแรกวันที่ 17 ตุลาคม 2518 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง ครับ..

https://www.facebook.com/100004039405744/videos/1827965357348093/?t=24

วีดีโอยุคนั้น นิยมซูมหนังให้เต็มจอโทรทัศน์ จึงทำให้ภาพด้านซ้ายและขวาขาดหายไป..

[มนัส กิ่งจันทร์]

บทความจาก facebook @ภิญโญ ปานนุ้ย

ผู้มีพระคุณ
ผู้มีพระคุณต่อชีวิตผมมีมากมายหลายท่านทั้งที่เป็นบุคคลและสถานที่ครับ อย่างเคยเรียนไว้บ้างแล้วว่าผมเป็นเด็กจากชนบทหากไม่มีวัดและได้รับความเมตตาจาก"หลวงพ่อ"คงไม่มีโอกาสได้เข้ามาเรียนหนังสือเพื่อหาความก้าวหน้าของชีวิตในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรได้หรอกครับ เพราะผมไม่มีเถือกเถาเหล่ากอในเมืองเทวดานี้เลยครับ มีโอกาสจะเขียนเล่าเรื่องสมัยเป็น"เด็กวัด"สู่กันฟังมีทั้งสนุกตื่นเต้นเศร้าเคล้าน้ำตา..ฮา สำนวนโฆษณาหนังไทยในอดีตครับ แต่ขอคุยเอาไว้ก่อนนะ เด็กวัดรุ่นผมเมื่อออกจากวัดไปประกอบอาชีพ มีทั้ง นักการเมืองระดับชาติที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องยกย่องจารึกชื่อท่านเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย ผู้พิพากษา อธิบดี ผู้ว่าราชการ รอง.ผวจ.นายอำเภอ นายพลทหาร/ตำรวจ อัยการ นายธนาคารและอีกหลายอาชีพรวมทั้ง"โจร"ครับ หากFCให้กำลังใจมา
แต่วันนี้ผมจะเขียนถึงบุคคลผู้พระคุณที่ท่านให้โอกาสผมเกิดเป็นนักแสดงในวงการบันเทิงคือ"คุณอาพร้อมสิน สีบุญเรือง"หรือที่คนทั้งประเทศรู้จักท่านในนามชื่อ"พันคำ"ท่านเป็นผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ เป็นนักแสดงที่มีความสามารถ เป็นนักพากษ์และแปลบทภาพยนต์ต่างประเทศเป็นผู้บุกเบิกการพากษ์ฯก็ไม่ผิดครับ ที่สำคัญที่คนในวงการบันเทิงยกย่องให้ความเคารพมากคือความเป็น"สุภาพบุรุษ"ของท่าน ท่านได้รับรางวัลเกียรติยศมากมาย ผมจะเล่าต่อพรุ่งนี้นะครับ คอยติดตามให้กำลังใจกันนะครับ

[มนัส กิ่งจันทร์]

ผู้มีพระคุณ(ตอน2)
        ตอนที่แล้วผมทิ้งท้ายไว้ว่าผมขออนุญาตเรียกสรรพนามท่านว่า"อาพร้อม"ตามที่ผมเคยเรียกตลอดมานะครับ ท่านได้รับราววัลเกียรติคุณมากมายคือพระสุรัชวดีทอง(ตุ๊กตาทองคำ)ถึง3ครั้ง จากสาขาการลำดับภาพยอดเยี่ยมจากเรื่อง"เกล็ดแก้ว" จากสาขาการพากษ์ยอดเยี่ยม2ครั้งจาก"วนาลี"และ"สายเลือด สายรัก"และรางวัลสุพรรณหงห์ทองคำ2ครั้งในฐานะผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับยอดเยี่ยม ถือได้ว่าอาพร้อมเป็นปูชณียบุคคลที่ทรงคุณค่าของวงการหนังไทยท่านหนึ่งครับ

        ผมมีโอกาสได้แสดงหนังที่ท่านกำกับเท่าที่จำได้ประมาณ4เรื่องเรื่องแรก คุณครูคนใหม่ กิเลศคน สวัสดีคุณครูและไอ้แก่นซึ่งเป็นหนังนอกสังกัดสีบุญเรืองฟิล์มครับ อาพร้อมเป็นสุภาพบุรุษอารมณ์ดีมีความเป็นศิลปินที่ควรยกย่องไม่เคยมีอารมณ์ฉุนเฉียวในการกำกับฯท่านจะใช้วิธีอธิบายบุคลิกภาพนิสัยอารมณ์ตัวละครแต่ละคนในแต่ฉากตอนอย่างละเอียดเพื่อผู้แสดงที่สวมบทบาทตัวละครนั้นๆได้จินตนาการสร้างอารมณ์ในการแสดงและท่านจะคอยควบคุมไม่ให้การแสดงอารมณ์ของตัวละครแต่ละคนหลุดไปจากเนื้อเรี่องครับ ท่านไม่เคยดุด่าหรือใช้คำไม่สุภาพกับใครแม้แต่ จนท.ทุกหน้าที่ในกองถ่ายทำฯแม้แต่เด็กยกน้ำ มีคำๆเดียวที่ผมได้ยินและจำได้แม่นเมื่อท่านดุ จนท.คือ "มันสู่รู้" เพราะท่านยังไม่ได้สั่งให้ทำเรื่องนั้นๆแล้วท่านก็ยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อคำๆนี้หลุดออกมาเมื่อไหร่ทุกคนในกองถ่ายฯจะสอบถามกันให้วุ่นว่าวันนี้ใครโดนอาพร้อมให้พร..ฮา แล้วทุกคนก็ช่วยกันแก้ไขปัญหานั้นให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพราะทุกคนรักเคารพท่านมากครับผมจำบรรยากาศนั้นได้ดี และมี "อาแสวง" ที่เป็นตากล้องคู่บุญหรือเป็นเพื่อนกับท่านก็เป็นคนอารมณ์ดี สนุกเฮฮาจะคอยสำทับรับมุกจากอาพร้อมไปคอยควบคุมแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงที่ทุกคนไม่เครียดครับ
ตอนต่อไปผมเกือบได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับฯ และอาพร้อมพาผมเข้าโรงแรม และคำถามเพื่อนๆที่ว่า"เข้ามาเป็นดาราได้อย่างไร"ติดตามให้กำลังใจกันนะ

[มนัส กิ่งจันทร์]

ผู้มีพระคุณ 3 (เกือบได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ)

          หนังเรื่องแรกที่ผมแสดงคือเรื่อง "คุณครูคนใหม่" สังกัดสีบุญเรืองฟิมล์"พันคำ"หรืออาพร้อมที่ผมเรียกท่าน เริ่มถ่ายทำประมาณปลายปี2517ครับ ขณะที่ผมยังเป็นนักศึกษาปีที่4 วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ ทุ่งมหาเมฆ คณะช่างโยธา แผนกช่างก่อสร้าง ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเททคโนโลยี่ราชมงคลกรุงเทพ แผนกช่างก่อสร้างนี้มีอดีตรุ่นพี่ที่เป็นพระเอกยอดนิยมตลอดกาลของวงการฯคือ "พี่แอ๊ด" สมบัติ เมทะนี ท่านจบไปนานมากชนิดว่าเมื่อผมเข้าไปเรียนเมื่อปี2517เพื่อนรุ่นเดียวกับพี่แอ๊ด คือ อ.ผึ่งผาย สุนทราภัย ท่านเป็นหัวหน้าคณะช่างโยธาครับ สมัยนั้นวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ แทบถือได้ว่าเป็น Seniorของเด็กอาชีวะครับ ที่จริงความฝันในวัยเด็กผมอยากเรียนรัฐศาสตร์เป็นนักปกครองหรือนิติศาสตร์เป็นนักกฏหมายครับ แต่ที่เบนเข็มมาเรียนสายอาชีพก่อนก็ด้วยความคิดว่าเรียนจบอะไรก่อนก็ได้จบมามีงานทำก่อนเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของพ่อแม่แล้วค่อยหาโอกาสไปเรียนต่อสาขาที่ฝันไว้ภายหลังครับ ช่วงปี2519 ขณะที่เเสดงหนังอยู่และจบจากเทคนิคกรุงเทพแล้วผมปลีกเวลาไปลงทะเบียนเป็นนักศึกษา ม.รามฯเก็บได้หลายหน่วยกิต แต่เมื่อได้รับรางวัล"ตุ๊กตาเงิน"พระราชทาน มีงานหนังเข้ามาหลายเรื่องแบ่งเวลาไปเรียนไม่ได้และใจเริ่มหลงแสงสีในวงการมายาทำให้ต้องทิ้ง ม.รามคำแหงครับ ฮา

          มาเข้าเรื่อง"เกือบได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ"กันหลังจากคุณครูคนใหม่ออกฉายได้รับการตอบรับจากแฟนๆหนังอย่างคาดไม่ถึง ทั้งการทำรายได้ และการกล่าวถึงว่าเป็นหนังคุณภาพเรื่องหนึ่งในยุคนั้น ส่วนผมเมื่อว่างจากเรียนที่วิทยาลัยก็จะมาช่วยงานที่บริษัทสีบุญเรืองฯเช่นรับโทรศัพย์จดบันทึก นับแยกยกขนกล่องฟิมล์หนังขึ้นรถให้สายหนัง และงานอื่นๆอะไรก็ได้ที่ผู้ใหญ่มอบหมายให้ทำครับ และช่วงนั้นทางบริษัทฯก็เตรียมงานถ่ายทำหนังเรื่องต่อไปคือเรื่อง"กิเลศคน" อาพร้อมมอบบทหนังทั้งเรื่องให้ผมศึกษาไปพลางๆก่อน ผมเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในชนบท พระเอกเป็นปลัดอำเภอ นางเอกเป็นครู ส่วนผมเลื่อนจากเป็นนักเรียนมารับบทครูบ้านนอกจนๆที่อาภัพครับ

วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ยาวเกินท่านจะเบื่ออ่าน ค่อยติดตามเป็นกำลังใจนะว่าทำไมผมทำได้แค่ เกือบได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ