ผู้เขียน หัวข้อ: ดาราไต้หวันคนแรกด้วย นางเอกเงินล้าน “ซ่านกวนหลิงฟง"  (อ่าน 302 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ shawsbrothers

  • Shaws BrothersMovie
  • Moderator
  • นักเล่าเรื่อง ปรับชั้นต้องโพสรวม 80 กระทู้
  • ***
  • กระทู้: 32
  • พลังใจที่มี 100
  • เพศ: ชาย
  • Shaws BrothersMovie
          ทุกวันนี้ดาราภาพยนตร์ไต้หวัน เริ่มมาดังในเมืองไทยบ้างแล้ว แต่ก่อนเราคุ้นเคยกับดาราของบริษัท ชอว์ บราเดอร์ เท่านั้น “โลกดารา" ฉบับนี้ จึงขอประเดิมดาราไต้หวันคนแรกด้วย นางเอกเงินล้าน “ซ่านกวนหลิงฟง" (Polly Shang-Kuan Ling-Feng) 上官靈鳳


          ภาพยนตร์ 3 เรื่องแรกในชีวิต สามารถทำเงินล้าน นี่คือผลงานของเธอ ที่ชวนให้ติดตามดูนั้นต่อไปว่าจะเป็นฉันใด ส่วนที่สนุก และน่าสนกว่าคือ เรื่องราวในชีวิต.....

          “ชีวิตนี้อยู่ได้ด้วยความหวัง” นี่เป็นคำปราศัยของท่านนายกรัฐมนตรี ในตอนท้ายเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2514(1971) เธอ...ซ่านกวนหลิงฟง พร่ำบอกตัวเองเสมอว่า ชีวิตนอยู่ได้ด้วยความหวัง แม้ว่าหวังสิ่งหนึ่งแล้วจะไปได้อีกสิ่งก็ตาม หวังที่จะเรียนหนังสือต่อ แต่กลับได้สิ่งที่ไม่ได้หวัง คือออกจากโรงเรียน เหตุที่ไม่ได้เรียนต่อ เพราะเศรษฐกิจของน้าสาวไม่อำนวย เรียนจบแต่มัธยมศึกษา

          การที่เธอต้องมาอยู่ในความเลี้ยงดูของน้าสาว เพราะพ่อแม่มีความเห็นไม่ตรงกัน ขัดใจกันทุกวัน สิ่งที่ตามมาก็คือ หย่าขาดจากกัน  ขณะนั้นเธออายุ 9 ขวบ พ่อไปแล้ว แม่ของเธอนั้นเล่า คงไม่อยากเห็นเธอ ซึ่งเป็นอนุสรณ์ของคนที่แม่อาจจะ....รักสุดหัวใจ หรือ... เกลียดเข้ากระดูก ใครจะรู้ จึงไม่ได้สนใจใยดี เหมือนไม่ใช่ “ลูก” และตัวเองก็ไม่มีหน้าที่ของ “แม่” น้าสาวทนดูไม่ได้ จึงรับไปอุปการะตั้งแต่บัดนั้น

          ด้วยวัยที่ทะเยอทะยานอยากเป็นคนเก่ง มีความรู้ ความสวย ฝันไว้ว่าจะเป็นครูสอนหนังสือนักเรียน เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ช่วยชาติอบรมกำลังของชาติ เพื่อชาติ แต่เธอก็หมดโอกาสที่จะเรียนต่อ ต้องออกมาช่วยน้าสาว ว่างตอนกลางคืนก็หอบหนังสือพิมพ์ของข้างบ้านที่อ่านแล้ว มานอนอ่านทุกคืน และเกือบทุกตัวอักษร ด้วยหวังที่จะฝึกตัวเองก้าวหน้าต่อไป อีกทั้งเป็นความสุขที่เธอได้รับไปในตัว

          วันหนึ่ง...อ่านพบข่าวประกาศรับสมัครดารา ภาพยนตร์ของบริษัท “เหลียงปาน” (Union Film International Film Production) 聯邦影業有限公司 เธอ และเพื่อนนักเรียนรีบสมัครทันที ในจดหมายสมัคร เธอส่งรูปไปพร้อมกับกำชับอย่างจริงจังว่า ถ้าเธอเข้าไม่ได้ให้ส่งรูปคืนมา เพราะเธอเหลือรูปอยู่ใบเดียวเท่านั้น

          ตอนสมัครไป เธอไม่ได้คิดว่าจะเป็นนางเอก ภาพยนตร์แต่อย่างไร เธอขอให้ได้งานทำสักอย่าง หาเงินมาจุนเจือครอบครัวน้าสาว อีกทั้งตัวจะได้พึ่งตัวเอง

          แล้วเธอก็ได้งานสมใจ เมื่อบริษัทฯ ตกลงรับเธอเข้าไว้ จำนวนผู้เข้าสมัครสองพันกว่าคน คัดเลือกเหลือ 3 คนมี “สวี่ฟ่ง” “หารเซียนจิน” เละ “ฮุยไต้เหม่ย” (Hui Tai-Mei) ซึ่งทางบริษัทฯ โดยผู้กำกับ “หูจวินฉวน” (King Hu) 胡金銓 เป็นคนเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า “ซ่านกวนหลิงฟง"

          ผู้กำกับ “หูจวินฉวน” เคยอยู่บริษัท ชอว์ บราเดอร์ โด่งดังจากการกำกับเรื่อง “หงส์ทองคะนองศึก" (Come Drink with Me) 大醉俠 ออกจากชอว์ฯ กลับไต้หวัน เข้าบริษัท “เหลียงปาน” กำกับ และเขียนบทภาพยนตร์เอง เรื่องแรก “ตะลุยแดนพยัคฆ์” (Dragon Inn) 龍門客棧 ออกจะเป็นคนเชื่อมั่นในฝีมือ ลองว่าเขาเขียนบทและกำกับเอง เขาเชื่อสายตาและความสามารถของตัวเองอยู่มาก เขาไม่คิดจะเอาดาราเด่นที่ไหนมาเล่น เขาเลือกดาราใหม่ของเขาอยู่หลายวัน เลือกไปเลือกมา เห็นซ่านกวนหลิงฟงเหมาะสมที่สุด

          หลังจากใช้เวลาฝึกอยู่ 3 เดือน เธอจึงเข้ากล้องเรื่องแรกด้วย “ตะลุยแดนพยัคฆ์” เมื่อนำออกฉาย ทำเงินล้านที่ไต้หวัน และฮ่องกงในเวลารวดเร็ว พอดีเจอหน้าฝนผู้คนก็กางร่มไปดูกัน ที่เกาหลีเจอหิมะตก ท่ามกลางหิมะปลิวว่อน อากาศหนาว คนดูก็แน่นทุกรอบ นับเป็นผลงานชิ้นแรกของไต้หวันที่โชว์ชาวโลก ได้อย่างสง่าสมภาคภูมิ ทั่วโลกในประเทศเสรีฉายเรื่องนี้ทั้งนั้น แม้ในญี่ปุ่นเรื่องนี้ก็ไปทำซู่ซ่า ที่นิวยอร์คนำมาฉายเป็นครั้งสองเก็บเงินได้อย่างสบาย

          เธอรับเงินเดือนงวดแรก ด้วยความตื่นเต้นที่สุด เธอสามารถยืนบนลำแข็งตัวเองแล้ว ไม่ต้องคอยรบกวนน้าสาวอยู่ร่ำไป ในขณะแสดงภาพยนตร์อยู่ เธอทำงานทุกอย่าง เป็นทั้งนางเอก เป็นทั้งเด็กช่วยดูแลของใช้ต่างๆ ช่วยจัดฉาก เก็บกวาดโรงถ่ายภาพยนตร์ เหลือเชื่อที่นางเอกจะยอมทำงานพวกนี้

          เธอให้เหตุผลว่า "เธอพยายามหาเงินเพื่อส่งให้น้าสาว และแม่ ให้น้องชายใช้จ่ายในการศึกษา ซึ่งเธอมีน้องชายเพียงคนเดียว เธอเป็นพี่สาวคนโต" หลายคนรู้สึกเลื่อมใสในความกตัญญูรู้คุณของเธอ

          ซ่านกวนหลิงฟง เป็นดาราที่มีอัธยาศัยดีมาก เมื่อครั้งเธอไปฮ่องกง ได้รับการต้อนรับที่เกรียวกราวที่สุด นักข่าวทุกคนที่ได้สนทนากับเธอ ต่างนิยมชมชื่นเธอมาก ของขวัญมากมายที่ห้างร้าน และแฟนๆ ซื้อมอบให้เธอ มีคนถามว่า "เธอจะเอาไปขายต่อหรือเปล่า เพราะมากจริงๆ" เธอว่า "ไม่จะเก็บไว้เป็นที่ระลึก ส่วนที่เก็บไม่ได้ก็จะมอบให้เพื่อนๆ ในบริษัท"

          ด้วยความประทับใจในน้ำใจไมตรี ที่ได้รับจากฮ่องกง เธอจึงเดินทางมาฮ่องกงอีกครั้ง หนังสือพิมพ์ฮ่องกงที่ลงข่าวเธอตัดเก็บไว้หมด เพื่อเธอจะระลึกถึงนักข่าวทุกคน ซ่างกวนหลิงฟง สูง 160 เซ็นติเมตร หนัก 45 กิโลกรัม เธอมีผมที่สลวยยาวเกือบจรดเอว เป็นสีเหลืองทอง สะดุดตาเสียจนใครๆ ต้องถามว่า "ผมย้อมหรือเปล่า" เธอว่า "เป็นผมธรรมชาติ สมาชิกบ้านเธอมีผมสีนี้ทั้งนั้น"

          วันให้สัมภาษณ์ที่ฮ่องกง นักข่าวถามเธอว่า "ชอบแสดงบทอะไรมากที่สุด" เธอว่า "ยินดีเล่นทุกบท ถ้าเป็นความต้องการของบริษัทฯ และคนดู" เธอถูกถามต่อว่า "ถ้าบริษัทเรียกให้เธอแสดง บทวาบๆ แวมๆ ละเธอจะว่าอย่างไร" เธอว่า "คงจะไม่ และเธอจะไม่ขอแสดงบทดังกล่าวเด็ดขาด"

          เธอยอมรับว่า แสดงภาพยนตร์บู๊ดุเดือดนั้น เหนื่อยยิ่งกว่านั้น เธอชอบดูภาพยนตร์บู๊ ดุเดือด สู้กันตลอดเรื่อง เพราะมันตื่นเต้นทันใจดี ปืนี้เธออายุ 21 แล้ว แต่ยังไร้เดียงสาเหมือน เด็กแก่นๆ เมื่อสมัยเธอวัย 10-12 ซนอย่างกับอะไรดี แม้ในปัจจุบันเพื่อนที่ดีที่สุดทั้งในยามเหงา และยามสดชื่น คือตุ๊กตาแบบนิ่ง และไขลาน สะสมไว้นานาชนิด ทั้งบ้านมีตุ๊กตาหมด โดยเฉพาะห้องนอนเธอมากที่สุด

          ซ่านกวนหลิงฟงไม่เคยหลงตัวคิดว่า เป็นนางเอกชื่อดังแต่อย่างไร เธอคงทำตัวเหมือนตอนเป็นนักเรียน เครื่องแต่งกาย และการเม็คอัพเท่านั้น ที่ต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง เพื่อความเหมาะสม มี นิสัยและความรักสนุกยังเหมือนเดิม ในบางครั้ง เธอกลับจากทำธุระกลางทาง พบกองถ่ายทำภาพยนตร์ของบริษัทอื่น เธอจะเบียดแย่งผู้คนเข้าไปดูบ้าง โดยลืมนึกไปว่าเธอนั้นคือ นางเอกภาพยนตร์ อีกทั้งตำแหน่งรองราชินีนักดาบอันดับ 2 ส่วน "ฉินผิง" (Chin Ping) 秦萍 เป็นรองอันดับ 3 โดยมี "เจิ้งเพ่ยเพ่ย" (Cheng Pei-Pei) 鄭佩佩 ครองตำแหน่ง “ราชินีนักดาบ”

          ปี 1970 นิตยสาร “Cinemart” ได้จัดอันดับดารายอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยโหวตคะแนนเสียงจากสมาชิกของนิตยสาร ซ่านกวนหลิงฟง อยู่ในอันดับ 5 ภาพยนตร์เรื่อง “เพลิงแค้น” (The Grand Passion) 烈火 ที่ฉายต้อนรับปีใหม่ที่ ศรีราชวงศ์ และศรีเยาวราช เข้าอันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปี 1970 ด้วยภาพยนตร์สามเรื่องที่เธอแสดงติดต่อกันมา คือ “ตะลุยแดนพยัคฆ์” “ตะลุยสิบทิศ” (The Swordsman of all Swordsmen) 一代劍王 และ “เพลิงแค้น” ทำเงินล้านทุกเรื่อง ยังเหลืออีกสองเรื่อง ซึ่งคงจะเข้ามาฉายในไม่ช้านี้ เรื่องที่ 4 ใกล้แล้ว เพราะจะต้อนรับตรุษจีน

          ความสำเร็จของซ่านกวนหลิงฟง ขึ้นอยู่กับความพยายาม และขยันขันแข็งของตัวเองเป็นที่ตั้ง โชคเข้าข้างนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หาใช่ทั้งหมดไม่ ข้อนี้เธอเองทราบดีกว่าใคร ด้วยเหตุนี้ หากเธอมีเวลาว่างจากการเข้ากล้อง และเรียนหนังสือแล้ว เธอจะหาอะไรต่ออะไรฝึกไว้เสมอไม่ว่า ลีลาศ หรือ คาราเต้ ซึ่งเธอเรียนอยู่กับอา จารย์ญี่ปุ่น คู่ฝึกชาวไต้หวัน ฝึกอยู่ประมาณ 3 เดือน เรียนรู้ได้รวดเร็ว จนอาจารย์ออกปากชมกันทุกคน ดูเหมือนว่าเธอจะมาแสดงคาราเต้บนเวทีศรีราชวงศ์ ในวันตรุษจีนด้วย ไม่เลว...ถ้าเธอมาได้ตามกำหนดการ เธอเรียนคาราเต้เพื่อจุดมุ่งหมายหลายอย่าง เรียนไว้ใช้ในการแสดง, ป้องกันตัว และเป็นการออกกำลังกายรักษา ทรวดทรงไปในตัวด้วย

          ดังได้กล่าวแล้วว่า เธอขาดความอบอุ่นมาแต่เล็ก ความสุขสดชื่นของบ้านเป็นฉันใด เธอไม่ เคยลิ้มรส เดี๋ยวนี้เธอมีแม่อยู่เคียงข้างแล้ว เมื่อสองปีก่อน เธอเขียนบทความลงในนิตยสาร เกี่ยวกับความว้าเหว่ของเด็กกำพร้า เขียนได้ลึกซึ้งกินใจคนอ่านมาก จากนั้นไม่นาน แม่และน้องชายก็เดินทางมาอยู่กับเธอในไทเป คงจะอ่านเรื่องที่เธอเขียน เกิดสงสารลูก และรู้สำนึกหน้าที่ของแม่

          เป็นอันว่า เธอได้สิ่งที่เธอร่ำร้องหาอยู่เสมอ ในความรู้สึกของเธอ แม่ก็ยังเป็นแม่ที่เธอรัก นับถือเหนือสิ่งอื่น

=================================
***บทความโดย คุณ"ศ.ศรีรัตน์" คอลัมม์ "ดาราไต้หวัน ซ่านกวนหลิงฟง" ตีพิมพ์ในนิตยสารโลกดารา ปีที่ 2 ฉบับที่ 27 เดือนมิถุนายน 2514(1971)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 มิถุนายน 2025, 19:38:27 โดย shawsbrothers »


พูดคุยสาระหนังชอว์ บราเธอร์, บันเทิงฮ่องกงบ้าง, ไทยบ้าง, มีฮอลลีวู๊ดแซมบ้างนิดหน่อยครับ !!!