• ชื่อไทย : เอ็กซ์-เมน ดาร์ก ฟีนิกซ์
• ปีที่เปิดตัว : 2562
• เข้าฉายในไทย : 6 มิถุนายน 2562
• นำแสดง : Sophie Turner, Jennifer Lawrence, James McAvoy
• กำกับโดย : Simon Kinberg
• เขียนโดย : John Byrne, Chris Claremont, Dave Cockrum, Simon Kinberg, Jack Kirby, Stan Lee
• ประเภท : Action / Adventure / Sci-Fi
• สร้างโดย : USA
• จำหน่ายโดย : 20th Century Fox
เรื่องย่อ X-Men: Dark Phoenix จีน เกรย์ เริ่มที่จะพัฒนาศักยภาพอันเหลือเชื่อของเธอ ซึ่งนั่นมันได้นำไปสู่หนทางอันเลวร้าย แล้วมันก็ทำให้เธอกลายเป็นดาร์คฟีนิกซ์ ตอนนี้เหล่าเอ็กซ์-เมนจึงจำเป็นต้องตัดสินใจว่าชีวิตของสมาชิกในทีมมันจะมีค่ามากกว่าชีวิตของคนทั้งโลกหรือไม่
เรื่องราวได้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ใน เอ็กซ์เม็น อะโพคาลิปส์ ผ่านไป 10 ปี เมื่อเหล่า เอ็กซ์เม็น จะต้องไปเยือนสถานที่ซึ่งพวกเขาไม่คุ้นเคยมาก่อน ครั้งนี้จะต้องเผชิญกับภารกิจในอวกาศ ที่ซึ่งทุกอย่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แล้วพวกเขาก็จะได้พบว่าตัวเองต้องมาตกอยู่ในการต่อสู้กับพลังอำนาจแห่งอวกาศผ่านตัว จีน เกรย์ (โซฟี เทอร์เนอร์) หนึ่งในสมาชิกทีมของพวกเขาเอง
เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับภาพยนตร์แฟรนไชน์ชื่อดัง Dark Phoenix ที่ทำเอาใจแฟนๆ ลุ้นกันใจจดใจจ่อว่าจะสามารถทำออกมาได้ดีกว่าเรื่องอื่นๆ ในแฟรนไชน์หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้อย่าง X-Men: Apocalypse (2016) ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สร้างความประทับใจให้แก่แฟนๆ เท่าที่คาดหวังไว้ โดยในเรื่องนี้หนังได้ ไซมอน คินเบิร์ก (Simon Kinberg) โปรดิวเซอร์หนังดังหลายเรื่องก็มานั่งแท่นกำกับเองครั้งแรก และยังคงได้เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์คุ้นหน้ามาเล่าเรื่องราวในเรื่องนี้
Dark Phoenix ว่าด้วยเรื่องราวของ จีน เกรย์ ที่ออกไปทำภารกิจช่วยเหลือมวลมนุษยชาติจนได้รับพลังเปลี่ยนให้เธอกลายเป็น ดาร์ก ฟีนิกซ์ อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป แน่นอนว่าหนังยังคงได้แม่นางซานซา เอ๊ย โซเฟีย เทอร์เนอร์ (Sophie Turner) มารับบทนี้จากเรื่องที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวละครที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของเรื่องราวทั้งหมด เรียกว่าเปิดเรื่องมาเราก็ได้เห็นช็อตสำคัญที่ทำเอาตะลึงกันเลยทีเดียว คิดว่าน่าจะเดากันออกว่าเป็นฉากไหน
ก่อนจะไปพบกับผลกระทบที่ตามมา อันก่อให้เกิดเรื่องราวการต่อสู้และช่วยเหลือของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่มีต่อคนในครอบครัว งานนี้คาดการณ์กันไม่ยากเลยว่าเรื่องจะไปในแนวทางไหน เพราะมันแทบไม่มีจุดหักมุมหรือทำให้เราไขว้เขว้จากสิ่งที่คาดไว้เลย ซึ่งก็เป็นจุดที่ทำให้น่าผิดหวังไม่น้อยหากมองในเรื่องชั้นเชิงการเล่าเรื่อง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหนังพยายามหาที่ทางให้แต่ละตัวละครจบแบบลงตัวที่สุด เสมือนเป็นการทิ้งทวนแบบปลอดภัย
นอกจากตัวละครหลักๆ ที่ออกมาถ่ายทอดเรื่องราวและใช้พลังแต่กำเนิดมาให้เราจนแทบจะหายคิดถึงแล้ว ยังมีตัวละครใหม่ๆ อีกหลายตัวโผล่มาโชว์พลังให้ได้เห็น แต่สิ่งที่น่าผิดหวังไม่น้อยไปกว่าบทหนังก็คือตัวร้ายในเรื่องนี้ช่างดูอ่อนเสียเหลือเกิน เสียดายที่อุตส่าห์ได้ เจสสิกา แชสแทน (Jessica Chastain) มาร่วมแจม แถมยังไม่ค่อยให้รู้สึกว่ามีพลังความชั่วร้ายอย่างเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญหนังมันไม่มีความเชื่อมโยงกันเป็นภาคต่อแบบจริงๆ จังๆ จึงทำให้ขาดความต่อเนื่องอย่างที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตามใช่ว่าหนังจะไม่สนุกเลย เพราะอย่างน้อยก็รู้สึกว่าหนังทำออกมาได้ดีกว่า X-Men: Apocalypse จริงๆ โดยเฉพาะซีนระเบิดพลังของ จีน เกรย์ ที่ทำออกมาได้สวย ทรงพลัง ตระการตา แต่ก็เต็มไปด้วยความร้อนแรงน่าหวาดผวา อดคิดไม่ได้ว่าในอนาคตถ้าได้ไปเจอ กัปตันมาร์เวล แล้วจะเป็นยังไงบ้าง คงจะดุเด็ดเผ็ดมันไม่น้อยเลย อีกพาร์ทที่ทำได้ดีก็คือ ความดรามา ซึ่งมาจากสายใยรักความผูกพันของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่ร่วมกันเสมือนครอบครัว เรียกว่าแฟนพันธุ์แท้น่าจะแอบน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว ท้ายที่สุดแล้วคงไม่มีใครอยากเสียใจเพราะความผิดหวังจากสิ่งที่รักและผูกพันแน่นอน
10 เกร็ดเบื้องหลัง เตรียมพร้อมก่อนปิดตำนานมนุษย์กลายพันธุ์ และแล้วการเดินทางกว่า 20 ปีของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ก็กำลังจะปิดฉากลง พร้อมกับสงครามครั้งใหญ่ใน X-Men: Dark Phoenix ที่เกิดจาก จีน เกรย์ ผู้ได้รับพลังลึกลับและควบคุมไว้ไม่อยู่ จนเผลอทำร้ายผู้คนที่เธอรัก นำมาซึ่งจุดแตกหักของครอบครัว X-เม็น แต่ก่อนจะไปพบกับบทสรุปสุดท้าย เรามาดู 10 เกร็ดหนังดีของ X-Men: Dark Phoenix กันก่อนดีกว่า
1. ไซมอน คินเบิร์ก รับหน้าที่เป็นผู้กำกับครั้งแรก หลังจากดูแลแฟรนไชส์ X-เม็น ในฐานะโปรดิวเซอร์มาอย่างยาวนาน
2. ไซมอน คินเบิร์ก ใช้เวลากว่า 3 ปีเพื่อสร้างให้ดาร์ก ฟีนิกซ์เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และต้องการโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของทีม X-เม็น มากกว่าฉากบู๊สนั่นทำลายเมือง
3. ตำนานของดาร์ก ฟีนิกซ์เป็นที่นิยมมากที่สุดในซีรีส์ X-เม็น เพราะเนื้อเรื่องลึกซึ้ง ไม่ได้มีเพียงแค่เหล่าฮีโร่และวายร้ายปะทะกัน
4. จีน เกรย์ เป็นตัวละครไม่กี่ตัวที่ไม่ใช่ทั้งดำและขาว แต่เป็นสีเทา ซึ่งตรงกับชีวิตจริงของใครหลายคนทำให้ผู้คนรักเธอ
5. โซฟี เทอร์เนอร์ต้องเตรียมตัวศึกษาเรื่องโรคจิตเภท และอาการบุคลิกหลากหลายเพื่อรับบท จีน เกรย์
6. ไซมอน คินเบิร์ก และเจสสิกา แชสเทนสนิทกันมากหลังร่วมงานใน The Martian และไซมอนเขียนบทตัวละครใหม่นี้ขึ้นมาเพื่อเธอโดยเพาะ
7. ภาพยนตร์ใช้เวลาถ่ายทำ 6 เดือนโดยเริ่มตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2017 ณ ประเทศแคนาดา
8. ผู้ออกแบบฉาก คร้อด พาเร่ สร้างเมืองบ้านเกิดของจีน เกรย์ขึ้นมาจากที่ดินเปล่า เพราะอยากให้นักแสดงได้สัมผัสกับบรรยากาศจริง ไม่ใช้ฉากหลอกกับกรีนสกรีน
9. มีการนำเฮลิคอปเตอร์น้ำหนักกว่า 4,000 ปอนด์ มาใช้ประกอบฉากโดยใช้สายเคเบิลและเครนยกไว้เพื่อความสมจริงมากที่สุด
10. มีการใช้เทคนิคการถ่ายภาพด้วยกล้องแฮนด์เฮลด์ และรางเลื่อนดอลลี่เป็นครั้งแรกในแฟรนไชส์ X-เม็น