วันนี้เมื่อ 23 ปีที่แล้ว.. 12 สิงหาคม 2542 เป็นครั้งแรกที่ผมตามคุณโต๊ะพันธมิตรไปหาฟิล์มและเราก็ได้ฟิล์มหนัง 16 มม. 4 เรื่องนี้กลับมากรุงเทพฯ สมัยนั้น คุณโต๊ะพันธมิตร จะใช้วิธีติดต่อกับนักพากย์หนังในต่างจังหวัด ซึ่งมีทั้งนักพากย์ที่ยังพากย์หนังอยู่และเลิกพากย์หนังไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อสืบหาข่าวเกี่ยวกับฟิล์มหนัง 16 มม. เพราะนักพากย์แต่ละคนนั้น เขาจะพากย์หนังเรื่องหนึ่งๆ จนจำเรื่องได้ แบบว่าพากย์โดยไม่ต้องดูบทพากย์แล้ว ดังนั้น เขาก็ย่อมจะจำชื่อหนัง ย่อมจะรู้ว่า ตอนนั้นฟิล์มหนังมาจากไหน.. เป็นของใครบ้าง คุณโต๊ะก็ใช้วิธีนี้แหละครับ จึงทำให้ทราบถึงแหล่งที่ควรจะมีฟิล์มหนังไทยๆ เก็บไว้
ตอนนั้น คุณโต๊ะพันธมิตร เป็นคนที่ชอบดูหนังไทยเก่าๆ ยิ่งถ้าเป็นหนัง 16 มม.ด้วยแล้ว ก็จะมีรายชื่อหนังจำอยู่ในดวงใจหลายๆเรื่อง ยิ่งต่อมาได้รู้ว่า หนังไทย 16 มม.นั้น ถ้าเราไม่ออกตามหาฟิล์มกันเอง เราก็จะไม่ได้ดู.. คุณโต๊ะพันธมิตร จึงพยายามสืบเสาะหาแหล่งข่าวตลอดเวลา.. และก็รอเวลาที่ตัวเองจะไม่ต้องพากย์อัดเสียงหนัง (ห้องพากย์พันธมิตร) ก็จะออกต่างจังหวัดไปหาฟิล์มหนังกัน
วันที่ 12 สิงหาคม 2542 เป็นวันหยุดของห้องพากย์ คุณโต๊ะพันธมิตรก็ชวนผมไปจังหวัดร้อยเอ็ด บอกว่าจะไปหาฟิล์มหนังมิตร ชัยบัญชา เป็นหนังมิตรที่คุณโต๊ะอยากดูมากๆ ชื่อเรื่อง ไทรโศก แกบอกว่า เรื่องนี้มิตรแสดงเป็น 2 ตัวคือ คนหนึ่งเป็นพ่อและอีกคนหนึ่งเป็นลูก.. เราก็ออกรถไปแต่เช้าๆ ไปถึงก็บ่ายกว่าๆ คนที่ติดต่อหาฟิล์มหนังให้ชื่อ คุณปรีชา พรหมเสน เคยทำบริการหนัง ราชาภาพยนตร์ ร้อยเอ็ดและรู้ว่า ใครเคยฉายหนัง 16 มม. และก็ไปติดต่อหาฟิล์มมาเตรียมไว้ให้พวกเรา
หนัง 4 เรื่องนี้ มีเพียงเรื่อง ไทรโศก เท่านั้น ที่เนื้อหาค่อนข้างสมบูรณ์ แต่รูหนามเตยของฟิล์ม ก็แตกเสียหายเยอะมากๆ คุณโต๊ะอยากดู ก็ซื้อกลับมา ส่วนอีก 3 เรื่องคือ น้องนางบ้านนา บ้านสาวโสด ลูกแมว นั้น ฟิล์มไม่ค่อยสมบูรณ์ คุณปรีชาก็เลยขายให้ผมในราคาถูกๆ ผมก็ซื้อกลับมา.. แหละนี่ก็เป็นครั้งแรกๆ ที่ผมได้ออกไปหาฟิล์มในต่างจังหวัด.. จากนั้นผมก็ไปหาฟิล์มกับคุณโต๊ะพันธมิตรอีกหลายครั้ง กระทั่งต่อมาคุณโต๊ะพันธมิตร เลิกทำแผ่นวีซีดี-ดีวีดีจำหน่าย.. ผมกับคุณนุ ประเดิมและกลุ่มเพื่อนๆ จึงต้องออกตามหาฟิล์มหนังกันเอง.. หาเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ครับ