• ชื่อไทย : โฮมสวีตโฮม กำเนิดใหม่
• ปีที่เปิดตัว : 2568
• เข้าฉายในไทย : 8 พฤษภาคม 2568
• นำแสดง : อุรัสยา เสปอร์บันด์, Michele Morrone, William Moseley
• กำกับโดย : Steffen Hacker, Alexander Kiesl
• ประเภท : Action / Horror / Mystery / Sci-Fi / Thriller
• ความยาว : 93 นาที
• สร้างโดย : Thailand / USA
• จำหน่ายโดย : YGG Yggdrazil Group
เรื่องย่อ Home Sweet Home Rebirth โฮมสวีทโฮม กำเนิดใหม่ Home Sweet Home Rebirth หนังจากเกมสยองขวัญสุดฮิต เผยภาพชุดแรก ญาญ่า และเหล่านักแสดงนำย่องหนีผีเปรต !!
อดใจรอกันอีกนิดสำหรับ Home Sweet Home Rebirth เวอร์ชั่นคนแสดง หนังสยองขวัญที่สร้างจากเกมดีฝีมือคนไทย ของ 2 คู่หูผู้กำกับชาวเยอรมัน Alexander Kiesl และ Steffen Hacker ที่หลังจากยกกองถ่ายมายังกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2023 ล่าสุดมีภาพเซตแรกจากหนังถูกปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ที่เฝ้ารอความเคลื่อนไหวได้ตื่นตาตื่นใจกันเป็นที่เรียบร้อย จากภาพเราจะได้เห็นเหล่านักแสดงนำที่มี ญาญ่า อุรัสยา เป็นนักแสดงหลัก ร่วมด้วย มิเคเล มอร์โรเน จาก 365 Days, วิลเลียม โมสลีย์ จาก The Chronicles of Narnia และอเล็กซานเดอร์ ลี อดีตสมาชิกวง U-KISS ส่วนหนังจะมีเรื่องราวเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลย
เรื่องราวของ เจค (วิลเลียม โมสลีย์) ตำรวจหนุ่มที่หลุดเข้าไปในดินแดนที่เรียกว่า "นิวรณ์" ที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้ายที่มีบ่วงติดค้าง ระหว่างตามจับผู้ร้ายกราดยิงในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ด้วยความช่วยเหลือจากพระภิกษุผู้ลึกลับ (อเล็กซานเดอร์ ลี) เจคต้องแข่งกับเวลาเพื่อช่วยภรรยาของเขา ปรางค์ (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ที่หลุดมาในดินแดนนี้เช่นกัน พร้อมทั้งหยุดยั้ง เมฆ (มิเชล มอร์โรเน) ผู้ลึกลับ จากการเปิดประตูนรกโดยใช้ปรางค์เป็นเครื่องสังเวย
ทั้งนี้ Home Sweet Home เป็นเกมแนวสยองขวัญ-แฟนตาซี ที่พัฒนาโดยบริษัท YGG มีความน่าสนใจตรงที่มีการจำลองบรรยากาศความหลอนและความน่ากลัวแบบไทย ๆ เช่น สภาพบ้านเรือน เสียงสวดมนต์ ศาลพระภูมิ ผีประเภทต่าง ๆ อาทิ ผีนางรำ ผีพราย กระสือ แม่นาค เปรต สัมภเวสี รวมไปถึงหมอผี การใช้คุณไสย มนตร์ดำ มาไว้ในเกม ซึ่งในฉบับหนังเป็นการร่วมมือกันสร้างระหว่าง Yggdrazil Group, Altit Media Group และ Film Frame Productions โดย Home Sweet Home Rebirth วางกำหนดฉายไว้ปลายปี 2024
รีวิวหนัง Home Sweet Home Rebirth หนึ่งในพลังซอฟต์พาวเวอร์จากไทยเมื่อหลายปีก่อน เกมสัญชาติไทยเกมหนึ่งกลายเป็นที่ได้รับความสนใจและโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยการดึงเอาภาพบรรยากาศความลี้ลับสยองขวัญในคอนเทนท์ท้องถิ่นไปหลอนสู่ชาวโลก และบัดนี้หนึ่งในส่วนของเกมนั้นก็ได้ถูกปั้นออกมาเป็นหนังฉบับคนแสดงแล้วใน “Home Sweet Home Rebirth โฮมสวีทโฮม กำเนิดใหม่” ที่เป็นการจับมือสร้างระหว่างทีมงานไทยกับทีมงานระดับโลก
เจค ตำรวจหนุ่มที่หลุดเข้าไปในดินแดนที่เรียกว่า "นิวรณ์" ที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้ายที่มีบ่วงติดค้าง ระหว่างตามจับผู้ร้ายกราดยิงในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ด้วยความช่วยเหลือจากพระภิกษุผู้ลึกลับ เจคต้องแข่งกับเวลาเพื่อช่วยภรรยาของเขา ปรางค์ ที่หลุดมาในดินแดนนี้เช่นกัน พร้อมทั้งหยุดยั้ง เมฆ ผู้ลึกลับ จากการเปิดประตูนรกโดยใช้ปรางค์เป็นเครื่องสังเวย
ในเวอร์ชันหนังไลฟ์แอคชันเรื่องนี้ยังคงมี Yggdrazil Group ผู้สร้างต้นฉบับจากเกมมาเป็นหัวเรือใหญ่ในการสร้าง ที่เป็นการจับมือกับโปรดักชันฝั่งอเมริกา อย่าง Altit Media Group พร้อมกับได้ 2 ผู้กำกับ “สเตฟเฟน แฮคเกอร์” กับ “อเล็กซานเดอร์ คีสล์” มือสร้างด้านวิชวลเอกเฟค ที่น่าจะเพิ่งมีโอกาสก้าวขึ้นมาจับงานกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของพวกเขากับผลงานชิ้นนี้นั่นเอง
เบื้องต้นเราไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับมือเขียนบทหนังเรื่องนี้ แต่ได้ยินว่าเป็นบทที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อควบคู่ไปกับฉบับเกมภาคใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนางานสร้าง แต่นั่นคงจะต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า บทหนังก็คือจุดอ่อนที่สุดของหนังเรื่องนี้เป็นแน่แท้ ในเมื่อทีมสร้างให้ความใส่ในแง่องค์ประกอบงานสร้างอื่น ๆ ที่ตื่นตามากกว่า ปล่อยละเลยในแง่ความสมบูรณ์ของบทหนัง จึงทำให้ทุก ๆ อย่างบนพื้นฐานความสยองขวัญและความแฟนตาซี หาอะไรที่เชื่อมโยงและสมเหตุสมผล(อย่างน้อยที่สุด)ไม่ได้เลย
ในมุมมองของผู้ชมที่ไม่มีประสบการณ์ใด ๆ เลยเกี่ยวกับเกมดังกล่าว พยายามเฝ้าดูหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนผ่านไปเกือบจะครึ่งเรื่องแล้วก็ยังไม่สามารถหาเบาะแสและประเด็นใด ๆ ที่เป็นน้ำหนักของหนังเรื่องนี้ไม่ได้เลย หนังค่อนข้างล่องลอยไปด้วยบทหนังที่ไม่เข้าที่เข้าทางสักอย่าง เต็มไปด้วยน้ำที่หาเนื้อสักชิ้นได้อย่างยากเย็น แม้กระทั่งดูจนจบเรื่องก็ยังเต็มไปด้วยคำถามมากมายว่าดูเพิ่งจะเสพย์อะไรลงไปกัน
และถึงแม้ว่า Home Sweet Home Rebirth จะพยายามชูความโดดเด่นด้านงานสร้างที่น่าตื่นตา แต่ทว่ากลับไม่ได้ความตื่นใจให้ได้เลยสักหน่อย ด้วยองค์ประกอบที่ดีงามแต่กลับไม่มีศักยภาพได้ไม่ขันแข็งเพียงพอที่จะทำได้ถึงจุด งานซีจีเรื่องนี้เหมือนกับหลุดออกมาจากเมื่อสิบก่อนปี ตอนที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนาเท่าทุกวันนี้ กลายเป็นงานหยิบงานลอย ถึงจะสร้างสรรค์เต็มไปด้วยไอเดียและจินตนาการสุดเลิศ แต่กลับไม่เข้าและสมดุลกับตัวหนังได้เลยสักนิด
โดยเฉพาะงานสร้างพวกเหล่าอสูรยักษาต่าง ๆ เป็นแนวคิดที่ใช้ได้ แต่หนังยังทำได้ไม่ถึง แม้ว่าจะเป็นงานสร้างที่ทำให้ชวนนึกถึงอนิเมะหายนะฝั่งญี่ปุ่นเรื่องดังเรื่องหนึ่งที่เพิ่งจะอวสานไปก็ตาม กับอีกบางมุมก็เหมือนยืมไอเดียมาจากหนังมาร์เวลสายเวทย์เรื่องนั้นมาหน่อย ๆ แต่เนื้องานก็ค่อนข้างคนละชั้นเชิงกันอย่างชัดเจน เพราะถึงแม้ว่าจะได้ผู้เชี่ยวชาญด้านเอกเฟคมาช่วยสร้างแล้วก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ค่อนข้างชวนผิดหวัง ยิ่งมาเป็นหนังในยุคปี 2025 แล้วด้วย
การตัดต่อหนังเป็นอีกส่วนที่ชวนให้กุมขมับ Home Sweet Home Rebirth น่าจะเป็นหนังที่คุณไม่ต้องถามหาความต่อเนื่องใด ๆ ระหว่างฉากกันได้เลย การสวิตช์ฉากไปมาชวนเหวอเป็นส่วนใหญ่ ความลื่นไหลในจังหวะหนังแทบไม่มีเลย ไคลแมกซ์ที่ควรจะยิ่งใหญ่กลับทรงพลังน้อยยิ่งกว่าฉากเล่นใหญ่ในช่วงต้นของหนังเรื่องนี้เสียอีก ยังไม่รวมก็จัดเแสงและโทนสีที่โดดเด่นไปอย่างขัดอารมณ์ของหนัง ที่ชวนขัดใจไม่น้อย
ส่วนในแง่การแสดง ต้องยอมรับว่าแคสติ้งของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างน่าผิดหวังตามไปด้วย เพราะนอกจากบทหนังที่จะไม่มีเหตุและผลใด ๆ ยังไม่สามารถส่งถึงตัวนักแสดงได้เลยสักทางเดียว เพราะหนังสร้างสรรค์ออกมาแต่บทที่ชูคาแรกเตอร์ที่อีหยังวะเต็มไปหมด ไร้มิติ ไร้เสน่ห์ พลอยทำให้แอคติ้งนักแสดงไม่เข้าที่เข้าทางกับตัวหนังได้เลยสักนิดเดียว แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอยู่กับร่องอยู่รอยในบทที่ตัวเองได้รับอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
เราต่างเคยเห็นลีลาการแสดงของ ญาญ่า อุรัสยา กันอยู่แล้ว ก็คิดว่านี่เป็นการแสดงของเธอไม่ได้แย่เลย ออกจะแบกหนังเกินหน้าเกินตาคนอื่นไปด้วยซ้ำ เพียงแต่บทไม่สามารถเชื่อมระหว่างนักแสดงกับคอนเทนท์ได้ เช่นเดียวกับ “วิลเลียม โมสลีย์” ที่มารับบทนำ แต่หาความหนักแน่นในการเป็นผู้นำหนังไม่ได้เลย เป็นพระเอกที่ไม่น่าเอาใจช่วยเลยสักนิด ความชัดเจนในตัวละครก็เบาบาง เปิดเรื่องมานึกว่าเขาเป็นนักธุรกิจงานยุ่ง แต่อยู่ ๆ ก็มาเป็นตำรวจอเมริกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น
ขณะที่ “มิคาเอล มอร์โรเน” ก็มากับพื้นฐานการแสดงที่เราคุ้นตากับเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีอะไรแตกต่าง เพราะบทบาทขาดมิติแทบจะทุกด้าน ไม่มีต้นสายปลายเหตุ อยากเล่นอะไร ทำอะไร ก็จับใส่ ๆ ไปเลย เป็นตัววายร้ายที่แทบจะไม่ได้ออกลีลาอะไรสักเท่าไหร่ มา ๆ ไป ๆ อย่างล่องลอยไปงั้น ๆ ตลอดทั้งเรื่อง
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Home Sweet Home Rebirth ฉบับหนังคนแสดงเรื่องนี้ อาจจะต้องแจ้งตรง ๆ ว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เพราะขนาดเป็นแค่หนังความยาว 90 นาที ยังสร้างความตะขิดตะขวดอึดอัดใจระหว่างการชมได้เพียงนี้ ไอเดียและแนวคิดของหนังชวนสนใจ แต่ทิศทางการละเลงงานสร้างออกมาเกือบจะล้มเหลวในทุก ๆ ด้าน ชนิดนี้แทบจะนั่งกุมขมับกลางโรงหนัง เพราะเสียดายวัตถุดิบดี ๆ ที่ได้
บทหนังที่เข้าขั้นไร้ชั้นเชิงเป็นอย่างยิ่ง มาเจอกับองค์ประกอบงานสร้างที่ทำไม่ถึงเกือบจะทุกทิศทาง พลอยทำให้ฝั่งนักแสดงก็ลำบากไปด้วย เพราะไม่สามารถรับมือและแบกหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้เลยสักทางเดียว Home Sweet Home Rebirth คงได้ชื่อว่าเป็นที่เต็มไปด้วยที่ติ เพราะผลลัพธ์ออกมาในลักษณะนั้นจริง ๆ ดังนั้นก็ขอเฝ้ารอล้างตากับอีกเวอร์ชันที่ไทยสร้าง Home Sweet Home Return ที่จะมาต่อจากนี้ก็แล้วกัน