แฟนหนังจีนในไทย มีใครที่ไม่รู้จักเครื่องหมาย เอ็ส.บี. SB หรือ ชอว์ บราเดอร์ บ้าง แทบทุกคนชื่นชอบ และมีความมั่นใจต่อผลงาน ที่สร้างขึ้นภายใต้เครื่องหมายนี้
สำหรับประวัติการก่อร่างสร้างตัวของชอว์ฯ ได้มีจุดเริ่มต้นขึ้นที่ "มหานครเซียงไฮ้" ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะได้เกิดขึ้น ต่อมาภายหลังสงคราม ชอว์ฯ ได้บุกเบิกมาสร้างอาณาจักรขึ้นที่สิงคโปร์ จนมีรากฐานมั่นคง พร้อมกับอิทธิพลมากมาย จึงได้หวนกลับไปเสริมสร้างอาณาจักรที่ฮ่องกง จนกลายมาเป็นอาณาจักรชอว์ฯ ที่แผ่กิ่งก้านสาขา ครอบครองไปทั่วเอเชียอาคเนย์ในด้านบันเทิงภาพยนตร์ มีอิทธิพล มีเงินตรา จนสามารถที่จะบีบบังคับบริษัทสร้างหนังเล็กๆ ต้องชอกช้ำ และเจ็บแค้นน้ำตาตกใน มามากต่อมาก!
ขณะเดียวกัน ผลงานสร้างหนังได้เป็นที่เชื่อถือ จนกระทั่งสามารถฝังหัวเข้าสู่สมองของแฟนหนัง ที่เชื่อมั่นต่อหนังที่สร้างขึ้นภายใต้เครื่องหมาย เอ็ส.บี. SB ย่อมจะต้องมีความดีเด่น สนุกสนานตื่นเต้น และความมาตรฐาน
ประมาณปี 1969 ในอาณาจักรชอว์ ฯ ได้เริ่มก่อเกิดความปั่นป่วน อย่างที่ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ประการแรกคือ การที่
นายรันรัน ชอว์ (ส้าว ยี่ ฟู Sir Run Run Shaw) 邵逸夫 ได้ชักนำบุคคลหนึ่งเข้ามาบริหารงานในอาณาจักรชอว์ฯ คือ นักร้องสาวมีชื่อของฮ่องกง
โมน่า ฟ่ง (ฟัง ยี่ ฮว๋า Mona Fong Yat-Wah) 方逸華 (หรือที่แท้จากวงภายในได้ทราบกันเป็นอย่างดีว่า เธอเป็นภรรยาน้อยคนหนึ่งของนายรันรัน ชอว์) เนื่องจากชอว์ฯ ต้องประสบต่อปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสูงเกินควรโดยมิจำเป็น ฉะนั้นจึงได้มอบหน้าที่ควบคุมการเงินให้เธอเป็นผู้จัดการ
ภายหลังที่เธอเข้ารับตำแหน่งนี้ เธอรีบจัดการต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างเฉียบขาด ไม่มีการจ่ายเกิน หรือปล่อยปละละหลวมกินนอกกินใน ซึ่งย่อมเป็นสิ่งที่แน่นอน ที่ทำให้บุคคลพวกหนึ่งเกิดความไม่พอใจขึ้น
ผลสุดท้าย เธอได้จัดการขั้นเด็ดขาดด้วยการรยื่นซองขาวต่อพนักงาน คนงานอีกมากมาย จนเกิดความปั่นป่วนเป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ระยะหนึ่ง แม้แต่ดาราใหม่ที่ได้รับสมัครคัดเลือกมาจากไต้หวัน หลายคนที่ได้ถูกยื่นซองขาวเช่นเดียวกัน เธอได้ให้เหตุผลว่า พนักงาน คนงานของชอว์ฯ มีมากเกินความจำเป็น ทำให้ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเสียไปโดยใช่เหตุ ส่วนดาราใหม่ที่มาจากไต้หวัน บางคนแทบจะมิได้แสดงหนังแม้แต่เรื่องเดียว หรือบ้างก็ไม่มีความสามารถเพียงพอ ให้อยู่ต่อไปก็มีผลเสียทั้งสองฝ่าย คือ ชอว์ฯ เสียค่าใช้จ่ายไปโดยมิจำเป็น ส่วนดาราใหม่จากไต้หวันถูกผูกมัดอยู่แต่ในชอว์ฯ มิมีโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้า จึงมีสู้ปล่อยให้เป็นอิสระเสียยังจะดีกว่า!

อำนาจหน้าที่การควบคุมการเงินของชอว์ฯที่ เธอได้รับคงจะยังไม่เพียงพอ เธอเริ่มแผ่อิทธิพล เข้าควบคุมแผนกอื่นอย่างรวดเร็ว (ซึ่งอาจเป็นคำสั่งลับจาก นายรันรัน ชอว์ ก็เป็นได้ ใครจะรู้) บางคนถูกยื่นซองขาวโดยมีรู้สึกตัว จึงพลอยทำให้คนอื่นๆ ที่ร่วมงาน มีความหวาดสะดุ้งตลอดเวลาว่า อันดับต่อไปจะเป็นตัวเองหรือเปล่า ความไม่ไว้วางใจเริ่มเพาะตัวขึ้นในหมู่คนงาน พนักงาน ขณะเดียวกัน เธอก็ได้ทิ้งพรรคพวกของเธอเข้าไปรับตำแหน่งที่ว่างลงแทน
การกระทำดังกล่าวของเธอ ได้ทำความไม่พอใจต่อคนงาน, พนักงาน, ดารา และตลอดจนเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ โดยเฉพาะนาย
เรย์มอนด์ เชาว์(Raymond Chow Man-Wai) 鄒文懷 ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการของชอว์ฯ แต่การกระทำของเธอดุจรองผู้อำนวยการไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น หรือเห็นว่าตำแหน่งรองผู้อำนวยการเป็นเพียงหุ่นเชิดเล่นในบริษัทเท่านั้น!
เหตุการณ์ในปี 1969 ได้ทำให้อาณาจักรชอว์ฯ เกิดความหวาดระแวงในระหว่างคนงาน พนักงาน ดาราตลอดจนเจ้าหน้าที่ต่างๆ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา
ใครจะคาดฝัน หรือคาดคิดมาก่อนว่า พอย่าง เข้าปี 1970 วิกฤติกาลได้กระพือปีกครอบงำลงบนอาณาจักรชอว์ฯ แล้ว เริ่มต้นด้วยพระเอกอันดับหนึ่งของชอว์-
หวังอยู่ (Jimmy Wang Yu) 王羽 ประกาศผละจากไปอย่างกะทันหัน โดยมิมีเค้ามาก่อนแม้แต่น้อย การผละจากของหวังอยู่ ทำให้ชอว์ฯ ต้องสูญเสียพระเอกยอดนิยม ตลอดจนรายได้ที่เก็งไว้อย่างน่าเสียดายที่สุด!
หวังอยู่ ประกาศความเป็นอิสระของเขายังมิทันจางหายไป เจ้าหน้าที่ชั้นมันสมองที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เป็นเวลา 10 กว่าปีอีกชุดหนึ่ง ได้ยกขบวนตบเท้าเดินออกจากประตูชอว์ฯ ไปอย่างไม่ยี่หระ ทําให้นายรันรัน ชอว์ ต้องสะทกสะท้านรุ่มร้อนอยู่ภายในใจ!
เจ้าหน้าที่ชั้นมันสมองที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นเวลา 10 กว่าปี ชุดนี้ได้แก่ รองผู้อำนวยการ นายเรย์มอนด์ เชาว์, นายเหอก้วนชั้ง, และนาย เหลียงฟง เป็นต้น ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นคู่แข่งขันอันน่าสะพรึงกลัวที่สุดของชอว์ฯ จนถึงขั้นมีการฟ้องร้องกันถึงโรงถึงศาลกันมาแล้ว นั่นคือบริษัทโกลเด้นท์ ฮาร์เวสต์ หรือภายใต้เครื่องหมาย จี.เฮ็ช. GH นั่นเอง!!
เหตุการณ์ที่ให้เกิดขึ้นครั้งนั้น แม้นายรันรัน ชอว์ จะคาดไม่ถึง แต่หัวสมองอันปราดเปรื่องของเขาก็มิได้ย่อท้อ เร่งรีบเล็งหาบุคคลที่มีความสามารถมาเสริม เข้าเป็นมันสมองชุดใหม่ต่อการบริหารงานทันที และเพื่อเป็นการรักษาอิทธิพลของตนเองเช่นเดียวกัน นอกจากโมน่า ฟ่ง ที่มีอยู่แล้ว ได้คัดเลือก นายหยวนชิวฟ่ง(อดีตเคยเป็นผู้กำกับสังกัดชอว์ฯ มาก่อน และมีประสพการณ์มาอย่างช่ำชองในวงการบันเทิง) เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายสร้าง นอกนั้นยังมี อี้เหวิน, หวังจื้อหมิง, ตุ่งเชียนหลี, เฉินถุงเหวิน เป็นต้น (สำหรับบุคคลหลัง 2 คน อยู่ร่วมงานกับชอว์ฯ ได้ไม่นานก็เกิดความไม่พอใจลาออกทันที)
ซึ่งแน่ล่ะ! ในช่วงระหว่างที่เก่าไปใหม่มานี้ ย่อมจะต้องเกิดความปั่นป่วนต่อการงาน หรือไม่ย่อมจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในระหว่างคนงาน พนักงาน และดาราเสมอๆ เหตุการณ์เหล่านี้ มี หรือที่สมองอันเฉลียวฉลาดของนายรันรัน ชอว์ จะคาดไม่ถึง แต่นายรันรัน ชอว์ กลับสามารถ ทำใจให้สงบไม่ไหวหวั่นต่อวิกฤติกาลที่เกิดขึ้น คงทำตัวเสมือนหนึ่งมิได้มีสิ่งใดเกิดขึ้นรุนแรงหนักหนา คงอยู่ในสภาพปกติ บินเดียวไปๆ มาๆ ระหว่างฮ่องกง - ไต้หวัน - สิงคโปร์ - มาเลเซีย อยู่เสมอ ทว่าสมองของเขามิได้อยู่นิ่งนอนใจแม้แต่น้อย ตระเตรียมแผนการโครงงานอยู่ตลอดเวลามิหยุดยั้ง
การสูญเสียพระเอกผู้ยิ่งใหญ่หวังอยู่ไป เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชอว์ฯ อีกครั้งหนึ่ง และสามารถกล่าวได้ว่า เป็นการสูญเสียที่ทำให้ ชอว์ฯ ต้องมีความอับอายขายหน้ายิ่งต่อเกียรติยศกว่าครั้งใดๆ ตั้งแต่อดีตมา แต่จะทำประการใดได้ ในเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว จึงมีวิถีทางเดียวที่จะกู้เกียรติยศนี้กลับคืนมาให้ได้ด้วย การปั้นพระเอกใหม่ขึ้นมาแทน และจะต้องให้โด่งดังยิ่งกว่า หวังอยู่
นั่นคือการปั้นพระเอก
เดวิด เจียง (David Chiang Da-Wei) 姜大衛 และตี้หลุง(Ti Lung) 狄龍 !!!
ในขณะเดียวกันก็ยื่นฟ้องศาลทั้งฮ่องกง และไต้หวัน ข้อหาหวังอยู่ผิดสัญญาในการเป็นดาราในสังกัดชอว์ฯ จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะดึงตัวกลับมาในอาณาจักรขอว์ฯ อีกประการหนึ่งก็เพื่อที่จะมิให้หวังอยู่สามารถแสดงหนังให้กับผู้อื่นในฮ่องกง และไต้หวัน
ผลสุดท้ายชอว์ฯ ก็สามารถชนะคดีในฮ่องกงได้ แต่ที่ไต้หวันชอว์ฯ กลับแพ้คดี ไม่สามารถที่จะควบคุมเขาได้ ซึ่งหวังอยู่ไม่มีความหวั่นเกรงประการใดแม้แต่น้อย
เราหันมาในการที่ชอว์ฯ ปลุกปั้นพระเอก เดวิด เจียง และตี้หลุง จนสามารถติดอยู่ในความเพ้อฝันของแฟนหนังแล้ว ขั้นต่อไปในระหว่างความเงียบสงบต่อการบินไปๆ มาๆ ระหว่างฮ่องกง - ไต้หวัน - สิงคโปร์ - มาเลเซียนี้เอง ในที่สุดชอว์ฯ ก็สามารถคว้ารางวัลรวงข้าวทองคำ ในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยมแห่งเอเชียคือ ผู้กำกับเงินล้าน จางเชอะ (Chang Cheh) 張徹 และดาราแสดงยอดเยี่ยมฝ่ายชาย ตกอยู่ในมือของเดวิด เจียง จากหนังเรื่อง “แค้นไอ้หนุ่ม" (Vengeance!) 報仇
รางวัลอันยิ่งใหญ่ที่สามารถคว้ามานี้ เป็นการกู้เกียรติยศที่สูญเสียหวังอยู่ไป เพื่อทำให้ชื่อเสียงของเอ็ส.บี. โด่งดังยิ่งขึ้น ทั้งในทางที่ดี และในทางที่เสียเห็นจะมีมากกว่า(บุคคลในวงการ บันเทิงทั่วไป ได้กล่าวว่ารางวัลทั้งสองชิ้นที่ได้รับ ได้มาด้วยการขยับเท้าใต้โต๊ะของนายรันรัน ชอว์ กับคณะกรรมการเป็นส่วนใหญ่!!)
เมื่อก้าวย่างเข้าปี 1971 ชอว์ฯ มีสิ่งใดใหม่? มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีบ้าง? มีผลดีเกิดขึ้น ประการใด สำหรับผู้คนภายในอาณาจักรนี้? ซึ่ง เป็นของแน่ล่ะ ที่ปัญหาปวดสมองต่างๆ ที่เกิดขึ้น นายรันรัน ชอว์ จะแก้ไขด้วยตนเอง ในขณะ เดียวกัน บทบาทความวุ่นวายของโมน่า ฟ่ง ในปีนี้ แทบจะหายไปจากความรู้สึกของแฟนหนัง วิธี การแก้ไขจะเป็นประการใด ดีขึ้น หรือเลวลง ย่อมกำหนดภายในสมองของนายรันรัน ชอว์!
ในช่วงปี 1971 วิกฤติกาลที่เกิดขึ้นภายในอาณาจักรซอว์ฯ มีสิ่งใดบ้าง? ผมจะค่อยๆ สืบสาวเรื่องราวนำมาเสนอให้แฟน “โลกดารา” ได้ทราบบ้างเพียงบางส่วนเท่าที่จะสามารถค้นคว้ามาได้ จากแหล่งข่าวของฮ่องกง
สำหรับฉบับนี้ “เค้าวิกฤติกาลในอาณาจักรชอว์ ฯ " ผมจะขอยุติไว้เพียงนี้ก่อน ฉบับหน้าจะหาท่านไปพบกับ “ผู้กำกับล้นในอาณาจักรชอว์ฯ"
=============================
***บทความโดย "คุณธวัชชัย ชรินทราวุฒิ" คอลัมม์ "เค้าวิกฤติกาล ใน อาณาจักรชอว์ฯ" ตีพิมพ์ในนิตยสารโลกดารา ปีที่ 2 ฉบับที่ 46 วันที่ 15 มีนาคม 2515(1972)