ตอนที่หนังเรื่อง ส้มตำ ปี 2516 ออกมาฉายนั้น ผมเพิ่งจะอายุได้ประมาณ 11 ขวบ.. สมัยนั้น แค่เห็นใบปิดหนัง ก็ชอบ ก็อยากจะดูหนังแล้ว แต่เพราะความที่ไม่มีสตางค์จะซื้อตั๋วดูหนัง ผมก็ต้องอดใจไว้รอดูจากจอหนังกลางแปลง
ส้มตำ..หรือถ้าแถวๆ สุรินทร์บ้านผม เขาจะเรียกว่า ตำส้ม เป็นชื่ออาหารกินเล่นๆ ครับ.. ถ้าได้ยินแค่ชื่อหนัง ก็คงไม่อยากจะดูเพราะเด็กๆ อย่างผม คิดว่า ไปดูอะไร ตำส้ม เห็นเขาขายในตลาดทุกวัน แต่พอเห็นใบปิดหนังแล้ว ถึงได้รู้ว่า มันไม่ใช่ ตำส้ม อย่างที่ผมคิดแล้ว มันเป็นหนังบู๊และมีอะไรหลายๆ อย่างในใบปิดหนังที่ชวนให้น่าติดตาม.. ก็ได้สงสัยว่า ทำไมถึงตั้งชื่อหนังว่า ส้มตำ

สมัยนั้น พอหนังออกจากโรงในเมืองสุรินทร์แล้ว กว่าจะกลับมาฉายให้ดูเป็นหนังกลางแปลง ก็จะรอเวลาอีกเป็นปีๆ หนังกลางแปลงเมืองสุรินทร์มีฉายให้ดูฟรีๆ แทบทุกคืน แต่ก็ไม่มีคืนไหนเลยที่จะมีหนังเรื่อง ส้มตำ มาฉาย กลางคืนดูหนัง พอสายๆ หน่อย ผมก็เตร่ๆ ไปเดินหาเก็บเศษฟิล์มหนังที่บริการหนัง บริการหนังกลางแปลงเมืองสุรินทร์ ก็จะมีอยู่แค่ไม่กี่แห่ง บริการเหรียญชัยภาพยนตร์นั้นโด่งดังที่สุด ผมก็ได้แต่ไปเฝ้ายืนดูใบปิดหนังหรือคนสุรินทร์ชอบพูดว่า ไปยืนดูโปรแกรมหนัง ที่เขาติดไว้ในสำนักงานของเขา ก็เห็นใบปิดหนัง ส้มตำ ยังติดอยู่ ถ้าใบปิดหนังหายไปหรือถูกปิดทับเมื่อไหร่ ก็แสดงว่าหนังไม่มีแล้วครับ
ผมก็รอ..จนลืม..เพราะไม่เคยได้ดูหนังเรื่องนี้เลยครับ
ต่อมาสมัยที่วีดีโอเทปให้เช่ารุ่งเรือง ผมก็พยายามถามหาหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีการทำออกมาให้เช่า กระทั่งเริ่มรู้จักกับกลุ่มคนชอบดูหนังไทยเก่าๆ ผมจึงรู้ว่า ทำไม หนังไทยเก่าๆ บางเรื่องถึงไม่มีการทำเป็นวีดีโอเทปออกให้เช่า..การได้พูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนๆ ที่ชอบหนังไทยเก่าๆ ทำให้ผมเริ่มรู้อะไรเกี่ยวหนังไทยเก่าๆ มากขึ้นเพราะต่างคน ต่างก็เล่าประสบการณ์หนังของตนให้ฟัง ยิ่งฟัง ก็ยิ่งเสียดายที่หนังบางเรื่อง ผมยังไม่เคยได้ดู
หนัง ส้มตำ มีการนำเพลง ส้มตำ พระนิพนธ์ของพระเทพฯ มาใส่ไว้ในหนังด้วย ก็ยิ่งอยากจะดู หนังออกแนวบู๊ๆ แล้วจะนำเพลงไปใส่ไว้ในฉากไหน..มีเพลง ส้มตำ ขับร้องโดย บุปผา สายชล แล้วก็ยังมีเพลงมาร์ชส้มตำ อีก (จากปกแผ่นเสียง) เพลงจะไปอยู่ตรงไหนของหนัง
ต่อมาประมาณเดือนสิงหาคม 2545 คุณโต๊ะ พันธมิตร ก็บอกผมว่า พบฟิล์มเนกาตีฟหรือต้นฉบับหนังเรื่อง ส้มตำ แล้ว ตอนนั้น คุณโต๊ะ พันธมิตร ทำแผ่นวีซีดีหนังไทยเก่าๆ ออกจำหน่ายครับ ผมก็ดีใจเพราะคิดว่า จะได้ดูหนังเรื่องนี้สักที แต่พอเปิดกล่องสังกะสีที่ใส่ฟิล์มเนกาตีฟ (ตามภาพถ่าย) ออก ก็แทบลมจับเพราะในกล่องมีทั้งขี้สนิม มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเหมือนน้ำส้มสายชูเน่าๆ มันเหม็นจนติดมือ ติดจมูกเลยครับ เนื้อฟิล์มก็เกาะติดกันเป็นยางเหนียวหนึบ ฟิล์มเสียหาย ใช้ไม่ได้แล้วครับ
ส่วนภาพกากฟิล์ม ส้มตำ ที่ผมนำมาให้ดูประกอบอีกนั้น ครูนุ อนุกูล เป็นผู้ค้นพบ เป็นฟิล์มหนังตัวอย่างสั้นๆ แต่ฟิล์มก็เสื่อมสภาพแล้ว ครูนุก็เลยถ่ายรูปฟิล์มส้มตำนี้เก็บไว้ครับ
ก็เป็นอันว่า ส้มตำ ปี 2516 ที่ผมรอ.. มาจนถึงวันนี้ ผมก็ยังหาดูไม่ได้.. ท่านใดที่เคยดูหนังหรือมีอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่อง ส้มตำ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ