• ชื่อไทยงานนี้ ..ฆ่าเอา
• ปีที่เปิดตัว2568
• เข้าฉายในไทย30 ตุลาคม 2568
• นำแสดงLee Byung-Hun, Son Ye-Jin, Park Hee-Soon
• กำกับโดย Park Chan-Wook
• เขียนโดย Donald E. Westlake, Park Chan-Wook, Lee Kyoung-Mi, Don McKellar, Lee Ja-Hye
• ประเภท Comedy / Crime / Drama / Thriller
• ความยาว 138 นาที
• สร้างโดย South Korea
• จำหน่ายโดย : Mongkol Major มงคล เมเจอร์
เรื่องย่อ No Other Choice งานนี้..ฆ่าเอา เรื่องราวของ มันซู (อีบยองฮอน) ชายผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตกระดาษมากว่า 25 ปี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับภรรยา มิริ (ซนเยจิน) ลูกสอง และสุนัขสองตัว จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้รับข่าวชวนตะลึงจากบริษัทว่าเขาถูกเลิกจ้างเหมือนถูกฟันหัวด้วยขวาน มันซูให้สัญญากับตัวเองว่าจะหางานใหม่ให้ได้ภายในสามเดือน เพื่อครอบครัวที่เขารัก ทว่าความพยายามของเขากลับยืดยาวกว่าหนึ่งปี ทั้งการสัมภาษณ์งานซ้ำแล้วซ้ำเล่าและการทำงานพาร์ทไทม์ในร้านค้าปลีก จนในที่สุดเขากำลังจะสูญเสียบ้านที่กู้เงินมาซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรง ในภาวะสิ้นหวัง มันซูตัดสินใจไปที่บริษัท มูน เปเปอร์ โดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อยื่นใบสมัครงาน แต่กลับถูกหัวหน้างาน ดูถูกและไล่ออกมา มันซูซึ่งรู้ดีว่าตัวเองมีความสามารถมากกว่าใครในสายงานนี้จึงตัดสินใจบางอย่าง ถ้าไม่มีตำแหน่งให้เรา เราก็จะสร้างมันขึ้นมาเอง
รีวิวหนัง "No Other Choice งานนี้ฆ่าเอา" โศกนาฏกรรมแสบสันต์ วิกล-อำมหิตแห่งวิกฤตวัยกลางคน บอกเลยว่าแค่เห็นชื่อผู้กำกับก็หลับตาอย่างมั่นใจได้เลยว่าหนังเรื่องนี้..แสบ เพราะคงจะมองพร้อมกับมหกรรมการแกงและวิพากษ์วิจารณ์สังคมชนชั้นเกาหลีได้ออกอรรถรสอีกครั้ง เชื่อฝีมือของนักสร้างหนังผู้แพรวพราวด้วยดีลีลา อย่าง "พัคชานอุค" ที่ในปีนี้เขาได้เสิร์ฟผลงานล่าสุดที่ยังตลกร้ายเชือดนิ่ม ๆ เซอร์วิสคนดีอีกเช่นเคยใน "No Other Choice งานนี้ฆ่าเอา" ผลงานหนังที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนหนังจากเกาหลีใต้ เพื่อชิงชัยในสาขารางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม บนเวทีออสการ์ 2026
เรื่องราวของ ยูมันซู ชายหนุ่มวัยกลางคนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นคงในชีวิต เขาได้เแต่งงานกับ มีริ และมีลูกด้วยกัน 2 คน พร้อมกับเป็นเจ้าของบ้านหลังงามที่เต็มไปด้วยความทรงจำและซื้อมันมาด้วยความบากบั่น จากการเขาทำงานอยู่บริษัทผลิตกระดาษมายาวนานถึง 25 ปี เขาค่อนข้างรู้สึกสบายใจกับพื้นที่เซฟโซนที่รายล้อมอยู่ในชีวิต กระทั่งอยู่ ๆ เขาก็ถูกไล่ออกจากงานที่รักเท่าชีวิต และกำลังพยายามมองหางานใหม่อย่างยากเย็น เพื่อปกป้องและค้ำจุนครอบครัว รวมทั้งรักษาบ้านหลังโปรดหลังนี้เอาไว้ยิ่งชีวิต
คงจะไม่ต้องสาธยายอะไรมากเกี่ยวกับ พัคชานอุค เพราะผู้กำกับจากเกาหลีใต้ผู้นี้คือนักสร้างหนังที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล คว่ำหวอดอยู่ในวงการมานานกว่า 30 ปี ผลงานของเขาเต็มไปด้วยลายเส้นและเอกลักษณ์อันเป็นที่โจษจันของแฟน ๆ อยู่เสมอ และทุกครั้งที่ผลงานใหม่ของเขาเสิร์ฟออกมา คอหนังก็มันจะเอ็นจอยไปด้วยการเซอร์ไพรส์และสร้างความประหลาดใจจากเนื้องานที่เขารังสรรค์ออกมาเสมอ เช่นเดียวกับ No Other Choice เรื่องนี้ ที่ไม่มีทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย
หนังหยิบเอานิยายแนวระทึกขวัญจากยุค 90s ที่จัดได้ว่าหนึ่งในวรรณกรรมขึ้นหิ้งระดับโลก อย่าง The Ax ของ โดนัลด์ เวสต์เลค มาดัดแปลงสร้างใหม่ในบริบทที่เข้ากับยุคสมัยและวัฒนธรรมเกาหลีในปัจจุบันได้อย่างเฉียบคม โดยพัคชานอุคยังร่วมเขียนบทหนังในหนังของตัวเองอีกเหมือนเคย โดยที่มี "อีคยองมี" นักสร้างหนังหญิงจาก The Truth Beneath มาช่วยปล่อยไอเดีย พร้อมกับทั้ง "ดอน แม็คแคลลาร์" ผู้กำกับชาวแคนานามาช่วยตบ ๆ บทหนังออกมาให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์ที่ออกมาใน No Other Choice เรื่องนี้ ก็ยกตัวอย่างง่าย ๆ ได้เลยว่าถ้าคุณประทับใจและชอบหนังเกาหลีแบบสไตล์หนังรางวัลออสการ์ Parasite ชนชั้นปรสิต ของ บง จุนโฮ คอนเทนท์หนังเรื่องนี้ก็น่าจะเข้าไปอยู่ในทำเนียบหนังโปรดเรื่องใหม่ของคุณเลย เพราะนี่คือหนังที่เสียดสีและจิกจักชนชั้นสังคมได้อย่างแสบสันต์และเจ็บ ๆ คัน ๆ กับบทหนังที่แสนจะทะเยอทะยานแบบไม่เลอะเทอะ เป็นลูกบ้าที่หยอดเอาไว้ในจังหวะที่เต็มไปด้วยมิติที่น่าอัศจรรย์ในหนังสักเรื่องหนึ่ง
ต้องยกให้ No Other Choice เรื่องนี้เป็นหนึ่งในบทหนังเกาหลีที่ยอดเยี่ยมในรอบหลาย ๆ ปีเลยทีเดียว เพราะเป็นบทที่บ้าดีเดือด กล้าได้กล้าเสีย บดขยี้มุมต่าง ๆ ได้แบบทำถึงและทำได้จริงอย่างไม่มีแผ่ว กลั่นกรองออกมาเป็นความบันเทิงที่เจ็บแสบในโลกภาพยนตร์ ที่ส่งตรงถึงผู้ชมได้อย่างเต็มอรรถรส เรียกได้ว่าเป็นหนังความยาว 2 ชั่วโมงที่ไปได้สุดทาง ทำออกมาได้ถึงกึ๋น และร้อยเรียงออกมาในสไตล์ตลกร้ายได้อย่างเข้าเส้นจัด ๆ อีกเรื่องในรอบปีนี้
องค์ประกอบงานสร้างก็จัดได้ว่าดีไม่แผ่ว เพราะว่าที่หนังเกาหลีค่อนข้างทำได้สุดในคอนเทนท์วิพากษ์วิจารณ์สังคมเชิงกิมมิกอะไรทำนองนี้ ทำให้คนดูจะตื่นตาและสนุกเพลินไปกับการหยิบใส่มุมภาพและมุมกล้องต่าง ๆ ที่หนังได้เลือกใส่เข้ามาได้อย่างเพลิดเพลิน งานถ่ายภาพของ คิมอูฮยอง ค่อนข้างเฉียบทีเดียว มีลูกเล่นที่สรรหาจะนำมาใช้ประกอบการเล่าเรื่อง ยิ่งได้มือตัดต่อมือหนึ่งของเกาหลี อย่าง "คิมซางบม" ที่ร่วมงานกับพัคชานอุคมาเกือบสิบเรื่อง เรียกได้ว่ารู้ใจและรู้จังหวะดีว่าผู้กำกับต้องการแบบไหน
นอกจากนี้ No Other Choice ยังใส่ลูกเล่นทางด้านงานเสียงและตกแต่งซาวน์ต่าง ๆ ออกมาเสริมอรรถรสดียิ่งนัก เป็นจังหวะการใส่โมเมนต์ของหนังได้อย่างถูกต้อง แล้วเมื่อมาผสมผสานเข้ากับผลงานการประพันธ์ดนตรีของ "โจยองอุค" ที่ยังหวนกลับมาทำงานกับผู้กำกับคนสนิทอีกครั้ง ยิ่งเพิ่มชั้นมิติของตัวหนังเรื่องนี้ออกมาได้น่าเชยชม แลตอกย้ำความกลมกล่อมในเหตุและผลในการกระทำของของตัวละครได้อย่างแจ่มชัด
ทีมนักแสดงก็เกินจะบรรยายจริง ๆ เพราะนี่คือหนังที่ได้ดาราระดับดรีมทีมมาประชันบทบาทด้วยกัน เป็นการคืนกำไรให้กับคนดูสุด ๆ "อีบยองฮอน" หลับตาเล่นบทนี้ยังทำออกมาได้ดี แอคติ้งจากนักแสดงระดับมืออาชีพแท้ ๆ มันก็จะดีประมาณนี้ เขารับมือกับบทบาทนี้ได้อย่างช่ำชอง แม้ว่ามันจะเป็นบทบาทที่เขาอาจจจะเคยแตะต้องเล่นแนวนี้มาแล้วบ้าง แต่เขาสามารถเสริมและเติมมิติในคาแรกเตอร์ออกมาได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยการอินเนอร์ที่ต้องฝีมือจริง ๆ ถึงจะทำได้ปัง
"ซนเยจิน" ที่ลบภาพความเป็นนางเอกซีรีส์รอมคอมไปสิ้น นับว่าเป็นการกลับมาทำการแสดงอะไรที่ใหม่ ๆ และแตกต่างกับบทเดิม ๆ และเธอก็ละเลงมันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นอีกคาแรกเตอร์ที่เหมือนจะไม่เด่นแต่กลับแอบซ่อนไปด้วยพลังซัพพอร์ตที่เปล่งประกายตลอดทั้งเรื่องนี้ รวมไปถึงเหล่านักแสดงสมทบ "พัคฮีซุน", "อีซองมิน", "ยมฮเยรัน" หรือ "ชาซึงวอน" นี่คืออเวนเจอร์สของดารายอดฝีมือของวงการบันเทิงเกาหลีทั้งสิ้น พวกเขาจัดเต็มและใส่ให้สุดในบทบาทที่ได้รับ โดยที่ไม่แง่งอนว่ามีซีนน้อยและไม่ใช่ตัวละครเด่นใด ๆ แต่ทุกคนทำได้สุดจริง
No Other Choice ถือว่าเป็นหนังตลกร้ายที่นำเสนอแง่มุมเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา ถึงจะออกทะเยอทะยานเกินไปบ้างสักนิด แต่น่าทึ่งที่หลากหลายองค์ประกอบมาช่วยส่งเสริมเหตุและผลในทุกด้านได้อย่างเติมเต็ม นี่คือหนังที่กระแสถึงปัญหาสังคมปัจจุบันของชนชั้นแรงที่จริงยิ่งกว่าจริง ในห้วงเวลาที่สังคมก้าวเดินไปข้างหน้าและเปลี่ยแปลงไปตลอดเวลา มนุษย์ทำได้แค่ต้องยอมรับและปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์นั้น ๆ หนังเรื่องนี้จึงเลือกนำเสนอในรูปแบบของวลีที่ว่า...ไม่แข่งยิ่งแพ้ แต่ดูแล้วพฤติกรรมจะเลวร้ายยิ่งกว่าที่คิด
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว คงจะไม่ต้องนิยามคำใด ๆ มาให้ยาวยืด เพราะเราต้องขอยกย่องให้ No Other Choice เป็นหนังเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปี 2025 ของเกาหลีใต้จริง ๆ สามารถประกาศได้อย่างดัง ๆ และชัดเจน นี่คือหนังที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบที่ลงตัวในทุก ๆ ด้าน มิติของบทหนังเข้าขั้นใกล้ความสมบูรณ์แบบสุด ๆ ซ้ำยังได้ทีมนักแสดงระดับเทพมาประชันบทบาทกันแบบไม่มีแผ่ว แค่ตีตั๋วเข้าไปดูเรื่องนี้ก็ได้ผลประกอบการเป็นกำไรคืนมาตั้งแต่ 15 นาทีแรกแล้ว
หมายเหตุ: บทความนี้ได้ผลิตขึ้นหลังจาก No Other Choice พรีเมียร์ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2025
