• ชื่อไทย : อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก
• ปีที่เปิดตัว : 2562
• เข้าฉายในไทย : 24 เมษายน 2562
• นำแสดง : Robert Downey Jr., Josh Brolin, Chris Evans
• กำกับโดย : Anthony Russo, Joe Russo
• เขียนโดย : Christopher Markus, Stephen McFeely, Stan Lee, Jack Kirby, Jim Starlin
• ประเภท : Action / Adventure / Fantasy / Sci-Fi
• ความยาว : 182 นาที
• สร้างโดย : USA
• จำหน่ายโดย : Walt Disney Studios
เรื่องย่อ Avengers: Endgame บทสรุปของที่สุดแห่งปรากฏการณ์ภาพยนตร์ที่คนทั่วโลกรอคอย Avengers: Endgame อเวนเจอร์ส เผด็จศึก
จากมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่โดยเงื้อมือของธานอส (จอช โบรลิน) ที่ล้างบางครึ่งจักรวาลและทำให้ทีมอเวนเจอร์สแตกกระสานซ่านเซ็น ทำให้เหล่าอเวนเจอร์สที่เหลือรอดต้องลุกขึ้นสู้อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย
จากมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่โดยเงื้อมือของธานอส ที่ล้างบางครึ่งจักรวาลและทำให้ทีมอเวนเจอร์สแตกฉานซ่านเซ็น ทำให้เหล่าอเวนเจอร์สที่เหลือรอดต้องลุกขึ้นสู้อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ในบทสรุปแห่งปรากฏการณ์ภาพยนตร์ที่คนทั้งโลกรอคอยกับภาพยนตร์เรื่องที่ 22 จากมาร์เวล สตูดิโอส์ Avengers: Endgame อเวนเจอร์ส เผด็จศึก
จากความพ่ายแพ้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์จักรวาลซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลใน Avengers: Infinity War ที่ทำให้คนกว่าครึ่งจักรวาลรวมถึงเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ได้สลายหายไปกว่าครึ่ง แต่การสูญเสียในครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า เพราะเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ในกลุ่มอเวนเจอร์สแรกเริ่มที่เหลือรอด ทั้ง ไอรอนแมน กัปตัน อเมริกา ธอร์ ฮัล์ค แบล็ค วิโดว์ และ ฮอว์คอาย รวมถึง กัปตันมาร์เวล แอนท์-แมน ร็อคเก็ต เนบิวล่า วอร์ แมชชีน และคนอื่น ๆ จะรวมตัวกันเพื่อหยุดยั้งธานอส เพราะโทนี่กล่าวไว้ว่า "ไม่เกี่ยวว่าเราสูญเสียไปเท่าไหร่ มันอยู่ที่สิ่งที่เราเหลืออยู่ต่างหากล่ะ"
ภาคนี้จะเป็น "จุดเปลี่ยน" ของเหล่าบรรดาซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลมาร์เวล เพราะฉะนั้นสาวกมาร์เวลต้องเตรียมตัวให้พร้อม แล้วร่วมลุ้นไปกับบทสรุปของที่สุดแห่งปรากฏการณ์ภาพยนตร์ที่คนทั่วโลกรอคอยใน Avengers: Endgame อเวนเจอร์ส เผด็จศึก
โดยเรื่องราวของภาพยนตร์ในจักรวาลมาร์เวลได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ดังนี้
Phase 1 – เปิดตัวเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ในตำนานกับการรวมตัวกันครั้งแรกใน ดิ อเวนเจอร์ส
มาร์เวล สตูดิโอส์ เปิดจักรวาลอันยิ่งใหญ่ด้วย 6 ภาพยนตร์ที่ปูเรื่องราวความเป็นมาของซูเปอร์ฮีโร่แรกเริ่ม ได้แก่ มหาประลัยคนเกราะเหล็ก (Iron Man) และ มนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง (The Incredible Hulk) ในปี 2551 ต่อด้วย มหาประลัยคนเกราะเหล็ก 2 (Iron Man 2) ในปี 2553 ตามมาติด ๆ กับธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า (Thor) ซึ่งทำให้ทุกคนก็ได้รู้จักกับ อินฟินิตี้ สโตน (Infinity Stone) เม็ดแรกคือ สเปซ สโตน (Space Stone) ในชื่อเดอะ เทสเซอร์แร็ค (The Tesseract) และกัปตันอเมริกา: อเวนเจอร์ที่ 1 (Captain America: The First Avenger) ในปี 2554
พร้อมปิดท้ายช่วงที่ 1 ด้วยการรวมตัวกันครั้งแรกของ 6 ซูเปอร์ฮีโร่แห่งจักรวาลมาร์เวล ซึ่งประกอบไปด้วย ไอรอนแมน (Iron Man) กัปตันอเมริกา (Captain America) ธอร์ (Thor) ฮัล์ค (Hulk) แบล็ค วิโดว์ (Black Widow) และ ฮอว์คอาย (Hawkeye) ในดิ อเวนเจอร์ส (The Avengers) ปี 2555 ซึ่งทำให้เราได้รู้จักกับอินฟินิตี้ สโตนเม็ดที่ 2 คือ มายด์ สโตน (Mind Stone) ที่อยู่ในเซ็ปเตอร์ (Scepter) หรือไม้คทาของโลกิ นอกจากนี้ยังเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ ‘ธานอส’ ใน End Credit อีกด้วย
Phase 2 – พลังอำนาจแห่งอัญมณีทั้ง 6 และการปรากฏตัวของธานอส
ในช่วงที่ 2 ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลมีภาพยนตร์ทั้งหมด 6 เรื่องด้วยกัน เริ่มต้นในปี 2556 กับมหาประลัยคนเกราะเหล็ก 3 (Iron Man 3) และ ธอร์: เทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ (Thor: The Dark World) กับการปรากฏตัวของอินฟินิตี้ สโตนเม็ดที่ 3 คือ เรียลลิตี้ สโตน (Reality Stone) หรือ อีเธอร์ (Aether) ต่อมาในปี 2557 กัปตัน อเมริกา: มัจจุราชอหังการ (Captain America: The Winter Soldier) และรวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล (Guardians of the Galaxy) กับการไล่ล่า ดิ ออร์บ (The Orb) หรือ พาวเวอร์ สโตน (Power Stone) ซึ่งเป็นอินฟินิตี้ สโตนเม็ดที่ 4
ปิดท้ายช่วงที่ 2 ในปี 2558 กับอเวนเจอร์ส: มหาศึกอัลตรอนถล่มโลก (Avengers: Age of Ultron) และ แอนท์-แมน (Ant-Man) ซึ่งช่วงที่ 2 นี้ถือเป็นการนำคนดูเข้าสู่เส้นเรื่องของการช่วงชิงอินฟินิตี้ สโตนทั้ง 6 อย่างแท้จริง ด้วยการปรากฏตัวของธานอสที่สวมถุงมือ Infinity Gauntlet พร้อมพูดว่า "ได้ ฉันจะลงมือเองแล้ว"
Phase 3 – การกวาดล้างจักรวาลของธานอส และความพ่ายแพ้ของเหล่าอเวนเจอร์ส
ในปี 2559 มาร์เวล สตูดิโอส์เปิดช่วงที่ 3 ด้วยการแตกหักของเหล่าสมาชิกอเวนเจอร์สในกัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก (Captain America: Civil War) ที่ทีมแตกออกเป็นสองฝ่าย คือทีมไอรอนแมน และทีมกัปตัน อเมริกา ตามด้วยการแนะนำ ‘หมอแปลก’ สู่สายตาชาวโลกในจอมเวทย์มหากาฬ (Doctor Strange) กับการปรากฏตัวของอินฟินิตี้ สโตนเม็ดที่ 5 ไทม์ สโตน (Time Stone) หรือ The Eye of Agamotto ที่อยู่ในการครอบครองของด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ต่อด้วยภาพยนตร์อีก 3 เรื่องในปี 2560 คือรวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2 (Guardians of the Galaxy Vol. 2) สไปเดอร์แมน: โฮมคัมมิ่ง (Spider-Man: Homecoming) และ ธอร์: ศึกอวสานเทพเจ้า (Thor: Ragnarok)
และในปี 2561 กับการแนะนำตัวละครใหม่อย่าง แบล็ค แพนเธอร์ (Black Panther) ที่เล่าเรื่องราวของวากานด้า ประเทศลึกลับที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ซึ่งจะกลายเป็นสถานที่สำคัญในภาพยนตร์เรื่อง อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล (Avengers: Infinity War) เพราะเป็นสนามสู้รบหลักนั่นเอง โดยเรื่องราวทั้งหมดได้นำไปสู่ความหายนะของจักรวาลเนื่องจากธานอสสามารถแย่งชิงอินฟินิตี้ สโตนมาได้ครบทั้ง 6 เม็ด รวมถึง เรียลลิตี้ สโตน (Reality Stone) อัญมณีปริศนาที่ทุกคนตามหา และทำการกวาดล้างกว่าครึ่งจักรวาลเพียงแค่ดีดนิ้ว จนทำให้ทีมอเวนเจอร์สเหลือเพียง 6 ซูเปอร์ฮีโร่ยุคเริ่มแรกและสมาชิกอีกไม่กี่คนเท่านั้น และปิดท้ายปี 2561 ด้วยภาพยนตร์เรื่องแอนท์-แมน และ เดอะ วอสพ์ (Ant-Man and the Wasp) ที่ใน End Credit เปิดเผยว่า เดอะ วอสพ์ และพ่อแม่ของเธอก็ได้สลายหายไปจากการดีดนิ้วของธานอสเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์อีกสองเรื่อง คือ กัปตัน มาร์เวล (Captain Marvel) ซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลมาร์เวล และบทสรุปของที่สุดแห่งปรากฏการณ์ภาพยนตร์ที่คนทั่วโลกรอคอยกับ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก (Avengers: Endgame) ในปี 2562 ก่อนจะปิดช่วงที่ 3 ของจักรวาลนี้ด้วย Spider-Man: Far From Home ตามคำบอกเล่าของ เควิน ไฟกี
ในที่สุดการรอคอยของแฟนหนังซูเปอร์ฮีโร่ของจักรวาลมาร์เวลก็สิ้นสุดลงแล้ว สำหรับ Avengers: Endgame ภาพยนตร์แอคชั่นผจญภัยแฟนตาซีที่จะบอกเล่าเรื่องราวอันเป็นจุดจบของสงครามแห่งจักรวาลสุดยิ่งใหญ่จากภาคต่อที่ทำเอาแฟนๆ อดใจรอกันไม่ไหว ด้วยกระแสต่างที่ได้รับจากต้นสังกัดเอง หรือแม้แต่นักแสดงนำที่มักจะหลุดอะไรออกมาบอกใบ้ให้ได้ตื่นเต้นอยู่เสมอ
เรียกได้ว่าแค่เห็นตัวอย่างที่ปล่อยออกมาก็เกิดทฤษฎีต่างๆ ให้แฟนๆ ได้นำมาคิดเป็นตุเป็นตะ จับโน่นมาโยงนี่กันเลยทีเดียว เมื่อได้เข้าไปดูหนังจนจบจะรู้แจ้งเห็นจริงเลยว่าตัวอย่างที่ปล่อยมานั้นแทบไม่ได้เศษเสี้ยวของหนัง และอาจจะทำให้เราตีความเข้าใจผิดไปได้มากเหมือนกัน
แน่นอนว่าหนังเป็นการสานต่อเรื่องราวจาก Avengers: Infinity War (2018) หลังจากที่สิ่งมีชีวิตครึ่งจักรวาลสูญสลายหายไปเป็นจากฝีมือการดีดนิ้วของวายร้าย ทานอส เหล่าฮีโร่ที่เหลือจึงต้องหาวิธีที่จะช่วยเหลือผู้สูญหายกลับมา ซึ่งวิธีที่จะสามารถทำได้นั้นก็เกิดจากการรอดชีวิตของมนุษย์มดหรือแอนท์แมนของเรา ที่ออกมาจากมิติควอนตัมที่อยู่ในเอนด์เครดิตของ Ant-Man and the Wasp (2018)
จากนั้นไอเดียการกอบกู้สิ่งมีชีวิตครึ่งจักรวาลก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่าในช่วงนี้เองอาจจะมีความเอื่อยเฉื่อยไปบ้าง เมื่อเหล่าฮีโร่ทั้งหมดสามารถคิดค้นวิธีได้และเข้าสู่ช่วงดำเนินการทดลองจนกระทั่งมอบหมายภารกิจให้แต่ละคนก็มีความเข้มข้นและค่อยไล่สเต็ปลุ้นระทึกขึ้นมา ทำเอาคนดูอย่างเราอดเอาใจช่วยสุดๆ หวังให้ภารกิจเสร็จโดยราบรื่นซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ระหว่างทางก็จะมีอุปสรรคคอยขวางกั้นเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเหล่าฮีโร่
โดยรวมแล้วหนังก็ยังคงทำออกมาตามสไตล์ของมาร์เวล บ้างก็ทำให้เราเดาถูก แต่ก็มีหลายอย่างที่เดาผิดไปมากโข แต่ท้ายที่สุดก็ถือทำออกมาได้ครบรส พาร์ทแอคชั่นก็มันระเบิด โดยเฉพาะฉากรวมพลยิ่งใหญ่อลังการสมการรอคอยเป็นอย่างมาก ด้านความฮาก็มีมาไม่ขาดสาย ส่วนเรื่องความเศร้าก็มาพีคเอาช่วงท้ายๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันมาจากความสูญเสียที่ทำเอาเราต้องหลั่งน้ำตากันเลยทีเดียว ส่วนใครจะอยู่หรือจะไปนั้นก็ไม่ยากเกินกว่าจะคาดเดา แถมยังมีตัวละครใหม่ๆ มาให้ชื่นชมกันอีกหลายคน แอบเสียดายหลายๆ คนที่โผล่มานิดเดียวเอง
แต่ที่ทำเอาเซอร์ไพรส์สุดๆ เหนือความคาดหมายจริงๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นลักษณะทางกายภาพของตัวละครตัวหนึ่งซึ่งจะเป็นใครนั้นต้องไปดูเอง บอกได้เลยว่าตกตะลึงแบบที่ไม่คาดคิด ฮาเอาเรื่องจริงๆ และแม้ว่าหนังจะทำออกมาได้สนุกมากแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันยังมีช่วงที่ทำให้งงๆ ไปบ้าง เช่น เรื่องเวลา ซึ่งวิธีการแก้ไขความงุนงงเหล่านี้ก็น่าจะเป็นการตีตั๋วเข้าไปดูรอบ น่าจะไขข้อข้องใจให้กระจ่างมากขึ้นหรืออาจจะงงหมือนเดิม อันนี้น่าจะขึ้นอยู่กับความเข้าใจของแต่ละคน
เอาเป็นว่าใครที่ไม่ได้ดู Avengers: Infinity War หรือภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ในจักรวาลมาร์เวลมาก่อนอาจจะไม่ทันมุกหลายๆ อย่าง รวมไปถึงตัวละครอื่นๆ ที่โผล่มา ฉะนั้นทางที่ดีควรไปดูมาให้หมดเพื่อที่จะได้เข้าถึงเรื่องราวได้อย่างมีอรรถรส และเต็มอิ่มไปกับทุกฉาก ทุกความสัมพันธ์อันมีพื้นฐานมาจากความรัก ความเสียสละ เรียกว่าในภาคนี้เรื่องราวการจุดจบ การพบเจอของทุกตัวละครล้วนแล้วแต่สร้างมาเพื่อแฟนหนังของจักรวาลนี้โดยแท้จริง ส่วนเรื่องเอนด์เครดิตในภาคนี้นั้นยืนยันเลยว่าไม่มี