กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10
81
หนังใหม่ที่น่าสนใจกำลังจะเข้าฉาย / The Ugly : หน้าเกลียด
« กระทู้ล่าสุด โดย เซียวเหล่งนึ่งฯ เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2025, 19:45:37 »

• ชื่อไทย : หน้าเกลียด
• ปีที่เปิดตัว : 2568
• เข้าฉายในไทย : 20 พฤศจิกายน 2568
• นำแสดง : Park Jeong-Min, Kwon Hae-Hyo, Shin Hyun-Bin
• กำกับโดย : Yeon Sang-Ho
• เขียนโดย : Yeon Sang-Ho
• ประเภท : Drama / Mystery / Thriller
• ความยาว : 102 นาที
• สร้างโดย : South Korea
• จำหน่ายโดย : ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ Shinesaengad Venture


เรื่องย่อ The Ugly หน้าเกลียด

           เตรียมดำดิ่งสู่ด้านมืด ! The Ugly หน้าเกลียด ผลงานใหม่จาก ยอนซังโฮ ผู้กำกับสายทริลเลอร์สุดปัง Train to Busan เมื่อลูกชายต้องสืบหาความจริงเบื้องหลังการตายปริศนาของแม่ที่ถูกฝังกลบมานานถึง 40 ปี

           คอหนังเกาหลีที่ชื่นชอบความลึกลับ ชวนให้คิดตาม และทริลเลอร์สะเทือนอารมณ์ เตรียมตัวให้พร้อม เพราะผลงานล่าสุดจากผู้กำกับระดับโลก ยอนซังโฮ (Yeon Sang Ho) เจ้าของตำนานซอมบี้คลั่งอย่าง Train to Busan และ Peninsula กำลังจะมาถึงโรงภาพยนตร์ไทยแล้ว นั่นคือ The Ugly หน้าเกลียด หนังที่สร้างจากนิยายภาพที่เขา "เขียนและวาด" เองเมื่อปี 2018 ซึ่งได้เสียงตอบรับดีเยี่ยมจนขึ้นอันดับ 1 Box Office เกาหลีและมียอดผู้ชมทะลุ 1 ล้านคนในเวลาอันรวดเร็วหลังเข้าฉาย ด้วยคำชมจากนักวิจารณ์ว่าเป็นการตีแผ่ด้านมืดของมนุษย์ได้อย่างงดงามและเจ็บลึก บอกเลยว่างานนี้ผู้กำกับยอนซังโฮพาเราไปสำรวจความมืดมิดในใจคนแบบลึกซึ้งแน่นอน




          The Ugly (เกาหลี: 얼굴) เป็นหนังระทึกขวัญลึกลับที่พร้อมจะพาผู้ชมไปสู่การสืบสวนคดีที่ถูกปิดผนึกไว้ถึงสี่ทศวรรษ เรื่องราวหลักจะโฟกัสไปที่ อิมดงฮวาน (รับบทโดย พัคจองมิน) ชายหนุ่มที่ชีวิตพลิกผันเมื่อจู่ ๆ ก็ได้รับข่าวว่า มีคนพบ โครงกระดูกของแม่ที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ 40 ปีก่อน แม่ของเขาคือ จองยองฮี (ชินฮยอนบิน) ผู้หญิงที่ถูกสังคมตีตราว่า "น่าเกลียด" จนกลายเป็นปมตลอดชีวิต

          ดงฮวานเริ่มสืบสวน โดยมี อิมยองกยู (ควอนแฮฮโย) พ่อตาบอดที่เป็นปรมาจารย์ช่างแกะตรายาง เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญ ยองกยูมองไม่เห็นโลก แต่สัมผัส "ความงาม" ได้ลึกซึ้งกว่าคนตาดีทั่วไป การสืบครั้งนี้พาเราดำดิ่งสู่ความทรงจำอันเจ็บปวด การกลั่นแกล้งในที่ทำงาน ความรักที่ถูกเหยียดหยาม และความลับครอบครัวที่ฝังลึก

          หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่การสืบสวนคดีฆาตกรรม แต่ผู้กำกับยอนซังโฮตั้งคำถามเชิงปรัชญาต่อ "ความน่าเกลียด" ทั้งในเชิงรูปลักษณ์และจิตใจของมนุษย์ คำโปรยบนโปสเตอร์ที่ว่า “สิ่งที่น่าเกลียด มักถูกเหยียดหยามเสมอ” สะท้อนให้เห็นว่าหนังจะสำรวจบาดแผลทางสังคม ความทรงจำ และอารมณ์ด้านมืดของผู้คน

          เมื่อ ‘ใบหน้า’ กลายเป็นสัญลักษณ์ของบาดแผลและความทรงจำ หนังจะพาเราไปสำรวจว่ามนุษย์เรามักมองข้ามความจริงที่อยู่ภายใต้ "สิ่งที่มองเห็น" ได้ง่ายเพียงใด นี่คือการสำรวจความคลุมเครือทางศีลธรรม ความรู้สึกผิดของคนรุ่นต่อรุ่น และการแสวงหาความจริงอันหนักอึ้ง













ผู้กำกับและนักแสดง The Ugly หน้าเกลียด (2025)

          ผู้กำกับ ยอนซังโฮ ที่เราคุ้นเคยกับความตื่นเต้นแอ็คชั่นสุดเข้มข้นใน Train to Busan และ Hellbound ได้พลิกโฉมครั้งสำคัญใน The Ugly หน้าเกลียด โดยทำเป็นหนังอินดี้ทุนต่ำ ถ่ายทำอย่างรวดเร็วด้วยทีมงานขนาดเล็ก แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ด้านมืดและสำนึกทางสังคมที่เป็นนิยามของผลงานของเขาไว้ครบถ้วน แม้ฉากจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ยังคงมีคำถามที่ซับซ้อนเกี่ยวกับความผิดและคุณธรรม

          ด้านนักแสดงนำอย่าง พัคจองมิน ที่เคยฝากผลงานน่าประทับใจไว้ใน Decision to Leave และ Hellbound มารับบท อิมดงฮวาน (และยังรับบทเป็นพ่อ อิมยองกยู ในฉากย้อนอดีตด้วย) เขาจะต้องถ่ายทอดการเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบในอดีตที่ลึกลับได้อย่างลึกซึ้ง และร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่าง ควอนแฮฮโย ในบทบาทช่างแกะสลักตรายางตาบอด, ชินฮยอนบิน, อิมซองแจ และ ฮันจีฮยอน ที่จะมาร่วมเปิดเผยความจริงที่ถูกฝังไว้

          The Ugly หน้าเกลียด ไม่ใช่แค่หนังทริลเลอร์ที่ให้ความตื่นเต้น แต่เป็นการสำรวจจิตใจมนุษย์อย่างลึกซึ้งตามสไตล์การเล่าเรื่องอันเฉียบคมและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้กำกับยอนซังโฮ แม้จะมาในรูปแบบที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยรายละเอียดและความซับซ้อนทางศีลธรรม เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าจับตามองในแง่ของการตีแผ่ด้านมืดและแผลในสังคมเกาหลี

          เตรียมตัวค้นหาคำตอบว่า ความหมายของความงามที่แท้จริง ใครเป็นผู้กำหนด และอะไรถูกซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกที่เรามองเห็นได้ในหนัง The Ugly หน้าเกลียด 20 พฤศจิกายน นี้ ในโรงภาพยนตร์



ตัวอย่างหนัง The Ugly หน้าเกลียด (2025)


The Ugly - Official Trailer


The Ugly - Official Trailer 2



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ The Ugly (2025)

 
 
 
 
 


ภาพโปสเตอร์



















82

• ชื่อไทย : แดนทมิฬ เมืองต้องสาป
• ปีที่เปิดตัว : 2568
• เข้าฉายในไทย : 13 พฤศจิกายน 2568
• นำแสดง : Milla Jovovich, Dave Bautista, Arly Jover
• กำกับโดย : In The Lost Land
• เขียนโดย : Constantin Werner, Paul W.S. Anderson, George R.R. Martin
• ประเภท : Action / Adventure / Fantasy
• ความยาว : 101 นาที
• สร้างโดย : Germany / USA / Switzerland
• จำหน่ายโดย : เอ็ม พิคเจอร์ส M Studio


เรื่องย่อ In the Lost Lands แดนทมิฬ เมืองต้องสาป

          เมื่อ มิลลา โจโววิช (Milla Jovovich) กลับมาในบทแม่มดสุดแข็งแกร่ง ฝ่าดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และการเอาชีวิตรอด


          วงการหนังเตรียมสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อผู้กำกับสายบู๊อย่าง Paul W. S. Anderson ที่เคยฝากผลงานสุดมันส์ในแฟรนไชส์ Resident Evil กลับมาจับมือกับภรรยาคู่บุญอย่าง มิลลา โจโววิช เพื่อสร้างสรรค์หนังแอ็คชั่นแฟนตาซีไซไฟเรื่องใหม่ล่าสุดอย่าง In the Lost Lands ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันของปรมาจารย์นิยายแฟนตาซี George R.R. Martin เจ้าของมหากาพย์ Game of Thrones

          แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับบังลังก์เหล็ก แต่รับรองว่า In the Lost Lands จะพาคุณไปรู้จักกับโลกหลังหายนะที่โหดร้ายและไร้อารยธรรม ที่ซึ่ง "เทพนิยายสุขสันต์" เป็นเพียงคำโกหก ในดินแดนรกร้างที่ถูกเรียกว่า "แดนทมิฬ" (Lost Lands) เรื่องราวเข้มข้นนี้จะพาเราไปติดตามการผจญภัยของแม่มดสาวผู้ทรงพลังและนายพรานลึกลับ ในภารกิจตามหาพลังอันตรายที่อาจนำมาซึ่งหายนะครั้งใหม่


           In the Lost Lands เป็นเหตุการณ์ในโลกหลังหายนะที่เรียกว่า "ดินแดนสาบสูญ" (Lost Lands) ซึ่งเป็นดินแดนรกร้างไร้อารยธรรม ที่ซึ่งความสงบสุขถูกบังคับโดยคริสตจักรภายใต้การปกครองของ โอเวอร์ลอร์ด เรื่องราวเริ่มต้นจากราชินีผู้สิ้นหวัง (รับบทโดย อมารา โอเกเรเก) ที่ต้องการค้นหาความรักที่แท้จริง พระองค์จึงตัดสินใจเสี่ยงครั้งใหญ่ด้วยการส่ง เกรย์ อลิส (รับบทโดย มิลลา โจโววิช) แม่มดสาวผู้ทรงพลังและน่าเกรงขาม ที่ต้องต่อต้านระบอบเผด็จการทางศาสนาจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้าน เข้าไปยังดินแดนสาบสูญที่เต็มไปด้วยอันตราย โดยขอให้แม่มดสาวผู้นี้ทำภารกิจสุดอันตรายเพื่อแลกกับข้อตกลงเก่าที่ว่าอลิสจะไม่ปฏิเสธคำขอจากใคร นั่นคือการเดินทางเข้าสู่ "แดนทมิฬ" ดินแดนรกร้างไร้กฎเกณฑ์ เพื่อตามหาพลังของ "มนุษย์หมาป่า" ที่รู้จักกันในชื่อ ซาร์ดอร์ (Zardor)

          เพื่อนำทางในดินแดนอันตราย เกรย์ อลิส จึงต้องว่าจ้าง บอยซ์ (รับบทโดย เดฟ บอทิสตา) นายพรานผู้แข็งแกร่งและลึกลับมาร่วมเดินทางด้วย ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันเอาชีวิตรอดจากภัยคุกคามรอบด้าน ทั้งจาก ตุลากร (รับบทโดย อาร์ลีย์ โจเวอร์) ที่นำกลุ่มผู้ติดตามจากคริสตจักรออกไล่ล่าเกรย์ อลิสอย่างไม่ลดละ และจากเหล่าอสุรกายที่ซุ่มซ่อนอยู่ในแดนทมิฬ

          ระหว่างการเดินทางที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ทั้งอลิสและบอยซ์ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน การไล่ล่าบนรถรางลอยฟ้าที่นำไปสู่ฉากแอ็คชั่นสุดระทึก หรือแม้แต่การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดคล้ายกูลในวงแหวนไฟ แต่ทั้งเกรย์ อลิส และบอยซ์ ต่างเก็บความลับของตัวเองไว้ไม่เปิดเผย และเมื่อพวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ความจริงที่ซ่อนอยู่ก็เริ่มปรากฏ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวตนที่แท้จริงของบอยซ์ที่จะทำให้ทุกอย่างพลิกผัน
















           In the Lost Lands เป็นหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีที่ผสมผสานองค์ประกอบของนิยายวิทยาศาสตร์และโลกหลังหายนะได้อย่างน่าสนใจ แม้จะสร้างมาจากเรื่องสั้นของ George R.R. Martin แต่ก็ถูกนำมาถ่ายทอดในสไตล์ของผู้กำกับ Paul W. S. Anderson ที่เน้นฉากแอ็คชั่นและงานภาพที่น่าติดตาม

          เตรียมไปลุ้นระทึกกับบทบาทใหม่ของ มิลลา โจโววิช ในฐานะแม่มดสาวผู้ทรงอำนาจ และ เดฟ บอทิสตา ในบทนายพรานผู้แข็งแกร่ง ที่ต้องร่วมมือกันในดินแดนที่ไม่มีใครไว้ใจใครได้เลย ไม่ว่าคุณจะเป็นคอหนังแอ็คชั่นแฟนตาซี หรือแฟนคลับของ George R.R. Martin นี่คืออีกหนึ่งผลงานที่ไม่ควรพลาด

          In the Lost Lands มีกำหนดเข้าฉาย 13 พฤศจิกายน 2025 ในโรงภาพยนตร์ มาร่วมกันค้นหาว่า การปฏิบัติตามความปรารถนาของพระราชินีจะต้องแลกมาด้วยความน่ากลัวอันแสนแพงหรือไม่ ?



ตัวอย่างหนัง In the Lost Lands (2025)


In The Lost Land แดนทมิฬ เมืองต้องสาป | OFFICIAL TRAILER ซับไทย



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ In The Lost Land (2025)

 
 
 
 
 



ภาพโปสเตอร์


















83

• ชื่อไทย : เรื่องผีสาป
• ปีที่เปิดตัว : 2568
• เข้าฉายในไทย : 13 พฤศจิกายน 2568
• นำแสดง : Solar, Yoo Jae-Myung, Moon Chae-Won
• กำกับโดย : Hong Won-Ki
• ประเภท : Horror
• ความยาว : 96 นาที
• สร้างโด :ย South Korea
• จำหน่ายโดย : ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ Shinesaengad Venture


เรื่องย่อ The Cursed Insatiable Desires เรื่องผีสาป

           The Cursed Insatiable Desires เรื่องผีสาป หนังสยองขวัญเกาหลีใต้ ผลงานของผู้กำกับ ฮง วอนกิ (Hong Won Ki) จาก ผีดุสุดโซล พร้อมเปิดตัว โซลาร์ Mamamoo ในบทหญิงสาวที่ต้องเผชิญคำสาปจากความปรารถนา

           ถ้าคุณได้รับโอกาสแลกเปลี่ยนความปรารถนาที่ลึกที่สุดกับบางสิ่งบางอย่าง... คุณจะกล้าทำไหม ? แม้ว่าราคาที่ต้องจ่ายอาจสูงเกินคาด The Cursed Insatiable Desires เรื่องผีสาป หนังสยองขวัญเกาหลีเรื่องใหม่ล่าสุดจากผู้กำกับ ฮงวอนกิ พร้อมพาทุกคนไปสู่โลกมืดแห่งความโลภและความปรารถนาอันไม่มีที่สิ้นสุด ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตลาดลับลี้ลับแห่งหนึ่ง และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเดบิวต์จอเงินครั้งแรกของ โซลาร์ (Solar) จากวง Mamamoo ไอดอลเสียงทรงพลังที่หันมาลองบทบาทใหม่บนหน้าจอภาพยนตร์ พร้อมด้วยทีมนักแสดงมากฝีมือและไอดอล K-Pop อีกมากมาย

           เรื่องราวของ มียอน (โซลาร์) หญิงสาวผู้เดินทางไปยังหมู่บ้านชนบทเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจในการเขียน แต่กลับถูกดึงเข้าสู่ข้อตกลงมืดกับสิ่งที่เรียกว่า ตลาดกวีชี และพบว่าความอยากที่แท้จริงอาจเป็นคำสาปที่เธอไม่อาจหลบหนีได้









การประเดิมจอใหญ่ของไอดอล K-Pop ตัวแม่

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ทำให้ The Cursed Insatiable Desires เรื่องผีสาป เป็นที่พูดถึงอย่างมาก คือการรวมตัวของเหล่านักแสดงมากฝีมือและไอดอล K-Pop ชื่อดัง นั่นคือ

โซลาร์ (Solar) วง Mamamoo : นี่คือผลงานการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของศิลปินเสียงทรงพลังคนนี้ โซลาร์จะพลิกบทบาทมารับบท "มียอน" ที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันน่าสะพรึงกลัวในหมู่บ้านชนบท การแสดงของเธอในบทบาทที่ต้องใช้ความรู้สึกและอารมณ์ในแนวสยองขวัญนี้น่าติดตามมาก ๆ

ซูมิน (Sumin) วง Stayc : อีกหนึ่งไอดอลสาวที่มาร่วมเดบิวต์บนจอเงินในครั้งนี้ ก็เป็นการเสริมทัพความสนใจให้กับกลุ่มแฟนคลับ K-Pop ได้เป็นอย่างดี

          นอกจากนี้ ยังได้นักแสดงคุณภาพคับคั่งมาร่วมประชันบทบาท ไม่ว่าจะเป็น ยู แจมยอง (Harbin), มุน แชวอน (Payback: Money And Power), ซอ ยองฮี (Bedevilled), ชา ซอนอู (Reply 1994), ชเว โบมิน (Ghost Train) รวมถึง ซน จูยอน (อึนซอ) วง WJSN และ ซอ จีซู วง Lovelyz ที่มาเติมเต็มความเข้มข้นให้กับเรื่องราว

          The Cursed Insatiable Desires เรื่องผีสาป เป็นผลงานการกำกับของ ฮง วอนกิ (Hong Won-ki) ผู้กำกับผู้เปี่ยมประสบการณ์ที่เคยฝากผลงานไว้ใน "ผีดุสุดโซล" ที่นำแนวคิดจากตำนานและพิธีกรรมเกาหลีโบราณ มาผสมกับความกลัวร่วมสมัยในยุคโซเชียล เมื่อ “ความอยาก” ไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งอยากสวย อยากดัง อยากมีตัวตน จนบางครั้ง “อยากเกินไป” ก็อาจกลายเป็นคำสาปที่ย้อนกลับมาหลอกหลอน


9 คาแรกเตอร์ที่เผยออกมาพร้อมเงื่อนงำและคำเตือนสั้น ๆ ที่ทำให้แฟนหนังต้องขนลุก

          The Cursed Insatiable Desires เรื่องผีสาป พาไปสู่จักรวาลที่ความอยากของมนุษย์ถูกกระหน่ำด้วยคำสาป เมื่อแรงปรารถนาเล็ก ๆ ถูกเติมเชื้อไฟด้วยความโลภ ความอิจฉา หรือความเสียใจ ผลลัพธ์คือการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง ทั้งในรูปแบบเหนือธรรมชาติและความสยดสยองทางจิตใจ ผสมผสานบรรยากาศดาร์ก ความตึงเครียดแบบวัยรุ่น และการตีความคำสาปเชิงสัญลักษณ์ที่สะเทือนใจ ผ่านคาแรกเตอร์ทั้ง 9 คน ดังนี้

โซลาร์ - “อยากมีชื่อ ระวังไม่มีหน้า” การแสวงหาตัวตนบนโลกใบนี้ กลับอาจทำให้สูญเสียตัวตนไปตลอดกาล ภายนอกที่คนจำได้ อาจซ่อนความจริงอันน่าสะพรึงไว้ข้างใน
ยูแจมยอง - “อยากสำเร็จ ระวังไม่เหลือ” ความสำเร็จเป็นสิ่งล่อใจ แต่สิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อแลกมานั้นมหาศาล เมื่อขึ้นสูงสุด อาจต้องแลกด้วยทุกอย่างที่เคยมี…แม้แต่ตัวตน
มุนแชวอน - “อยากสวย ระวังเละ” การตามหาความงามอย่างสุดโต่งนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ผิดคาด ความงามที่ถูกเสกขึ้นอาจเป็นสิ่งที่ฉีกทึ้งชีวิตและจิตใจให้ย่อยยับ
แบซูบิน - “อยากเก่ง ระวังกลัว” ความทะเยอทะยานและการแข่งขันที่ไร้ขอบเขต ทำให้ความกลัวกลายเป็นเพื่อนคู่ทาง แพชชั่นที่ผลักดันอาจทำให้ต้องแลกด้วยความหวาดหวั่นที่ไม่มีวันหาย
ชาซอนอู - “อยากรู้ ระวังถูกไล่ล่า” ความสงสัยคือจุดเริ่มต้นของหายนะ บางคำตอบไม่ได้มีไว้ให้ค้นหา เพราะการรู้มากไป อาจกลายเป็นเป้าหมายของบางสิ่งที่น่ากลัวกว่าความไม่รู้
ซอยองฮี - “อยากได้ ระวังโดนดี” ความปรารถนาในการครอบครองนำมาซึ่งผลตอบแทนที่คมกริบ ทุกการได้มาพร้อมข้อแลกที่รุนแรง จนบางครั้งสิ่งที่ได้กลับไม่คุ้มค่ากับราคา
ซอจีซู - “อยากได้ของคืน ระวังเจ็บ” การทวงสิ่งที่หายไปไม่ใช่เรื่องง่าย การเรียกร้องคืนบางสิ่งหมายถึงการเปิดบาดแผลเก่าที่พร้อมฉีกออกอีกครั้ง
ซนจูยอน - “อยากดัง ระวังตาย” เส้นทางสู่แสงไฟไม่เคยฟรี ชื่อเสียงที่ตามหาอาจกลายเป็นกับดักมรณะ เมื่อความอยากดังไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่นำไปสู่ปลายทางที่ไม่มีใครอยากไปถึง
หง็อกซวน - “อยากเจอ ระวังตัว” ความอยากพบเจอใครบางคนถูกทับถมด้วยเงื่อนงำและอันตราย จุดเริ่มต้นของแรงเสียดทานทางอารมณ์ ที่อาจเปลี่ยนการตามหาให้กลายเป็นกับดัก


          The Cursed Insatiable Desires เรื่องผีสาป ไม่ใช่แค่หนังสยองธรรมดา แต่มันคือภาพสะท้อนของ “ด้านมืดในใจมนุษย์” ที่ทุกคนล้วนมี ความอยาก ความโลภ และความกลัวที่จะสูญเสีย หนังตั้งคำถามเรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า “ถ้าทุกความปรารถนาสามารถเป็นจริงได้... คุณกล้าจะแลกอะไร ?” เตรียมพบกับคำสาปแห่งความอยากที่อาจสั่นคลอนศีลธรรมในใจคุณได้ใน 13 พฤศจิกายน นี้ ทุกโรงภาพยนตร์



ตัวอย่างหนัง The Cursed Insatiable Desires


Official Trailer I เรื่องผีสาป


เสียงจากคนดูหลังชม “เรื่องผีสาป”



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ The Cursed Insatiable Desires (2025)

 
 
 
 
 




ภาพโปสเตอร์






84
หนังใหม่ที่น่าสนใจกำลังจะเข้าฉาย / Bugonia : บูโกเนีย
« กระทู้ล่าสุด โดย เซียวเหล่งนึ่งฯ เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2025, 19:45:10 »

• ชื่อไทย : บูโกเนีย
• ปีที่เปิดตัว : 2568
• เข้าฉายในไทย : 6 พฤศจิกายน 2568
• นำแสดง : Jesse Plemons, Aidan Delbis, Emma Stone
• กำกับโดย : Yorgos Lanthimos
• เขียนโดย : Will Tracy, Jang Joon-hwan
• ประเภท : Comedy / Crime / Sci-Fi
• ความยาว : 118 นาที
• เรต : R
• สร้างโดย : Ireland / UK / Canada / South Korea / USA
• จำหน่ายโดย : United International Pictures (UIP) Thailand


เรื่องย่อ Bugonia บูโกเนีย

           เรื่องราวที่ติดตามชายหนุ่มสองคน เท็ดดี (เจสซี พลีมอนส์) ดอน (ไอแดน เดลบิส) ที่หมกมุ่นอยู่กับการสมรู้ร่วมคิดเมื่อพวกเขาตัดสินใจพุ่งตัวออกจากโพรงกระต่ายในโลกออนไลน์ของพวกเขาและลักพาตัว มิเชลล์ (เอ็มม่า สโตน) ซีอีโอผู้ทรงอิทธิพลที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาเพื่อทําลายพวกเราหลังจากทั้งคู่ล่ามโซ่เธอเอาไว้ในห้องใต้ดิน และเผชิญหน้ากับศัตรูผู้นี้แบบซึ่งๆ หน้า ทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสองหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในห้องใต้ดินและสวมหมวกดีบุกป้องกันสมองและผู้บริหารองค์กรที่ไร้จิตวิญญาณในไม่ช้าพวกเขาพบว่าตัวเองกระโดดลงไปในการต่อสู้ที่คาดเดาไม่ได้ขณะที่เหตุการณ์เดินหน้าไปอย่างคาดไม่ถึง


           เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง..ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับแล้ว สำหรับผู้กำกับ "ยอร์กอส แลนธิมอา" กับดาราสาว "เอ็มมา สโตน" ที่กลับมาในตลกร้ายปมไซไฟสุดโต่งใน "Bugonia บูโกเนีย" ที่เป็นการละเลงรีเมคสร้างใหม่จากหนังเกาหลีเรื่องดังยุค 2000s ปลุกปั้นเป็นเวอร์ชันฮอลลีวูดรังสรรค์ ที่ยังคงเอกลักษณ์จัดจ้านและอรรถรสที่คงเอาไว้ด้วยลายเซ็นในผลงานของยอร์กอสอย่างเจิดจ้า


           เรื่องราวพิลึกพิลั่นของสองชายหนุ่มผู้หมกมุ่นกับทฤษฎีสมคบคิดที่สุดโต่ง ที่นำพวกเขาไปสู่การก่อเหตุลักพาตัวผู้บริหารหญิงบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเธอคือคนสำคัญในวงการและทรงอิทธิพลไม่น้อย เพราะพวกเขาเชื่อว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่แอบแฝงตัวแทรกซึมกับมนุษย์ และเชื่อว่าเธอมีเป้าหมายที่จะทำลายล้างโลกและมวลมนุษยชาติ พวกเขาจึงต้องทำเช่นนี้

           หนังเรื่องนี้ดัดแปลงสร้างมาจากต้นฉบับหนังเกาหลีสุดคัลท์ Save the Green Planet! ในปี 2003 ของผู้กำกับ จางจุนฮวัน ที่เป็นหนังไซไฟสุดโต่งสุดคลาสสิกที่ขึ้นหิ้งจนถึงวันนี้ ฉบับนี้ได้ "วิล ทราซีย์" มือเขียนบทดาวรุ่งจากซีรีส์ Succession กับหนัง The Menu มาช่วยรื้อและเขียนบทหนังเวอร์ชันใหม่ครั้งนี้ให้ ที่ปรากฏว่าฉบับใหม่ยังค่อนข้างเคารพเค้าโครงจากต้นฉบับเอาไว้ แต่ได้มีการปรับชั้นเชิงในเข้ากับยุคสมัยได้เหมาะเจาะยิ่งขึ้น

           Bugonia อาจจะเป็นผลงานหนังจากฝีมือ ยอร์กอส แลนธิมอส ที่น่าจะเสพย์และบริโภคได้ง่ายที่สุดแล้ว เพราะด้วยเนื้อหาของหนังฉบับนี้ค่อนข้างลื่นไหลและลำเลียงเรื่องราวได้ค่อนข้างเรื่อย ๆ เป็นคอนเทนท์ที่ดูง่าย เพลินง่าย และสัมผัสอรรถรสบันเทิงได้อย่างตรงไปตรงมาได้ง่าย ชั้นเชิงของบทหนังอาจจะไม่ได้ซับซ้อนมากนัก แค่อาจจะสุดโต่งไปบ้าง แต่กระนั้นความหนักแน่นในพล็อตเรื่องก็ยังเข้มข้น รักษาระดับความสนุกเอาไว้ได้ดีเกือบตลอด 2 ชั่วโมง

           ลายเซ็นการเป็นหนังของยอร์กอส ยังคละคลุ้งไปทั่วอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าการออกแบบมุมภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ยังคงใส่มุมชวนพิกล ๆ เข้ามาได้อย่างจึ้งใจ งานถ่ายภาพของ "ร็อบบี้ ไรอัน" ก็ยังชวนประทับใจและไหลลื่นกับเนื้อหาได้ดี ทางด้านเทคนิคสร้างแสงสีต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ก็ทำได้เหมาะเจาะกับสไตล์ของหนังได้อย่างมั่นคง จึงเป็นหนังที่ย่อยได้ง่ายมาก ๆ ไม่งง ไม่หลับ และชวนสนุกประทับใจได้ถึงแก่นด้วยซ้ำ


           หนังยังมาพร้อมกับดนตรีประกอบของ "เจอส์กิน เฟนดริซ" ที่มาในท่วงทำนองที่เล่นใหญ่รัชดาลัยเกินเบอร์ไปมาก แต่เป็นจุดที่ช่วยบิวท์อารมณ์คนดูได้มากเช่นกัน โดยเฉพาะการปล่อยพลังเสียงสุดเปี่ยมในช่วง 20 นาทีของหนัง เป็นการกระหน่ำยิงเนื้อหาและซาวน์ต่าง ๆ แบบไม่ยั้ง ที่เป็นจุดช่วยปลุกเร้าอารมณ์ผู้ชมให้ไปได้ถึงแก่นสารอย่างมั่นคง

           และแน่นอนว่า Bugonia ทรงพลังเพราะลีลาการแสดงของทีมนักแสดง แม้ว่าหนังเรื่องเหมือนจะเอา "เอ็มมา สโตน" มาต้มยำทำแกง แต่พลังระดับดาราเจ้าของ 2 รางวัลออสการ์ ย่อมไม่ทำให้ผิดหวังสักนิด เพราะเอ็มมาเอาอยู่ ปล่อยพลังทางการแสดงออกมาได้อย่างเป็นมืออาชีพ เรียบแต่โก้ แอคติ้งเฉียบขาดอย่างมีชั้นเชิง และเปล่งประกายด้วยดีตลอดเรื่อง ซึ่งแน่อนว่าเธอเข้าขากับผู้กำกับคนนี้ด้วยดีอยู่แล้ว



           ยิ่งเสริมด้วยแอคติ้งปัง ๆ ของ "เจสซี พลีมอนส์" ก็สุดโต่งอย่างทรงพลัง เขาคนนี้ก็จัดได้ว่าเป็นนักแสดงชายที่การแสดงจัดจ้านอีกคนหนึ่งของวงการ บทความท้าทายอยู่ที่เขา และเขาก็สามารถรับมือได้อย่างทรงพลัง ถึงบทจะค่อนข้างซับซ้อนมากกว่า แต่พลังทางการแสดงของเขาก็ถึงใจถึงอารมณ์ด้วยดี เต็มไปด้วยเสน่ห์และกิมมิกที่ชวนเชื่อกับคนดู คือนั่งดูการแสดงที่ตอบโต้ไปมาระหว่าง 2 นักแสดงหลักก็คือกำไรแล้ว

           ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Bugonia จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานรีเมคใหม่ที่ค่อนข้างจัดจ้านเทียบเคียงกับต้นฉบับได้สบาย ๆ ยิ่งเป็นผลงานหนังของยอร์กอสที่บริโภคได้ง่ายสุด ๆ เท่าที่เคยมีมาด้วยแล้ว ก็ให้คนดูน่าจะเข้าถึงทุกรายละเอียดสุดโต่งที่หนังต้องการสื่อสารได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ นี่คือการรังสรรค์ใหม่ที่ยังเคารพต้นฉบับเอาไว้ แต่ปรับรายละเอียดต่าง ๆ ในมุมมองที่ดียิ่งขึ้นจากเดิม กลมกล่อมและเพลินดีตลอดทั้งเรื่อง ความตลกร้ายที่ยังแสบสันต์แบบมีชั้นเชิง ต้องยกนิ้วให้ทีมนี้เขาเลยจริง ๆ



ตัวอย่างหนัง Bugonia


Bugonia | Official Trailer | Thai Sub | UIP Thailand



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ Bugonia (2025)

 
 
 
 
 



ภาพโปสเตอร์















85

จักรวาลหนัง Predator เรียงตามปีฉาย vs ตามไทม์ไลน์


          ชาวคอหนังไซไฟแอคชั่นเตรียมเฮ ! เพราะดูเหมือนว่าแฟรนไชส์ พรีเดเตอร์ (Predator) นักล่าจากต่างดาวสุดโหดผมเดรดล็อก จะยังคงโลดแล่นและมีอะไรให้ติดตามอีกเพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะมาถึงอย่าง Predator: Badlands ที่มีกำหนดฉายโรงภาพยนตร์ในวันที่ 6 พฤศจิกายนปี 2025 หนังเรื่องนี้ถูกวางตัวให้เล่าเรื่องราวในโลกอนาคตบนดาวเคราะห์อันห่างไกล โดยมีตัวเอกเป็น Predator ที่ถูกขับไล่ออกจากกลุ่ม และร่วมมือกับมนุษย์หรือแอนดรอยด์ แค่ฟังพล็อตก็รู้เลยว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แถมยังมีข่าวลือเรื่องการเชื่อมโยงกับบริษัท Weyland-Yutani จากจักรวาล Alien อีกด้วย แต่ก่อนที่เราจะไปมันส์กันใน Badlands ที่ฉากหลังเป็นโลกอนาคต คุณรู้หรือไม่ว่า จักรวาล Predator ที่มีมากว่า 30 ปีนี้มีหนังกี่เรื่องกันแน่ และถ้าจะดูหนัง Predator ทั้งหมดให้เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ (หรือดูแบบเรียงตามความคลาสสิก) ควรเริ่มต้นจากตรงไหนดี ? เรามีคำตอบมาให้


ลำดับภาพยนตร์ Predator ตามปีที่เข้าฉาย (The Release Order)

          สำหรับคอหนังที่ชอบดูตามฟีลลิ่งของการพัฒนาแฟรนไชส์ เทคนิคพิเศษ และการปูเรื่องราวตามที่ผู้สร้างตั้งใจปล่อยออกมา การดูตามลำดับปีที่หนังเข้าฉายคือคำตอบที่ใช่ที่สุด วิธีนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสความคลาสสิกของหนังยุค 80s และเห็นวิวัฒนาการของ Predator และเทคโนโลยีของพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน

1. Predator (1987)






           หนังต้นฉบับในตำนาน ที่เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ และความระทึกขวัญขั้นเทพ เป็นหนังที่สร้างมาตรฐานความตึงเครียดและเป็นตัวกำหนดทุกอย่างของแฟรนไชส์นี้ นำแสดงโดย Arnold Schwarzenegger เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1987 เมื่อหน่วยคอมมานโดสุดโหดนำโดยพันตรีดัตช์ (อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์) ต้องเข้าไปในป่าอเมริกากลางเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน แต่กลับพบกับนักล่าต่างดาวที่มีเทคโนโลยีล้ำยุคและเทคนิคการพรางตัวอันชาญฉลาดที่ล่าพวกเขาเพื่อความสนุก เมื่อลูกทีมทยอยถูกฆ่าไปทีละคน ดัตช์ต้องหาวิธีเอาชนะศัตรูที่ไม่ใช่มนุษย์ให้ได้ก่อนที่เขาและหนึ่งในผู้รอดชีวิตจะกลายเป็นรายต่อไป

2. Predator 2 (1990)






           ภาค 2 ของหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เปลี่ยนฉากการล่าจากป่าสู่เมืองหลวง ด้วยทีมนักแสดงหน้าใหม่ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูร้อน ปี 1997 เกิดการปะทะกันระหว่างแก๊งค้ายาใน LA ทำให้ตำรวจคิดว่าศพที่เสียชีวิตอย่างทารุณคือการห้ำหั่นของสมุนแต่ละแก๊ง ทว่าเมื่อสารวัตรแฮร์ริแกน (แดนนี่ โกลเวอร์) ออกสืบด้วยตัวเอง เขาพบว่ามันคือ ฝีมือของนักฆ่าจากต่างดาว พรีเดเตอร์ตัวใหม่ที่บุกเข้ามายังลอสแอนเจลิส แฮร์ริแกนพยายามจะตามล่าเอเลี่ยนตัวนี้ ขณะที่หน่วยปฏิบัติการลับของรัฐบาล (OWLF) นำโดยปีเตอร์ คีย์ส (แกรี่ บูซีย์) ต้องการจับพรีเดเตอร์ตัวนี้ไปเพื่อศึกษา โดยในภาคนี้มีฉากเด็ดคือฉากที่เห็นตู้เก็บถ้วยรางวัล รวมถึงกะโหลก Xenomorph จาก Alien ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมของเผ่า Yautja ที่จะเก็บกะโหลกศัตรูเป็นถ้วยรางวัล

3. Alien vs. Predator (AVP) (2004)






           การครอสโอเวอร์ครั้งแรก ระหว่าง Predator ปะทะ เอเลี่ยน (Xenomorph) เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2004 เมื่อกลุ่มนักบรรพชีวินวิทยา นักโบราณคดี และนักสำรวจคนอื่น ๆ ที่ชาร์ลส์ บิชอป เวย์แลนด์ มหาเศรษฐี ได้รวมตัวกันเพื่อเดินทางไปยังเกาะห่างไกลนอกชายฝั่งแอนตาร์กติกา หลังจากพบสัญญาณความร้อนลึกลับใต้แผ่นน้ำแข็ง เวย์แลนด์และกลุ่มนักสำรวจได้ค้นพบพีระมิดที่ฝังอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็ง และหวังที่จะได้ครอบครองการค้นพบสำคัญนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวกลับกลายเป็นพื้นที่ล่าสัตว์โบราณที่เหล่าพรีเดเตอร์คอยสะกดรอยและสังหารเอเลี่ยนเพื่อเป็นพิธีกรรมเปลี่ยนผ่าน และเหล่ามนุษย์ก็ตกอยู่ในห้วงสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์

4. Aliens vs. Predator: Requiem (AVPR) (2007)






           ภาคต่อที่โหดกว่าเดิม เมื่อเกิดตัวประหลาดลูกผสมบุกเมืองเล็กๆ ในโคโลราโด Predator ถูกส่งมาทำเก็บกวาด เรื่องราวเกิดขึ้นทันทีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ยานอวกาศพรีเดเตอร์ที่บรรทุกศพของพรีเดเตอร์ที่ตายแล้วและ Predalien (ลูกผสมระหว่าง Predator กับ Alien) ได้ตกมายังเมืองกันนิสัน รัฐโคโลราโด ทำให้เหล่าพรีดาเลี่ยนและตัวอ่อนเอเลี่ยนหลุดรอดออกมาและเริ่มสังหารผู้คน พรีเดเตอร์มือเก๋าถูกส่งมาเพื่อจัดการกับภัยคุกคามนี้ แต่การต่อสู้ระหว่างพรีเดเตอร์กับพรีดาเลี่ยนกลับนำมาซึ่งความวุ่นวายที่มากขึ้น จนในที่สุด กองทัพต้องตัดสินใจยิงนิวเคลียร์ทำลายล้างเมืองทั้งหมดเพื่อหยุดยั้งหายนะ

5. Predators (2010)






           กลับไปสู่คอนเซปต์การล่าแบบดั้งเดิม แต่ฉากหลังไม่ใช่โลก เหล่ามนุษย์นักรบ/อาชญากรถูกลักพาตัวไปเป็นเหยื่อในสนามล่าบนดาวเคราะห์ต่างดาว บอกเล่าเรื่องราวของ รอยซ์ (เอเดรียน โบรดี้) ทหารรับจ้างตื่นขึ้นมากลางอากาศและร่วงลงสู่ป่าดงดิบที่ไม่คุ้นเคย พร้อมกลุ่มคนอีก 7 คนที่ล้วนเป็น “นักฆ่า” หรือ “นักรบ” จากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทหารรับจ้าง มือสไนเปอร์ ยากูซ่า นักโทษฆาตกร และทหารหน่วยพิเศษ มีเพียงแพทย์คนเดียวที่ดูไม่เข้าพวก พวกเขาค่อย ๆ รู้ว่าตนไม่ได้อยู่บนโลก แต่ถูกนำมายัง “ดาวล่าสัตว์” ที่ถูกออกแบบเหมือนเขตสงวนสำหรับการล่า โดยมีเหล่า Predators นักรบต่างดาวโหดเหี้ยมเป็นผู้ล่า ขณะที่พวกเขาคือ “เหยื่อ”

          เมื่อเริ่มถูกล่าทีละคน กลุ่มต้องร่วมมือกันเอาชีวิตรอด พวกเขาพบอดีตทหารชื่อโนแลนด์ที่รอดชีวิตมาหลายปี แต่กลับทรยศเพื่อเอาตัวรอดเอง ทำให้ทุกคนยิ่งสิ้นหวัง รอยซ์จึงวางแผนใหม่โดยหวังจะใช้ยานของพรีเดเตอร์ในการหนี ระหว่างการต่อสู้อันโหดร้าย สมาชิกส่วนใหญ่ถูกฆ่าตาย จนเหลือเพียงรอยซ์และอิซาเบลเท่านั้น พวกเขาต้องสู้กับพรีเดเตอร์ตัวใหญ่สุดตัวต่อตัว ก่อนที่รอยซ์จะสามารถจัดการมันได้ในท้ายที่สุด แม้จะรอดมาได้ แต่ยานหลบหนีก็ถูกทำลาย และยังมีเหยื่อรายใหม่ถูกปล่อยลงมาสู่ป่าอีก รอยซ์และอิซาเบลจึงตัดสินใจต่อสู้ต่อไป หาทางหนีออกจากดาวเคราะห์นรกแห่งนี้ด้วยตัวเอง


6. The Predator (2018)






           เป็นภาคที่เน้นการพัฒนาทางพันธุกรรมของ Predator มีตัว Upgrade Predator และเรื่องราวการรวมกลุ่มทหาร/นักวิทยาศาสตร์เพื่อต่อกรกับมัน เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อยานของพรีเดเตอร์ตกลงมายังโลกระหว่างปฏิบัติภารกิจ ควินน์ แมคเคนนา (บอยด์ โฮลบรู๊ค) ทหารหน่วยรบพิเศษพบเหตุการณ์นี้และนำอุปกรณ์ของพรีเดเตอร์บางส่วนกลับไปเพื่อเป็นหลักฐาน แต่กลับถูกทางการปิดปากและจับตัวไป ส่วนอุปกรณ์นั้นดันไปถึงมือ รอรี่ (เจคอบ เทรมเบลย์) ลูกชายออทิสติกของควินน์ ซึ่งเผลอเปิดใช้งานระบบต่างดาวโดยไม่ตั้งใจ

          ในห้องทดลอง พรีเดเตอร์ที่ถูกจับฟื้นขึ้นมาและหลบหนี ขณะเดียวกันก็มี พรีเดเตอร์ตัวใหม่ที่ใหญ่และทรงพลังยิ่งกว่า เดินทางมายังโลก พร้อมสุนัขล่าเนื้อต่างดาว เพื่อเอาเทคโนโลยีกลับคืนและตามล่าเป้าหมาย ควินน์จึงรวมทีมกับกลุ่มอดีตทหารที่มีปัญหาทางจิตเล็กน้อย และ เคซีย์ แบร็คเก็ต (โอลิเวีย มันน์) นักชีววิทยา เพื่อปกป้องรอรี่ และเปิดเผยความจริงว่า พรีเดเตอร์กำลังพัฒนาตนเองด้วยการผสมดีเอ็นเอจากเผ่าพันธุ์อื่น รวมถึงมนุษย์ และรอรี่เองอาจเป็น "วิวัฒนาการมนุษย์รุ่นใหม่" ที่พวกมันต้องการ

          หลังจากการไล่ล่าและต่อสู้สุดระห่ำ พรีเดเตอร์ตัวใหญ่ถูกจัดการสำเร็จ แต่สมาชิกทีมหลายคนก็ต้องสละชีวิตระหว่างทาง ท้ายที่สุด เทคโนโลยีที่พรีเดเตอร์ตัวแรกนำมาโลกถูกเปิดเผยว่าเป็น "ชุดเกราะต่อต้านพรีเดเตอร์" ซึ่งอาจเป็นกุญแจในการต่อสู้กับพรีเดเตอร์ในอนาคต


7. Prey (2022)






          ย้อนอดีตไปไกลที่สุด เล่าเรื่องการล่าใน ปี 1719 ของ นารู อินเดียแดงสาวเผ่าโคแมนซี ที่มีความสามารถเป็นเลิศด้านแกะรอยและการใช้สมุนไพร เธอต้องการจะพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถเป็นนักล่าที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าได้เหมือนกัน แต่การจะเป็นได้ เธอต้องทำเควส "ล่าสิ่งที่ล่าเราได้" ทำให้เธอตัดสินใจตามพี่ชายไปล่าสิงโต แต่ระหว่างแกะรอยหาสิงโต เธอก็พบว่ามีบางสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าสิงโตรอพวกเธออยู่ นั่นก็คืออสูรกายลึกลับที่มาจากฟากฟ้า อสูรกายที่สามารถเร้นกายหายไปกับแนวไม้ อสูรกายที่ฆ่าหมีได้ด้วยมือเปล่า ระหว่างอินเดียแดงสาว กับ พรีเดเตอร์ นักล่าจากต่างดาว ใครจะเป็นผู้ล่า ใครจะเป็นฝ่ายถูกล่ากันแน่


8. Predator: Killer of Killers (2025)





          หนังแอนิเมชั่นที่เล่าเรื่องราวของ สามนักรบจากต่างยุคสมัย ที่ต่างเคยเอาชนะนักล่าจากต่างดาว หรือ พรีเดเตอร์ได้ด้วยตัวเอง แต่กลับถูกจับตัวมายังยานอวกาศลึกลับเพื่อทำภารกิจครั้งใหม่ที่โหดกว่าเดิม ได้แก่ Ursa นักรบไวกิ้ง ที่ล้มศัตรูด้วยโล่คู่กาย, Kenji ซามูไรผู้กลายเป็นนินจา หลังต้องแย่งชิงสิทธิ์สืบทอดสำนักแบบนองเลือด และ Torres นักบินสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เอาชนะยานรบต่างดาวกลางเวหา แม้ทั้งสามต่างเคยเป็น "ผู้ชนะ" ในโลกของตัวเอง แต่ครั้งนี้พวกเขาถูกนำตัวมาสู่สนามล่าของพรีเดเตอร์ เพื่อให้เผชิญหน้ากับ ราชานักล่า ผู้แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์เดรดล็อก โดยหนังเล่าเรื่องเป็น 3 เหตุการณ์ย่อย ก่อนรวมตัวละครมาปะทะกันในท้ายเรื่อง ตัวเรื่องยังคงเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ ทั้งฉากเลือดสาดจัดเต็ม การต่อสู้ที่ไม่พักให้หายใจ และการดวลไหวพริบมนุษย์กับเอเลี่ยนแบบถึงใจ 


9. Predator: Badlands (2025)




          เหตุการณ์ในอนาคตบนดาวเคราะห์ต่างดาว เรื่องราวของพรีเดเตอร์หนุ่มจากวงศ์วานของเยาต์จา ได้เผชิญหน้ากับการถูกขับไล่ออกมาจากเผ่าพันธุ์ของเขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาได้ระหกระเหินขึ้นยานมาตกอยู่ที่ดาวดวงหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย พร้อมกับรายล้อมไปด้วยแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตราย ก่อนที่เขาจะบังเอิญมาพบกับ ธีอา หุ่นยนต์แอนดรอยที่ถูกละทิ้งเอาไว้กลางป่าสุดโหด ที่ทำให้เขาตระบัดสัตย์ของการเป็นนักล่าผู้โดดเด่น ผูกมิตรกับสหายใหม่อย่างไม่คาดคิด ออกเดินทางเพื่อค้นหาสุดยอดศัตรูที่พวกเขาต่างเฝ้าหา


ลำดับภาพยนตร์ Predator ตามเหตุการณ์ในเนื้อเรื่อง (The Chronological Timeline)

           สำหรับคนที่อยากเข้าใจเรื่องราวของ Yautja (ชื่อเรียกเผ่าพันธุ์ Predator) ว่าพวกเขามาโลกตั้งแต่เมื่อไหร่ ลำดับเหตุการณ์สำคัญในการล่าเป็นอย่างไร การดูตามไทม์ไลน์ในเรื่องคือวิธีที่น่าสนใจที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีหนังอย่าง Prey และ Killer of Killers เข้ามาเติมเต็มช่องว่างทางประวัติศาสตร์ 

    1.Predator: Killer of Killers : เหตุการณ์แรกสุดในไทม์ไลน์ คาดว่าน่าจะเกิดในยุคไวกิ้ง และญี่ปุ่นศักดินา ซึ่งเป็นการยืนยันว่า Predator ล่ามนุษย์มานานนับพันปี
    2.Prey : เหตุการณ์ในปี 1719 จุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้าในยุคแรก ๆ ของอเมริกาเหนือ ระหว่างชนเผ่าโคแมนซี และนักล่าจากต่างดาวใช้อาวุธที่ยังไม่ล้ำสมัยเท่าภาคหลัง ๆ
    3.Predator : เหตุการณ์ในปี 1987 การล่าในป่าดิบชื้นระหว่างหน่วยรบคอมมาโดกับพรีเดเตอร์ตัวโหด
    4.Predator 2 : เหตุการณ์ในปี 1997 สืบเนื่องมาจากภาคแรก กลายเป็นการล่าในป่าคอนกรีตที่ลอสแองเจลิส
    5.Alien vs. Predator (AVP) : เหตุการณ์ในปี 2004 เป็นเหตุการณ์ในยุคปัจจุบัน ที่เผ่าพรีเดเตอร์ใช้มนุษย์เป็นที่เพาะพันธุ์ Xenomorph เพื่อทำพิธีล่าเหยื่อใต้พีระมิดในแอนตาร์กติกา
    6.Aliens vs. Predator: Requiem (AVPR) : เหตุการณ์ในปี 2004 และเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจาก AVP เมื่อ Predalien บุกเมืองโคโลราโด
    7.Predators : เหตุการณ์ในปี 2010s โดยประมาณ เรื่องราวของมนุษย์ที่ถูกจับไปเป็นเหยื่อบนดาวเคราะห์นักล่า
    8.The Predator : เหตุการณ์ในปี 2018 การกลับมาของ Predator ในยุคที่มนุษย์มีองค์กรลับตามล่าและศึกษาพวกเขา นำเสนอ Upgrade Predator ที่มีพันธุกรรมผสมผสาน
    9.Predator: Badlands : เหตุการณ์ในอนาคต (หลังปี 2025) เหตุการณ์สุดท้ายในไทม์ไลน์ เป็นเรื่องราวในอนาคตอันไกลโพ้น คาดว่าจะเป็นบทสรุปหรือการเริ่มต้นตำนานใหม่ของนักล่า

          ถ้าคุณเป็นมือใหม่และอยากดู หนัง Predator ให้สนุกแบบเข้าถึงง่าย แนะนำให้ดูตามลำดับการฉาย (วิธีที่ 1) เพราะคุณจะได้สัมผัสกับความคลาสสิกของหนังยุค 80s และเห็นการเติบโตของแฟรนไชส์ แต่ถ้าคุณเป็นสายอินเนื้อเรื่อง อยากเข้าใจความเป็นมาของ Predator อย่างลึกซึ้ง แนะนำให้ดูตามลำดับเหตุการณ์ในเรื่อง (วิธีที่ 2) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณประทับใจกับ Prey (2022) เป็นพิเศษ เพราะมันคือการย้อนรอยไปจุดเริ่มต้นของตำนานการล่าบนโลกนี้อย่างแท้จริง

          แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกดูตามลำดับไหน สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ Predator คือหนึ่งในแฟรนไชส์ไซไฟแอคชั่นที่คลาสสิกที่สุดตลอดกาล นักล่าจากต่างดาวตนนี้ได้มอบฉากแอคชั่นสุดระทึกขวัญ ความตึงเครียดของการเอาชีวิตรอด และดีไซน์เอเลี่ยนที่น่าจดจำให้กับโลกภาพยนตร์ การมาของ Predator: Badlands และ Predator: Killer of Killers ในปี 2025 เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตำนานของ Yautja ยังไม่จบลงง่าย ๆ ดังนั้นการทบทวนไทม์ไลน์จักรวาลนี้ไว้ก่อนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด !

86

• ชื่อไทย : พรีเดเตอร์ แดนเถื่อน
• ปีที่เปิดตัว2568
• เข้าฉายในไทย6 พฤศจิกายน 2568
• นำแสดงElle Fanning, Dimitrius Schuster-Koloamatangi, Michael Homick
• กำกับโดย Dan Trachtenberg
• เขียนโดย Patrick Aison, Jim Thomas, John Thomas, Dan Trachtenberg
• ประเภท Action / Adventure / Sci-Fi / Thriller
• ความยาว 107 นาที
• เรต PG-13
• สร้างโดย USA
• จำหน่ายโดย : 20th Century Studios Thailand


เรื่องย่อ Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน

          ไทม์ไลน์หนัง Predator ฉบับสมบูรณ์ ครบทุกภาคตั้งแต่ Prey ไปจนถึง Predator: Badlands พร้อมบอกวิธีดูให้รู้เรื่องทั้งแบบเรียงตามปีฉายและตามเหตุการณ์ในเรื่อง




          เรื่องราวในอนาคต โดยมี เดก (ดิมิทรีอุส ชูสเตอร์-โคโลอามาตังกิ) ซึ่งเป็น ยาวุตจา หรือพรีเดเตอร์หนุ่มจากเผ่าพันธุ์นักรบที่ให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เดกถูกมองว่าเป็น ลูกอ่อนเนื่องจากมีรูปร่างเล็กและถูกดูแคลนว่าอ่อนแอโดย นจอร์ (ดิมิทรีอุส ชูสเตอร์-โคโลอามาตังกิ) ผู้เป็นพ่อและหัวหน้าเผ่าของเขา นจอร์ถึงขนาดออกคำสั่งให้ เคว (ไมเคิล โฮมิก) พี่ชายของเดกสังหารเขาเสียเพื่อ คัดแยกความอ่อนแอ ออกจากเผ่า แต่เควขัดขืนและช่วยเดกให้หนีรอดไปได้ด้วยการส่งเขาขึ้นยานอวกาศ

          เดกเดินทางไปยัง เจนนา ซึ่งเป็นดาวเคราะห์อันห่างไกลและขึ้นชื่อว่าเป็น ดาวมรณะ ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ประหลาดดุร้ายที่อันตรายถึงชีวิต เป้าหมายของเขาคือการตามล่า คาลิสก์ สัตว์นักล่าสูงสุดที่กล่าวกันว่า ไม่มีใครฆ่าได้ เพื่อนำหัวของมันกลับมาเป็นถ้วยรางวัลและพิสูจน์คุณค่าตนเอง ระหว่างที่ยานของเขาตกบนดาวเจนนา เดกซึ่งกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด ได้พบกับ เธีย (แอล แฟนนิง) หุ่นยนต์ ซินเธติก ของบริษัท เวย์แลนด์ ยูทานิ ที่ร่างกายชำรุดและขาดช่วงล่างไป เธียเสนอที่จะเป็นผู้นำทางให้กับเดกในการตามล่าคาลิสก์ แลกกับการที่เดกต้องช่วยพาเธอไปยังที่ซ่อนของขาที่หายไป ซึ่งอยู่ในถ้ำของสัตว์ประหลาดตัวนั้น

          การร่วมมือกันครั้งนี้ทำให้เดกต้องแหกกฎของเผ่าพันธุ์ที่สั่งห้ามการเป็นพันธมิตร แต่ในที่สุด เดกก็ค้นพบว่าความแตกต่างของเขาและการเปิดใจรับพันธมิตรที่ไม่คาดคิดอย่างเธียและบัดสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองคล้ายลิงตัวน้อยที่ติดตามพวกเขามา ทำให้เขาสามารถค้นพบ ความแข็งแกร่งที่แท้จริง ของตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากเผ่าหรือถ้วยรางวัลใดใด


          หลังจากความสำเร็จของ Prey (2022) ภาคแยกของแฟรนไชส์ Predator ผลงานการกำกับของ แดน แทคเทินเบิร์ก (Dan Trachtenberg) ล่าสุดในปี 2025 เราจะได้พบกับจักรวาล Predator อีกครั้ง โดยเล่าผ่านมุมมองของ พรีเดเตอร์ นักล่าที่ได้ชื่อว่าไร้ความปรานีที่สุด ซึ่งล่าสุดตัวอย่างแรกของ Predator Badlands ก็ถูกปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ได้ชมกันแล้ว ที่เซอร์ไพรส์ที่สุดคือหนังได้ แอล แฟนนิ่ง (Elle Fanning) มารับบทเป็นพี่น้องฝาแฝด Thia และ Tessa ที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งและภารกิจที่ต่างกัน ภาคนี้หนังจะพาผู้ชมไปผจญดาวมฤตยูในยุคอนาคตกับ Predator หนุ่มแหกคอก ที่ต้องร่วมมือกับแอนดรอยด์สาวเพื่อเอาชีวิตรอดและค้นหาความหมายของการเป็นนักล่าที่แท้จริง




           หนังได้ แดน แทคเทินเบิร์ก รับหน้าที่กำกับ และกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในฐานะผู้ร่วมเขียนบทกับ Patrick Aison ผู้เขียนบทเรื่อง Prey ส่วน Brent O’Connor รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ ในขณะที่ Richard Cowen รับหน้าที่ร่วมอำนวยการสร้าง








          หนัง Predator Badlands พรีเดเตอร์ แดนเถื่อน วางกำหนดฉายในบ้านเราไว้ 6 พฤศจิกายน 2025


ตัวอย่างหนัง redator: Badlands


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | ตัวอย่างแรก (Official ซับไทย) | 6 พฤศจิกายน ในโรงภาพยนตร์


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | ตัวอย่างที่ 2 (Official ซับไทย)| 6 พฤศจิกายนในโรงภาพยนตร์


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | ตัวอย่างสุดท้าย (Official ซับไทย) | 6 พฤศจิกายน


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | DANGEROUS


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | LEGEND


Predator Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | NEW CHANT


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | Behind The Scene (ซับไทย)


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | Cast Greeting TV Spot (ซับไทย)


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | Welcome Rev (TV Spot) ซับไทย


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | LISTEN


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | ULTIMATE


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | STEP BIGGER TV SPOT (ซับไทย)


Predator Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | OOH Spot (ซับไทย) | วันนี้ในโรงภาพยนตร์


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | Ticket On Sale TV Spot (ซับไทย)


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | Mother TV Spot (ซับไทย)


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | Exhale Review TV Spot (ซับไทย)


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | Prove TV Spot (ซับไทย)


Predator: Badlands พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน | Prey to none review TV Spot (ซับไทย)



ภาพนิ่ง โปสเตอร์ Predator: Badlands (2025)

 
 
 
 
 


ภาพโปสเตอร์














































87
Armour of God ใหญ่สั่งมาเกิด ภาคใหม่กำลังจะเกิดขึ้น

         เฉินหลงเตรียมกลับมารับบทบาท เจ้าเหยี่ยวเอเชีย อีกครั้งในหนังภาคใหม่ Armour of God IV: Ultimatum หนังวางแผนถ่ายทำในฮ่องกงและต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่า เฉินหลงได้เดินทางไปประเทศคาซัคสถาน เพื่อดูทำเลสถานที่ในการถ่ายทำหนังภาคใหม่

         Armour of God ใหญ่สั่งมาเกิด เป็นหนังแฟรนไชส์แนวแอคชั่นผจญภัยที่เคยสร้างชื่อให้กับตัวของเฉินหลง ซึ่งหนังในตระกูลใหญ่สั่งมาเกิดเคยสร้างมาแล้วทั้งหมด 3 ภาค ในภาคล่าสุดต้องย้อนไปในปี 2012 ก็คือหนังเรื่อง Chinese Zodiac (CZ12) หรือ วิ่งปล้นฟัด


Source : https://maactioncinema.com/archives/27488
88
มีแฟนคลับเฉินหลงหลายคนสอบถามว่าทำไมหนัง Chinese Zodiac ถึงไม่ใช้ชื่อหนังว่า Armour of God III

(คำตอบ)
           ชื่อเต็มหนัง AKA Armour of God III: Chinese Zodiac (CZ12) เพราะทีมผู้ผลิตหนังจากประเทศต้นทางฮ่องกง - จีน ต้องการใช้ชื่อที่รวบรัดว่า Chinese Zodiac (十二生肖) ด้วยเหตุผลเรื่องการประชาสัมพันธ์ชูจุดเด่นวัฒนธรรมจีนที่เกี่ยวโยงกับเนื้อเรื่อง สิบสองปีนักษัตร ซึ่งสามารถสร้างจุดสนใจตีตลาดฐานแฟนคลับผู้ชมที่มีเชื้อสายจีนได้เป็นอย่างดี

           แต่อย่างไรก็ตามการเข้าฉายของหนังเรื่องนี้ในบางประเทศชูจุดแข็งในประเด็นที่เป็นหนังแฟรนไชส์ภาคต่อ ยกตัวอย่างที่ประเทศเยอรมันเลือกที่จะใช้ชื่อหนังว่า Armour of God - Chinese Zodiac ส่วนในประเทศไทยหนังเรื่องนี้มีชื่อไทยว่า วิ่งปล้นฟัด

           สรุปก็คือหนัง Chinese Zodiac หรือเรียกกันสั้นๆว่า CZ12 การเข้าฉายในประเทศต่างๆบางประเทศมักจะมีชื่อหนังเรียกขานแตกต่างกันออกไป สุดท้ายแล้วการตั้งชื่อหนังเพื่อทำการตลาดเชิงกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์สร้างกระแสความนิยมให้เข้าถึงผู้ชมในแต่ละประเทศ

89
"สวี่เส้าสง" นักแสดงอาวุโสของ ทีวีบี เสียชีวิตแล้ว ในวัย 76 ปี หลังถูกหามส่ง รพ. ด้วยอาการช็อก เมื่อเช้าวานนี้ (27 ต.ค.)

           เมื่อวานนี้ ช่วงเช้า มีข่าวสะพัดตามสื่อในฮ่องกง เกี่ยวกับอาการป่วยของนักแสดงอาวุโส ทีวีบี "สวี่เส้าสง" โดยครอบครัวได้แจ้งข่าวการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากเจ้าตัวเกิดอาการช็อก โดยตลอดวันของเมื่อวานนี้ มีเพื่อนๆและพี่น้องในวงการต่างรุดเข้าเยี่ยมหลายต่อหลายคน เช่น เหมียวเฉียวเหว่ย ที่มากับภรรยา ชิเหม่ยเจิน, หลินฟง, กัวจิ้นอัน, หวงจื่อหัว เป็นต้น
ล่าสุด ทางครอบครัวได้แจ้งข่าวการจากไปอย่างสงบของ "สวี่เส้าสง" เมื่อเวลา 02.30 น. ตามเวลาที่ฮ่องกง โดยการเสียชีวิตของเขาเกิดจากโรคมะเร็ง เป็นผลให้การทํางานของอวัยวะต่างๆในร่างกายเกิดความล้มเหลว

           สำหรับ "สวี่เส้าสง" อยู่ในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ฮ่องกง มาเป็นเวลา 53 ปี นับว่าเป็นนักแสดงที่แฟนหนังจีนชุดทีวีบีในบ้านเรา คุ้นหน้าคุ้นตา โดยเฉพาะเสียงพากย์ทุ้มต่ำที่เป็นเอกลักษณ์

นับเป็นการสูญเสียบุคลากรที่สำคัญของวงการบันเทิงฮ่องกง ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ #สวี่เส้าสง ใครที่เป็นคอหนังฮ่องกงหรือเป็นแฟนคลับซีรีส์ TVB ต้องเคยรับชมผลงานการแสดงของนักแสดงอาวุโสท่านนี้แน่นอน R.I.P. Benz Hui 許紹雄


90
ฝงชุ่ยฟาน นักแสดงฮ่องกงระดับตำนานเสียชีวิตแล้วในวัย 81 ปี R.I.P. Stanley Fung Shui-fan (馮淬帆)

       ฝงชุ่ยฟานเคยร่วมงานแสดงกับเฉินหลงในหนังฮ่องกงที่โด่งดังยกตัวอย่าง เฉินหลงมือปราบจมูกหิน (Winners & Sinners), 7 เพชฌฆาตสัญชาติฮ้อ (My Lucky Stars) และขอน่า อย่าซ่าส์ (Twinkle, Twinkle, Lucky Stars)





Source - https://www.thestandard.com.hk/hong-kong-news/article/315698/HK-comedy-legend-Stanley-Fung-dies-at-81-days-after-foretelling-his-death-in-tribute-to-late-friend?fbclid=IwY2xjawNy40ZleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFpS1dWdXEya2RPTUdnT0d5AR5Sq03BKQueujyeE53OzfF3MN3BhMLwQXF10SUfqccQt8PME6HKh_HVSiuc1A_aem__8bbI7XPa2qcTX_dcSqloA
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10