บทที่ 57 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย ภาพชุด.. 43 ปี มนต์รักลูกทุ่ง 21 รูป

[ฉัตรชัยฟิล์มshop]

บทที่ 57
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
ภาพชุด.. 43 ปี มนต์รักลูกทุ่ง 21 รูป
โดย มนัส กิ่งจันทร์
(facebook 11 พฤษภาคม 2556)

             วันที่ 15 พฤษภาคม 2556 นี้ ก็จะเป็นเวลา 43 ปีแล้วครับที่อภิมหาอมตะหนังเพลงเรื่อง “มนต์รักลูกทุ่ง” มีอายุ 43 ปี.. มนต์รักลูกทุ่ง นำแสดงโดย มิตร-เพชรา สร้างในระบบ 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม โดย รุ่งสุริยาภาพยนตร์ โดย รัง สี ทัศนพยัคฆ์ เป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับการแสดง ฉายครั้งแรกวันที่ 15 พฤษภาคม 2513 ที่โรงหนังโคลีเซี่ยม ยมราช  .. มนต์รักลูกทุ่ง ออกฉายในกรุงเทพฯ ขณะที่ผมยังเป็นเด็กอยู่ต่างจังหวัด..

             กระทั่งอีกหลายปีต่อมา ผมจึงมีโอกาสได้ดู “มนต์รักลูกทุ่ง” จากจอหนังกลางแปลง.. ดูแล้ว ก็ชอบมากๆ ครับ หนังมีเพลงไพเราะหลายเพลง ดูแล้ว ก็ยังอยากจะดูอีกเรื่อยๆ แต่ว่าสมัยนั้น ยังไม่มีระบบวีดีโอเทป การจะดูหนัง ก็ต้องดูจากฟิล์มเท่านั้น จึงเป็นการยากลำบากที่ผมจะทำให้ผมได้ดู มนต์รักลูกทุ่ง อีก.. สมัยที่ยังไม่มีระบบเทปวีดีโอนั้น..  ถ้าถามผมว่า คิดถึงหนังไทยเรื่องไหนมากที่สุด ผมจะต้องบอกว่า มนต์รักลูกทุ่ง รุ่นมิตร-เพชรา..  ซึ่งเป็นหนังที่ให้ความรู้สึกฝังใจตลอดมา..

             นานวันเข้า จากเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่ หนังก็ยังเป็นความผูกพันลึกๆ ตลอดมา ยามใดที่นึกถึงหนังไทยเก่าๆ ผมก็ต้องนึกถึง มนต์รักลูกทุ่ง.. ทุกครั้งไป ยิ่งถ้าได้ยินเสียงเพลงของหนังจากวิทยุ ก็ยังคิดถึงหนังเรื่องนี้มากขึ้น..  ผมว่า ไม่ใช่แต่ผมคนเดียวนะครับที่จะชอบ จะคิดถึง มนต์รักลูกทุ่ง ผมว่า ยังมีอีกหลายล้านคนที่ชอบเหมือนอย่างผม ไม่เช่นนั้น มนต์รักลูกทุ่ง ก็คงจะไม่ทำได้เงินมหาศาลจากการฉายเพียงโรงเดียว ยืนระยะฉายนานเกือบ 7 เดือน ทำเงินได้เกือบ 7 ล้านบาท จากค่าตั๋วราคา 20 บาทในปี 2513 หรอกครับ..

             นี่... ยังเป็นตัวเลขที่ยังไม่รวมเงินได้จากโรงหนังต่างจังหวัดนะครับ ว่ากันว่า ทุกโรง ทุกสายต่างโกยกำไรกันเป็นว่าเล่นกับหนังเรื่องนี้... มนต์รักลูกทุ่ง จึงเป็นหนังอันดับหนึ่งในดวงใจของผม...นอกจากนี้ มนต์รักลูกทุ่ง ยังเป็นหนังที่จุดประกายให้ผมหวนกลับมาคิดถึงหนังไทยเก่าๆ เรื่องอื่นๆ อีกด้วยและยังเป็นพลังที่ปลุกให้ผมกลับมาตามหาและคิดจะอนุรักษ์หนังไทยเก่าๆ อย่างจริงจังมาจนทุกวันนี้ ครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้สร้าง มนต์รักลูกทุ่ง ให้เป็นตำนานหนังเพลงเรื่องยิ่งใหญ่ของวงการประวัติศาสตร์หนังไทย.. สิ่งที่พิสูจน์ให้ว่า มนต์รักลูกทุ่ง ยังคงอยู่ในใจของคนไทยตลอดมา เริ่มปรากฏชัดเมื่อ มนต์รักลูกทุ่ง รุ่นที่ 2 ออกฉายในปี 2525 เพราะก่อให้เกิดกระแสอยากจะกลับไปดู มนต์รักลูกทุ่ง ต้นฉบับเดิม..

             ตามมา หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ตอนนี้ว่า “หลังจากที่ได้ทำ มนต์รักลูกทุ่ง ขึ้นมาใหม่กับ พูนทรัพย์ฟิล์ม ของ วิศิษฐ์ มิ่งวัฒนบุญ นั้น หลายต่อหลายคนมาบอกว่า เวอร์ชั่นใหม่ที่ทำออกมานั้น ยังสู้เวอร์ชั่นมิตร-เพชราไม่ได้ สายหนังหลายคนยืนยันว่า ถ้าได้ฟิล์มเดิมออกมา จะคิดราคาเท่าไหร่ ก็สู้ ครูรังสีไม่รอช้า บินไปฮ่องกงเพื่อค้นหาเนกาตีฟ Country Boy Serenade ซึ่งเป็นชื่อของ มนต์รักลูกทุ่ง ในภาษาอังกฤษที่แลปทันที ผมไปฮ่องกงเลย ไปติดต่อเขาและก็พบว่า เขาเผาไปแล้ว นี่แหละความโชคร้ายของผม ผมถามคนเฝ้าโรงเก็บว่า เห็นหนัง Country Boy Serenade บ้างหรือเปล่า ถ้ามีใครเห็น ผมให้ 5,000 เหรียญ เขาบอกว่า เห็นนะ แต่พอจะเข้าไปค้นในโรงเก็บ เจ้าของโรงเขาไม่ให้ค้น ก็เลยเข้าไม่ได้ พอผู้บริหารออกมา เขาบอกว่า เผาไปแล้ว ผมงี้เข่าอ่อนเลย ผมก็ว่าอยู่ที่แมนดารินแลป แต่ก็หาไม่เจอ เรื่องอื่นเจอหมดยกเว้น มนต์รักลูกทุ่ง ถ้ามันยังอยู่ ผมก็เอามาขายได้ แหมน่าเสียดาย เสียดายมาก ”

             เห็นได้ชัดว่า ความหวังที่เราจะได้ดู มนต์รักลูกทุ่ง จากฟิล์มต้นฉบับ (เนกาตีฟ) นั้น คงจะหมดหวังอย่างสิ้นเชิง ตอนนั้นเรื่องราวของ มนต์รักลูกทุ่ง รุ่นมิตรจึงเหลือแต่เพียงตำนานให้เล่าขานติดต่อกันเรื่อยมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงวันที่ 8 ตุลาคมของทุกปี ก็มักจะมีการเรียกร้องให้หาหนัง มนต์รักลูกทุ่ง กลับมาฉาย แต่ก็ได้แค่เรียกร้อง ไม่มีใครสมหวังเลย การตามค้นหากากฟิล์ม มนต์รักลูกทุ่ง รุ่นมิตรที่ออกฉายตั้งแต่ปี 2513 คงไม่มีประโยชน์แล้วเพราะถ้าหาพบ ก็คงจะอยู่ในสภาพ ฉายไม่ได้แล้ว แต่ยังโชคดีที่ครูรังสีได้ทำเป็นฟิล์มขนาด 16 มม.สโคป เสียงในฟิล์ม เก็บไว้เป็นการส่วนตัวชุดหนึ่ง แต่ฟิล์มชุดนี้ก็ถูกใช้ฉายบ่อย ๆ เช่นกัน สภาพฟิล์มจึงมีร่องรอยความบอบช้ำ แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องจากกลุ่มคนรักมิตรดังขึ้นเรื่อย ๆ (แบบว่า เก่าแค่ไหนก็จะดู ขอให้มีดูก็แล้วกัน) ครูรังสีจึงยอมให้ยืมฟิล์มมาฉายที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ครั้งหนึ่ง นี่..

             ถ้าไม่ใช่กระแสตอบรับจากกลุ่มคนที่แห่กันไปดู มนต์รักลูกทุ่ง แน่นโรงหนังแอมบาสเดอร์ในคืนนั้นแล้ว เราก็คงไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้อีกแน่นอน แม้สภาพฟิล์มจะเป็นเส้นฝน บางตอนเสียงก็ยังขาดๆ หายๆ แต่ด้วยแรงศรัทธามหาชนที่เรียกร้องอยากจะดูอีกเพราะบางคนไม่ทราบข่าว บางคนมาไม่ทัน ทำให้คุณกมล กุลตังวัฒนา ซึ่งขณะนั้นเข้ามาบริหารโรงหนังแอมบาสเดอร์ ตัดสินใจขอนำฟิล์มชุดสุดท้ายที่เหลืออยู่นี้กลับมาบูรณะซ่อมแซมใหม่ โดยบันทึกเสียงเพลง เสียงพากย์เข้าไปใหม่ จากนั้นก็พิมพ์เป็นฟิล์ม 35 มม.  เสียงในฟิล์มออกฉายที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2534..

             แม้จะเป็นหนังเก่า มีเส้นฝนและสีของฟิล์มก็ออกสีแดงแล้ว แต่ผู้คนก็ให้ความสนใจกับ มนต์รักลูกทุ่ง ชุดประวัติศาสตร์ตัวนี้อย่างมาก หลังจากปี 2535 เป็นต้นมา เมื่อถึงวันงานรำลึกมิตร ชัยบัญชา ก็มักจะมีเสียงร้องให้นำ มนต์รักลูกทุ่ง (2513) กลับมาฉายอีก บางปีก็ฉายได้ บางปีก็ฉายไม่ได้เพราะสภาพฟิล์มที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2535 เริ่มบอบช้ำอีกแล้ว แต่เป็นโชคดีอย่างมากที่ โครงการคิดถึงหนังไทย ของ พันธมิตรฟิล์ม สามารถเจรจาขออนุญาตจากครูรังสีในการนำ มนต์รักลูกทุ่ง ชุดประวัติศาสตร์กลับมาทำเป็น VCD ได้สำเร็จในปี 2544 จึงได้นำฟิล์มเนกาตีฟมนต์รักลูกทุ่งที่จัดพิมพ์ขึ้นใหม่ในปี 2535 ไปเข้าเครื่องเทเลซีนที่บริษัท SOHO ASIA จำกัด เพื่อเปลี่ยนสภาพเป็นเทปมาสเตอร์ ซึ่งในการเทเลซีน ครั้งนั้น เพื่อให้ครูรังสีได้รับรู้ว่า หนังที่ครูรัก ครูหวง จะออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เครื่องไม้เครื่องมือในปัจจุบันจะพึงช่วยได้

             พันธมิตรฟิล์ม  จึงเรียนเชิญครูรังสีซึ่งตอนนั้นไปพักอยู่จังหวัดจันทบุรีมาดูการเทเลซีนหนังและสั่งการด้วยตนเอง ภาพใน VCD ที่ออกมาถือว่า ดีที่สุดแล้วเพราะได้ใช้เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสีแดงออกไปและเพิ่มสีสรรเข้าไปได้บ้าง อย่างที่เราท่านได้พิสูจน์กันแล้ว มีอยู่คำถามหนึ่ง ที่ผมถูกถามเป็นประจำก็คือ มนต์รักลูกทุ่งรุ่นมิตร ชัดหรือไม่ ส่วนตัวแล้วขอตอบว่า ชัดเพราะผมดูหน้ามิตร ก็ยังเป็นมิตร ดูหน้าเพชรา ก็เป็นเพชราเหมือนเดิม แต่ความชัดดังกล่าวถูกบดบังด้วยร่องรอยเส้นฝนกับสีที่จืดจางลง ภาพรวมจึงดูไม่แจ่มใสเหมือนต้นฉบับ แต่คนที่รู้ว่า หาฟิล์มต้นฉบับไม่ได้ ต่างก็ยอมรับที่จะดูหนังเรื่องนี้ในสภาพปัจจุบัน

             สมัยที่ผมดูหนังกลางแปลง ขนาดฝนตก ผมก็ยังทนหาที่ดูหนังจนได้เพราะรู้ว่า ถ้าไม่ทน ก็คือไม่ได้ดู ผมไม่เคยทำตัวเป็น นักดูหนังที่กลัวฝน ดังนั้น แค่หนังเป็นเส้นฝน จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผม อีกอย่าง ถ้าผมไม่ยอมดูก็หมายถึงว่า ผมกำลังปิดกั้นตนเองในการที่จะเข้าไปร่วมรับรู้กับหนังไทยเรื่องนั้น ๆ ด้วย แหละนี่ก็คือ มนต์รักลูกทุ่ง เมื่อ 43 ปีที่ผ่านมา

... ................

ดูภาพเพิ่มเติม...
https://www.facebook.com/media/set/?set=oa.156506667862732&type=1