ตั้งแต่พระเอก มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2513 สัญญานการเริ่มหมดยุคของการฉายหนัง 16 มม.พากย์สดๆ ก็เริ่มค่อยๆ ชัดขึ้น..หากมองย้อนหลังกลับไป ก่อนหน้าโน้น เริ่มตั้งแต่มิตร ชัยบัญชา เข้าวงการหนังในปี 2501 และเมื่อปี 2505 มิตรเริ่มจับคู่กับนางเอก เพชรา เชาวราษฎร์ ก็ทำให้มีการสร้างหนัง 16 มม.พากย์สดๆ เพิ่มมากขึ้นอีก ถึงกับมีคำพูดว่า จะหนังฟิล์มเล็กหรือฟิล์มใหญ่ ไม่สำคัญขอให้มี มิตร-เพชรา แสดง คนก็จะพากันมาดู
สมัยนั้นชื่อของ มิตร-เพชรา เรียกว่า ผูกขาดวงการหนังไทย ผู้สร้าง ผู้กำกับ ต่างก็รอคิวถ่ายหนังจากพระเอก-นางเอกคู่นี้ เพราะนั่นหมายถึงจะไม่เสี่ยงต่อการขาดทุน ขอให้ใบปิดหนังมีชื่อ มิตร-เพชรา หนังก็ขายได้
ยุคนั้น การฉายหนัง 16 มม.พากย์สดๆ จึงเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง ไม่ว่าจะเป็นหนังโรง หนังกลางแปลงหรือหนังขายยา จอไหน ฉายหนังมิตร ก็จะเรียกคนดูได้มากกว่า และด้วยความนิยมนี่เอง จึงทำให้มิตร ชัยบัญชา เป็นพระเอกหนังไทยคนเดียวที่แสดงหนัง 16 มม.พากย์สดๆ ไว้มากที่สุดถึง 250 เรื่อง จากหนังมิตร 266 เรื่องที่ออกฉายมา.. และเพชรา เชาราษฎร์ เองก็คือนางเอกที่แสดงคู่กับมิตร ชัยบัญชา มากที่สุดถึง 172 เรื่อง
แต่ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง.. เมื่อสิ้นพระเอก มิตร ชัยบัญชา ไปในปี 2513 วงการหนังไทยก็เริ่มปรับเปลี่ยน มีพระเอกหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ผู้สร้างเริ่มหันไปสร้างหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มแทน จนปลายปี 2515 ก็ไม่มีใครสร้างหนัง 16 มม.พากย์สดๆ อีกเลย นักพากย์หนัง 16 มม. จึงเริ่มเบนเข็มไปพากย์หนังต่างประเทศเพราะไม่มีหนังไทยให้พากย์สดๆ แล้ว
แหละนั่นเอง ก็ทำให้เรื่องราวของนักพากย์หนัง16 มม. พากย์สดๆ เริ่มหายไป.. คนที่เกิดหลังปี 2513 แทบจะไม่เคยได้สัมผัส มนต์เสน่ห์ของการฉายหนัง การพากย์หนังสดๆ อีกเลย แต่ "มนต์รักนักพากย์" ที่คุณอุ๋ย Nonzee Nimibutr สร้างสรรขึ้นมา จะทำให้ภาพในอดีตเหล่านี้ย้อนกลับมา และแน่นอนก็จะต้องมีเรื่องราวของ พระเอก มิตร ชัยบัญชา กลับมาด้วย..
