ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 612 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ ถุยชีวิต 2522 หนังถุย หนังแถม  (อ่าน 1763 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย

บทที่ 612
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
ถุยชีวิต 2522 หนังถุย หนังแถม
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 4 พฤศจิกายน 2557)


         สวัสดีครับทุกท่าน.. ย้อนกลับไปราวๆ ปี 2523 ช่วงนั้นผมกำลังเรียนชั้น ม.ศ.5 อยู่ที่สุรินทร์.. ว่างๆ ก็จะไปช่วยเพื่อนฉายหนังกลางแปลง.. แล้ววันหนึ่ง พ่อของเพื่อนที่คนในซอยตาดอกชอบเรียกชื่อว่า ตาเจ.. ก็ซื้อหนังใหม่มาเรื่องหนึ่ง.. ตอนนั้นตาเจทำบริการหนังกลางแปลงชื่อ สมยศภาพยนตร์ มีหน่วยฉายหนัง 3 จอ..ก็แบ่งให้ลูกๆ ช่วยกันทำ.. ผมไปช่วยเพื่อนที่เป็นหน่วยสุดท้อง.. พอมีหนังมาใหม่ พวกเขาก็พากันดูใบปิดหนัง..ก็เป็นใบปิดที่ผมใช้เปิดกระทู้นี่แหละครับ.. เรื่อง ถุยชีวิต..

         หนังเพิ่งมาถึงใหม่ๆ ใครจะเป็นผู้เปิดซิงหนังเรื่องนี้กันล่ะ.. ตามปกติก็จะเป็นพี่ชายเพื่อนที่ชื่อ สมยศ นั่นแหละครับ.. เขาจะเปิดซิงหนังก่อนใครเสมอ.. แต่ครั้งนี้ ไม่รู้เป็นอะไร กลายเป็นว่า หน่วยสุดท้องของเพื่อนผม จะได้เป็นคนเปิดซิงฉายล้อมผ้าเก็บสตางค์หนังเรื่องนี้.. พวกเรากรอฟิล์มดูแล้ว เห็นว่า เป็นฟิล์มค่อนข้างใหม่ ไม่ค่อยมีเส้นฝนสักเท่าไหร่..ก็นำไปฉาย 2 เรื่องควบ ควบกับหนังเก่าเรื่องหนึ่ง จะให้ ถุยชีวิต เป็นหนังเต็ง.. ผมจะเป็นโฆษกประกาศโฆษณาทั่วหมู่บ้านว่าจะฉายหนังเรื่องอะไรบ้าง.. ก็อาศัยอ่านจากข้อความบนใบปิดนั่นแหละครับ..

         ตอนประกาศก็เห็นๆ ว่า ไม่ใช่หนังบู๊ แต่เป็นหนังชีวิต ซึ่งตลาดคนดูเขาไม่ค่อยจะชอบดู เขาชอบแต่หนังบู๊ๆ กัน แล้วจะเก็บสตางค์ได้หรือเปล่าหนอ.. สมัยนั้นเก็บค่าตั๋วผู้ใหญ่ 8 บาท เด็ก 4 บาท (บางทีก็ 6 บาท) ครั้งแรกที่ฉายก็จะเห็นเป็นหนังสีธรรมชาติ แต่พอฉายไปได้สักพัก หนังก็เปลี่ยนเป็นสีแดงๆ จะเป็นภาพที่ สรพงศ์ ชาตรี นั่งนึกถึงอดีตตอนที่ตนเองยังเป็นครูยากจนในชนบท..แต่ว่าสรพงศ์นึกนานมากๆ จนหนังเกือบหมดม้วน (ม้วนหนึ่งยาว 20 นาที) คนดูก็เริ่มหันมามองที่เครื่องฉายบ่อยๆ.. คนดูบางคนก็ดูไม่ทันว่า เป็นฉากนึกถึงความหลังเพราะมีการเปลี่ยนภาพเร็วมาก..จึงเข้าใจว่า พวกเราเอาหนังเก่าสีแดงๆ มาฉาย.. ก็เริ่มลุกหนีกันทีละคนสองคน.. เรียกว่า คืนนั้นที่พวกเรากะๆ เอาไว้ว่า หนังใหม่เรื่อง ถุยชีวิต จะเป็นหนังเต็ง แต่ไปๆ มาๆ ก็เลยกลายเป็นหนังแถมที่ไม่ค่อยจะมีคนดู..

         ผมก็ดูหนังบ้าง คุยกันบ้าง คืนนั้นก็ฉายกันจนจบทั้งสองเรื่อง แต่ผมก็จำหนังได้แค่เพียงว่า สรพงศ์เล่นเป็นครูจนๆ แล้วอยากมีเงินมากๆ จึงเข้ากรุงเทพฯ มาหางานทำ แต่ต้องไปทำงานทุจริตจึงได้เงินมา.. เห็นในใบปิดภาพที่สรพงศ์ได้เงินมามากๆ แล้ว โยนเงินกระจัดกระจายเต็มห้องไหมครับ.. นั่นแหละฉากที่ผมจำได้.. แต่ตอนจบสรพงศ์ก็พบกับความผิดหวังในชีวิต..หนังจึงได้ชื่อว่า ถุยชีวิต....ไงครับ

         หลังจากฉายคืนนั้นเป็นต้นมา..เวลาจะต้องแถมหนังเรื่องอะไรให้เจ้าภาพ ตาเจก็มักจะพูดว่า เอา “ถุย” ไปแถมตลอด.. ลืมบอกไป หลังจากฉายคืนนั้นแล้ว..  ผมก็กรอฟิล์มหนังเรื่องนี้ แล้วตัดเอาช่วงที่สรพงศ์นั่งนึกถึงอดีตฟิล์มสีแดงๆ เก็บไว้..เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นฟิล์มสีแดงๆ กลัวจะหาว่า เราฉายหนังเก่าๆ (เพราะแต่ก่อนเคยฉายหนังเก่ามาเยอะมาก) กลัวไม่มีคนดูครับ ความที่หนังเรื่องนี้ผ่านมือผมเพียงไม่กี่ครั้ง แถมยังไม่ค่อยจะสนใจดูด้วย. .ต่อมาภายหลังมันก็ทำให้คิดถึงหนังเรื่องนี้ อยากดูอีกสักครั้งว่า เนื้อหาจริงๆ จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่จนถึงวันนี้..ก็ไม่มีข่าวคราวของ ถุยชีวิต.. อีกเลย..

         ถุยชีวิต นำแสดงโดย สรพงศ์-เนาวรัตน์-เปียทิพย์-สมภพ-สมชาย-เสริมพันธ์-แพน-ทินรัตน์ สร้างโดย อาร์ แอนด์ อาร์โปรดักชั่น โดย สุจิวรรณ อุทัยสาง เป็นผู้อำนวยการสร้าง.. กำกับการแสดงโดย ชุมพร เทพพิทักษ์ ฉายครั้งแรกวันที่ 24 มีนาคม 2522 ที่โรงหนังปารีส-ออสการ์

-------------------


วิไลลักษณ์ จุฬานนท์ ได้ดูค่ะ ภาพที่จำได้...ฉากเดียวกันเลย ฉากโปรยเงิน ชอบหนังเรื่องนี้ ชอบหนังแนวเสียดสีสังคม แนวดราม่า ในอดีต...แม้จะไม่ขายดี....แต่ยังมีคอหนังอยู่บ้าง...ผิดกับปัจจุบัน ไม่มีให้ดูเพราะไม่มีคนดู...เลยไม่มีคนทำ  อย่างหนัง"นางฟ้า" เข้าฉายปี 56 จบเรื่องรายได้  ผกก.ร่วมกับตั๊กบงกชคือ อ.วิโรจน์ (เขียนบทด้วย) ครูวิโรจน์เป็นผู้หนึ่งที่เติบโตมากับหนังไทย Viroj Srisitsereeamorn นายทุนก็คนรักหนังไทยเช่นกัน อ้วน รีเทิร์น  หวังว่าคุณมนัสจะได้หาเก็บหนังดีเรื่องนี้ไว้ด้วย ขอบคุณ

          ผมเหมือนเป็นคนมีกรรมครับ..สมัยนั้น ไม่ค่อยจะชอบหนังที่ชาวบ้านพากันทิ้งจอหนังผมไป..พอหนังเรื่องไหน ดูแล้วไม่ค่อยจะถูกใจคนดู..  ผมก็ไม่ค่อยอยากจะฉายครับ..อย่าง ถุยชีวิต นี้ เข้าใจว่า อยู่กับบริการหนังพ่อเพื่อนเพียงไม่กี่เดือน.. เขาก็ปล่อยฟิล์มขายต่อไปที่อื่นแล้วเพราะพอบอกว่าเป็นหนังชีวิตแล้ว เจ้าภาพมักไม่ค่อยจะเลือกไปฉายครับ.. ทุกวันนี้ พอเห็นใบปิด เห็นชื่อหนังก็ได้แต่คิดว่า แล้ววันหนึ่ง เราจะเจอกากฟิล์มอีกหรือเปล่า..

          อย่างที่บอกว่า สมัยนั้น ผมฉายกลางแปลงไม่กี่ครั้ง.. และก็มักจะฉายเป็นหนังแถมครับ ความสนใจในการดูหนังก็เลยน้อยลงไปด้วย บางทีตาเราก็จ้องดูกับการคุมแสงไฟจากเตาอ๊าค ไม่ให้หนังบนจอมันมืดมันดับลงไป..พอจะหมดม้วน ก็ต้องคอยดูว่า คนฉายเราเขาจะสาวฟิล์มและต่อม้วนทันหรือไม่..หนังก็ปล่อยฉายไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจอะไร.. แต่ถ้าหากเป็นหนังเต็ง..คนดูก็จะสนใจดูแต่หนัง คนฉายก็มีกำลังใจและยิ่งต้องระมัดระวังในการฉายให้มากขึ้น.. พอมาถึงวันนี้ ก็เสียดายครับ หนังไทยเก่าๆ แบบนี้หลายเรื่องหายไปเพราะความที่คนดู คนซื้อหนังคิดว่า ใช่หนังเต็งหรือไม่ นั่นแหละครับ ก็เลยทำให้หนังถูกแบ่งเกรด กำหนดราคาขายฟิล์มไม่เหมือนกัน..

          หนังไม่เต็งแบบนี้ เวลานำไปปล่อยขายให้บริการอื่นๆ ก็จะถูกเหมาซื้อไปอย่างหนังแถม..พอฟิล์มไม่ค่อยได้ฉายบ่อยๆ เจ้าของบริการหนังเขาก็รู้สึกเหมือนว่า อยู่เกะกะบ้าน..ถ้ามีพื้นที่เหลือหน่อย ก็ยังเก็บไว้ แต่ถ้าบ้านเริ่มรก เขาก็จะทิ้งหนังไปครับ.. ตอนที่ผมไปหาฟิล์มที่ร้อยเอ็ด กรุโรงหนังเฉลิมเอกของอาจารย์ประนอม แซ่เซีย นั้น ผมเห็นหนังหลายเรื่องที่ผมเคยฉายและฟิล์มถูกซื้อมาเก็บไว้ที่นั่น เช่น อยู่กับก๋ง..และยังถูกเก็บอยู่จนเราได้มีโอกาสเห็นหนังที่เราเคยฉายอีกครั้ง..แต่สำหรับ ถุยชีวิต แล้ว ไม่รู้ว่า สมัยนั้นถูกใครซื้อไป..เสียดายครับ ไม่งั้น เราคงจะได้ฉายดูอีกเพื่อทบทวนความหลังกันครับ..

Surapong Aod เรื่องนี้ ผมได้ดูครับ ที่โรงหนังศรีสาธร หนังดีมากครับ สะท้อนสังคมดี แต่รู้สึกเดินเรื่องอืดไปนิด ถ้าไม่ใช่คอหนังชีวิต คงมีหลับบ้าง น่าจะเกี่ยวกับบทหนังด้วย ทำให้หนังอืด เดินเรื่องยืดช้า อาศัยสาระและการแสดงของดารา เลยพอเอาตัวรอดไปได้ ผมยังเก็บหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอยู่หลายปี พอย้ายบ้าน ก็โดนไฟล์บังคับจำใจต้องเอาไปทิ้ง เรื่องนี้น่าจะสร้างหลังจากเรื่อง ชีวิตบัดซบ ดัง ไม่นานนัก เลยตั้งชื่อคล้ายๆกัน ในโฆษณาหนังสือพิมพ์ก็ขายประโยคที่ว่า " สรพงษ์ ชาตรี รับบทหนักกว่าเรื่อง ชีวิตบัดซบ " (ประมาณนี้) ต่างจังหวัดอาจไม่นิยม เพราะเป็นหนังชีวิตและค่อนข้างซีเรียสด้วย

          สมัยนั้น หนังชีวิต ถ้ากระแสไม่แรงจริงๆ ก็มักจะไม่ค่อยมีคนดูในจอกลางแปลงเพราะหนังกลางแปลงมีบรรยากาศการฉายไม่เหมือนกับหนังโรงโดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมรอบๆ   

Surapong Aod ครับ หนังกลางแปลง บรรยากาศโดยรอบจะอึกทึก ไม่เหมาะแก่การดูหนังชืวิต ซึ่งต้องใช้สมาธิในการชมพอสมควร
ต้องเป็นหนังบู๊ ตลก หนังผี
ที่เน้นแอ๊คชั่น เทคนิค
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 พฤศจิกายน 2014, 10:24:22 โดย นายเค »


สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได