ผู้เขียน หัวข้อ: Ferrari : สปีดทวงบัลลังก์  (อ่าน 51 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เซียวเหล่งนึ่งฯ

  • Administrator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • *****
  • กระทู้: 1522
  • พลังใจที่มี 3
Ferrari : สปีดทวงบัลลังก์
« เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2024, 17:58:00 »

• ชื่อไทย : เฟอร์รารี
• ปีที่เปิดตัว : 2567
• นำแสดง : Adam Driver, Penelope Cruz, Gabriel Noto
• กำกับโดย : Michael Mann
• เขียนโดย : Troy Kennedy Martin, Brock Yates
• ประเภท : Biography / Drama / History / Sport
• ความยาว : 130 นาที
• เรต : R
• สร้างโดย : USA / UK / Saudi Arabia
• จำหน่ายโดย : GDH 559 Co., Ltd (บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด)


เรื่องย่อ Ferrari สปีดทวงบัลลังก์

           เรื่องราวของ เอ็นโซ เฟอร์รารี (อดัม ไดเวอร์) ตำนานแห่งวงการฟอร์มูล่าวัน อดีตนักแข่งที่ผันตัวมาเป็นผู้ผลิตที่กำลังเผชิญวิกฤตชีวิต เมื่อบริษัทที่เขาและภรรยา ลอรา (เพเนโลเป ครูซ) ปั้นมากับมือเมื่อ 10 ปีก่อนกำลังจะล้มละลาย ในขณะที่ชีวิตคู่ก็สั่นคลอนหลังจากเสีย ดิโน (กาเบรียล โนโต) ลูกชายไป แต่ด้วยแพสชันอันแรงกล้าในการแข่งรถ เขาจึงขอท้าทายขีดจำกัดด้วยการตัดสินใจพาทีมเฟอร์รารีลงแข่งขันรายการแข่งรถที่ทรหดที่สุดในประวัติศาสตร์ มิลเล มิเลีย ที่กินระยะทางกว่า 1,000 ไมล์ทั่วอิตาลีและเส้นชัยครั้งนี้จะเป็นความหวังสุดท้ายตัดสินอนาคตทั้งชีวิตของอาณาจักรเฟอร์รารี

เจาะประวัติ "Ferrari" ม้าลำพองจากอิตาลี สัญลักษณ์แห่งชัยชนะของมอเตอร์สปอร์ต


           หากจะพูดถึงรถยนต์ในวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่าง F1 หรือรายการแข่งขันชื่อดังระดับโลกรายการต่าง ๆ ชื่อของ Ferrari มักจะผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ หรือในบรรดารถซูเปอร์คาร์กับสีแดงสด ก็ต้องมีแบรนด์ม้าลำพองติดอยู่ในลิสต์แน่นอน ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและประสิทธิภาพของรถอันเกรี้ยวกราดทำให้ Ferrari มีชื่อเสียงทั่วโลก ทุกคนในวงการรถต่างให้การยอมรับว่ามันคือแบรนด์รถยนต์ที่ทรงคุณค่าของโลก

           เป็นปกติที่การจะไปอยู่จุดสูงสุดของวงการมอเตอร์สปอร์ต จนมีคนยอมรับย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่ง Ferrari เองก็เช่นกันครับแต่ว่าการมาของชายที่ชื่อ Enzo Ferrari ทำให้แตกต่างจากผู้ก่อตั้งแบรนด์รถคนอื่น ๆ นั่นเพราะเขาไม่ใช่นักธุรกิจเน้นยอดผลิตจำนวนมาก ไม่ใช่วิศวกรฝีมือดีที่สร้างนวัตกรรมใหม่ แต่เป็นชายผู้คลั่งไคล้ยานยนต์ 4 ล้อที่กระหายชัยชนะ ผู้ไม่ยอมตกอยู่ใต้การควบคุมของใคร


           เรื่องราวของ Ferrari ก็ต้องย้อนไปยังสมัยที่ Enzo ยังเป็นเด็ก ความจริงแล้วเขาไม่ได้มีความสนใจเรื่องเครื่องจักรกลมากนัก จนกระทั่งบิดาของเขาได้พาไปชมการแข่งขันรถยนต์ นั่นทำให้ความรักและคลั่งไคล้รถของเขาเกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นความฝันที่จะได้ทำรถก็ยังไม่มาถึง เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914 -1918 ทำให้กิจการเหล็กของบิดาต้องถูกขายลงไป พร้อมกับการเสียชีวิตของบิดาและพี่ชาย ทำให้ Enzo ต้องออกเดินทางไปหางานทำ จนในที่สุดงานของเขาก็มาลงตัวที่ Alfa Romeo บริษัทรถอิตาลีในตำแหน่งนักขับทดสอบรถยนต์

           การงานในช่วงชีวิตดังกล่าวถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างล้ำค่าของ Enzo เพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่ ทำให้เขาได้สัมผัสกับรถยนต์อย่างใกล้ชิด ทั้งความสวยงามและสมรรถนะ จนทำให้เขาได้ตั้งทีมแข่งภายใต้สังกัด Alfa Romeo ในชื่อ Scuderia Ferrari ซึ่งผลงานก็ทำได้ยอดเยี่ยมคว้าแชมป์สนามแรกในปี 1924


           ในระหว่างการทำทีมแข่งมันก็ทำให้เขาได้พบกับบุคลากรมากความสามารถอย่าง Luigi Bazzi ผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตเครื่องยนต์รถ Alfa Romeo 2 Alfa158 รวมไปถึงการดึงตัวนักแข่งฝีมือดี Tazio Nuvolari กับ Targo Florio สองนักแข่งผู้เคยคว้าชัยชนะในศึก Mill Miglia ปี 1933 และศึก Germany Grand Prix ที่ Nurburgring ในปี 1935 มาร่วมทีม

           จะเห็นได้ว่ารอบตัวของ Enzo แวดล้อมไปด้วยคนเก่ง ๆ ทั้งนั้น มันก็เพราะความรักความชอบที่เหมือนกันมักจะดึงดูดเข้าหากันเสมอ ตัวของ Enzo มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าตั้งแต่เด็ก จนถึงวัยทำงานว่าจะนำรถของตนสู่จุดสูงสุดของวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งความมุ่งมั่นแบบนี้ก็ก่อให้เกิดแนวคิดที่อาจจะขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร ความทะเยอทะยานอยากที่จะเป็นอันดับ 1 ตัวจริง


           มันก็ทำให้ Enzo ต้องออกจาก Alfa Romeo ไปเมื่อปี 1939 โดยสาเหตุการออกของเขาบ้างก็ว่าไม่อยากสูญเสียความเป็นตัวเอง บ้างก็ว่าความเห็นไม่ตรงกัน จนถึงขั้นขัดแย้งกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบริษัท แต่ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม Enzo ได้ออกมาตั้งบริษัทเองใน Modena บ้านเกิดของเขา พร้อมกับช่างเครื่องยนต์ Luigi Bazzi แม้ว่าในช่วงเริ่มแรกพวกเขาต้องเจอกับวิกฤตสงครามโลกครั้งที่ 2 จนโรงงานโดนระเบิด แต่ในปี 1946 เขาก็เปิดโรงงานอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นการคว้าชัยชนะในสนามแข่งต่าง ๆ

           ด้วยความตั้งมั่นที่ชัดเจน ทำให้การผลิตรถในแต่ละรุ่น ถูกออกแบบมาเพื่อสนามแข่งขันโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นรถแข่งสมรรถนะสูง รถฟอร์มูล่า 1 (F1) ถูกผลิตออกมาด้วยความพิถีพิถัน ทำให้ Ferrari เป็นจ้าวสนามในทุกรายการชื่อดังของโลกเช่น Le Mans 24 Hours, Formula 1 รวมถึงครองแชมป์ผู้ผลิตรถ, แชมป์โลกนักขับในวงการ F1 ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรายการแข่งในอิตาลีเอง ม้าลำพองก็กวาดแชมป์มาได้ทั้งหมด


           จากความสำเร็จนี้ก็นำพาให้กำเนิดอะไรหลาย ๆ อย่างครับเช่นสุดยอดนักแข่งรถ F1 ที่ทุกคนต้องรู้จักคือ Michael Schumacher, Niki Lauda ในสังกัด Ferrari รวมถึงกำเนิดคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Lamborghini ด้วย รวมไปถึงกำเนิดยอดรถแข่ง Ford GT40 จนเอาชนะได้ในการแข่ง Le Mans 24 Hours เรียกได้ว่า Ferrari เป็นทั้งผู้ดึงดูดบุคลากรระดับหัวกะทิ และให้กำเนิดคู่แข่งระดับเดียวกันไปด้วย

           อย่างไรก็ตามการมุ่งเน้นการแข่งรถโดยไม่เน้นแสวงหากำไร การผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้มือคนผลิตไม่ใช่เครื่องจักรสายพาน ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองและขาดทุน จนในที่สุด Ferrari ต้องยอมขายหุ้นให้กับ Fiat ถึง 90% แต่กระนั้น ด้วยชื่อเสียงความสำเร็จที่สั่งสมมาเป็นเวลานานก็ทำให้ทุกคนต่างยอมรับว่า Enzo Ferrari คือบุคคลทรงคุณค่าแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตโดยแท้จริง

           ปัจจุบันจึงไม่แปลกที่มีคนซื้อ Ferrari เพื่อซื้อความสำเร็จ ก็เพราะเบื้องหลังของแบรนด์ม้าลำพองนี้มาจากการแข่งขัน ชัยชนะ ความเป็นที่ 1 นั่นเอง จากเรื่องราวนี้ก็ยังทำให้ได้แง่คิดหลายอย่างครับ โดยเฉพาะความตั้งใจการมี Passion อย่างแรงกล้าทำให้มองเป้าหมายได้ชัดเจน ความทะนงตนไม่ยอมอยู่ใต้บัญชาใคร มันอาจจะเป็นดาบสองคม แต่มันก็มีข้อดีที่เราไม่เสียความเป็นตัวของตัวเอง


           อีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือการกระตุ้นให้มีแรงจูงใจ ซึ่ง Ferrari เองเป็นแบรนด์รถแข่งที่มากล้นด้วยชัยชนะ ดังนั้นย่อมก่อให้เกิดการแข่งขันกันเอง ก็ยิ่งทำให้บุคลากรถูกกระตุ้นให้ตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งในสนามหรือการทำงานนอกสนามแข่ง ตรงจุดนี้เหล่าผู้บริหาร อาจนำไปปรับใช้กับองค์กรของตนเองได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

           ที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คือการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมด้วยคนเก่ง ๆ มีความสามารถ มันก็ทำให้เราได้พัฒนาศักยภาพ สามารถนำพาองค์กรไปสู่จุดหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ


           ส่งท้ายด้วยเกร็ดน่ารู้ของ Ferrari กับสัญลักษณ์โลโก้ "ม้า" ที่มามาจาก Enzo เชื่อว่ามันคือความ "โชคดี" และมันยังเป็นสัญลักษณ์บนเครื่องบินรบของกองทัพอิตาลีในช่วงยุค 20s ด้วย มันจึงเป็นอะไรที่เหมาะเจาะมากกับการนำรูปม้ามาเป็นโลโก้ติดรถ ส่วนพื้นสีเหลืองหลังรูปม้ามาจากสีประจำเมือง Modena บ้านเกิดของ Ferrari และแถบด้านบนสีเขียว-ขาว-แดง คือสีธงชาติอิตาลีนั่นเอง

           ส่วนที่ว่าทำไม Ferrari ต้องเป็นสีแดง ก็เป็นเพราะว่าตอนที่เขาทำทีมแข่งให้กับ Alfa Romeo สีรถประจำทีมคือสีแดงนั่นเอง มีชื่ออิตาลีว่า Rosso Corsa หรือ Racing Red ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นหากคุณมีเงินมากพอ การจะซื้อ Ferrari สีแดงเป็นอะไรที่คลาสสิก หรือเลือกสีอื่นก็ย่อมได้แต่มีข้อห้ามเพียงอย่างเดียวคือ "ไม่มีสีชมพู" เพราะ Ferrari เป็นสัญลักษณ์ของความดุดัน ดังนั้นจึงไม่มีสีหวาน ๆ อย่างสีชมพูให้เลือกนะครับ!!


ตัวอย่างหนัง


ตัวอย่างแรก ภาพยนตร์ ‘FERRARI เฟอร์รารี’ I Official Teaser


ตัวอย่างเต็ม [Official Trailer]  ‘Ferrari เฟอร์รารี’


ภาพนิ่ง โปสเตอร์ Ferrari (2023)

 
 
 
 
 


ภาพโปสเตอร์













เซียวเหล่งนึ่งฯ  นายพนมกร คำวัง (ตู่)
โทร 094-3619414, 086-4025293
อีเมล์: tuu414@scryptmail.com
Line: Touu-panomkornsmfjusthost@gmail.com
ชื่อบัญชี : นายพนมกร คำวัง
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีนครปฐม ออมทรัพย์ เลขบัญชี : 830-209795-5   
ธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัสนครปฐม ออมทรัพย์ เลขบัญชี : 637-001757-