ผู้เขียน หัวข้อ: จากเรือนร่างที่สูงโปร่งได้ส่วนสัด ยิ้มที่อ่อนหวาน “เจิ้งเพ่ยเพ่ย”  (อ่าน 304 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ shawsbrothers

  • Shaws BrothersMovie
  • Moderator
  • นักเล่าเรื่อง ปรับชั้นต้องโพสรวม 80 กระทู้
  • ***
  • กระทู้: 32
  • พลังใจที่มี 100
  • เพศ: ชาย
  • Shaws BrothersMovie
         จากเรือนร่างที่สูงโปร่งได้ส่วนสัด ยิ้มที่อ่อนหวาน แสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง เสียงเจรจาที่ระรื่นหู อารมณ์ที่เบิกบานแจ่มใสอยู่เป็นนิจ และที่สำคัญคือความไม่ถือตัว จึงก่อให้เกิดเสน่ห์ และความประทับใจแก่ผู้พบเห็นโดยสมบูรณ์ ขณะนี้ไม่ว่าจะย่างกรายไปทิศทางไหน มักได้ยินผู้คนกล่าวขวัญถึง “ราชินีนักดาบ” เสมอ ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอนำ “เจิ้งเพ่ยเพ่ย” (แต้ ปวย ป๋วย) Cheng Pei-Pei 鄭佩佩 มาทำความรู้จักกับท่านผู้อ่าน "ดาราภาพ” ในฉบับนี้


         ชั้นเชิงดาบ และบุคลิกของ “ราชินีนักดาบ” ทำให้สองมือของเราอยู่ไม่นิ่ง ต้องยกขึ้นมาปรบเพื่อชมเชยในความสามารถของเธอ ใครจะรู้ว่าในอดีตที่เธอมีอายุเพียง 12 ปี หน้าที่อะไร ที่มารดาเธอทำได้ เธอก็สามารถทำให้เหมือนกัน เพราะบิดาของเธอละทิ้งหน้าที่ของพ่อบ้านไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น มารดาต้องดิ้นรนหาเงินมาเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว เธอจึงรับภาระทั้งหมดของมารดามาทำเสียเอง เวลาผ่านไป 4 ปีเต็ม บริษัทชอว์ บราเดอร์ เปิดรับสมัครตาราภาพยนตร์รุ่นใหม่

         ความไฝ่ฝันในขณะตื่นของมนุษย์ ย่อมมีอยู่ถ้วนทั่วทุกตัวตน แต่สำหรับ "เจิ้งเพ่ยเพ่ย” เธอใฝ่ฝันอยากเป็นดาราภาพยนตร์ จนก่อให้เกิดความทะเยอทะยาน มุ่งมั่นพยายามที่จะให้เป็นอย่างนั้นให้ได้ ความหวังของเธออยู่แค่เอื้อมแล้ว เมื่อเธอเข้ามาเป็นดาราในสังกัดของชอว์ บราเดอร์ เพียงแค่เสียเวลาฝึกอีกหน่อยเท่านั้น ก็จะเป็นจริงขึ้นมา

         ภาระกิจของเธอเพิ่มมากขึ้น เข้าขึ้นไปเรียนหนังสือตามปกติ (หมายถึงดูแลน้องชาย น้องสาว 2 คน ไปโรงเรียนเรียบร้อยก่อน) ตอนบ่ายเข้าโรงเรียนฝึกหัดของบริษัทฯ กลับถึงบ้านก็ทำงานต่อ มารดาของเธอเห็นเช่นนี้ก็สงสาร ส่วนน้าชายผู้ซึ่งมองอาชีพการแสดงเป็นอาชีพที่ไม่จีรังยั่งยืน ไม่เห็นน่าสรรเสริญตรงไหน ก็บอกให้เธอลาออกเสีย ซึ่งถ้าเป็นคำสั่งของมารดาแล้วละก้อ เธอคงไม่ต้องเสียเวลาคิด คงออกทันที เพราะเธอรัก และเคารพมารดามาก เมื่อมารดาไม่ขัดข้อง เธอก็ก้มหน้าก้มตาฝึกต่อไป

         8 เดือนให้หลัง เธอจบหลักสูตรนี้ ทางบริษัทฯ จัดงานฉลองรับขวัญดารารุ่นน้อง “ชายเลี้ยงแกะกับหญิงทอผ้า” เป็นละครบนเวที ที่เธอแสดงร่วมกับเจียงชิง บทบาทดีเกินคาด จนผู้กำกับหลายท่าน และสื่อมวลชนที่ร่วมอยู่ ณ ที่นั้น ต่างยอมรับในความสามารถของเธอ แสดงว่าดาวดวงเด่นภายใต้ชื่อ บริษัท ชอว์ บราเดอร์ เริ่มจรัสแสงขึ้นอีกดวงแล้ว

         เจิ้งเพ่ยเพ่ย มีนิสัยดีเลิศ เข้มแข็งเด็ดเดียว ขยันขันแข็ง อยู่โรงเรียนงานเล็กงานน้อยไม่เคยเกี่ยง ข้อความนี้ไม่ใช่เขียนขึ้นเพื่อยกย่องเธอ เพราะเป็นความจริงจากปากของผู้เป็นอาจารย์ของเธอมาถึงระยะเวลา 4 ปี นิสัยใจคอ และความประพฤติ อาจารย์ย่อมมองออก จึงไม่เป็นปัญหาเลยว่าจะไม่เป็นความจริง

         พูดถึงรสนิยมในการแต่งกายของเธอแล้ว เสื้อผ้าของเธอแต่ละชิ้น มารดาเป็นผู้สรรหามาให้ทั้งสิ้น เพราะเธอไม่มีเวลาหาเอง แล้วที่หามาแต่ละชุด เธอก็ใช้ได้เสมอ จะเห็นได้ว่าเธอเป็นคนแต่งกายง่ายมาก มักมีนักข่าวว่าเธอไม่ เหมือนดาราคนอื่น ว่างจากเข้ากล้องแล้ว เครื่องสำอางค์ที่ว่ามีอิทธิพลต่อสตรีมามากต่อมาก แต่กับเธอแล้ว ไม่มีความหมาย เพราะเธอไม่ชอบใช้เลย

         ด้วยเหตุที่เธอร่ำเรียนบัลเล่ย์ มาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ รวมเวลาที่เธอเรียนวิชาแขนงนี้มานานถึง 5 ปีเต็ม แน่ละเธอย่อมแตกฉานในด้านนี้ ชอว์ บราเดอร์ จึงตกลงใจจะมอบให้เธอเป็นผู้ฝึกซ้อมระบำ ที่มีในภาพยนตร์เรื่อง “โคมวิเศษ” The Lotus Lamp 寶蓮燈 และ “เสน่ห์แม่ยั่วเมือง” The Last Woman of Shang 妲己 เรื่องแรกเธอร่วมแสดงด้วย จำแลงเรือนร่างอย่างสง่างาม ในวัยหนุ่มน้อย และตอนแก่ สร้างความเกรียวกราวขึ้นอีกครั้ง

         “ผาวิปโยค” Lover's Rock 情人石 เป็นเรื่องแรกที่เธอแสดงเป็นนางเอก เธอได้รับรางวัล “ดาวรุ่งพรุ่งนี้” หมายถึง ผู้ที่มีอนาคตการแสดงไกลที่สุด จากเรื่องนี้เพียงเรื่องแรกของเธอ ก็เป็นไปได้ถึงเพียงนี้ ก็พอจะเป็นหลักประกันได้ว่า เธอคงเดินอยู่บนเส้นทางนี้ไปอีกไกลแสนไกล กาลเวลาไม่เคยหยุดรอคอยสิ่งใด มันซื่อตรงอย่างไม่มีใดเหมือน เวลาเป็นสมบัติล้ำค่าที่พระเจ้าผู้สร้างมนุษย์ประทานมาให้ ผิดแต่ผู้ใดจะรู้จักใช้ ให้เกิดคุณค่าเพียงไหน เจิ้งเพ่ยเพ่ยไม่เคยปล่อยให้กาลเวลาผ่านไป อย่างไร้ประ โยชน์ เธอถือการศึกษาเป็นกรณียกิจประจำชีวิต เวลาว่างจากการถ่ายภาพยนตร์ เธอซ้อมบัลเล่ย์ เพลงดาบ หัดขี่ม้า แต่สิ่งหนึ่งที่เธอจะขาดไม่ได้คือ การเขียนบันทึกประจำวัน

         ส่วนทางบริษัทฯ นั้น ได้ส่งสายลับมาสืบดูว่า มีดาราคนไหนมาสาย ตรวจสอบดูปรากฏว่าเจิ้งเพ่ยเพ่ย คือ บุคคลที่มาตรงต่อเวลาที่สุด ไม่เคยปล่อยให้ผู้อื่นรอคอยเลย รางวัลที่ไม่เคยมีใครได้รับมาก่อนนี้ จึงตกเป็นของเธอ มีนักข่าวเข้าไปถามความเห็นเธอ

         เธอกล่าวว่า “อันที่จริงไม่น่าจะเดือดร้อน เพราะการรักษาเวลาให้ตรง เป็นสิ่งที่พวกเรานักแสดง ต้องคำนึงถึงก่อนสิ่งอื่นเสมอ จึงไม่เป็นของแปลก ที่ดิฉันมาตรงตามเวลา สำหรับดาราผู้อื่นเขาก็คงติดธุระ สุดวิสัย ไม่เช่นนั้นก็ต้องมาตามเวลาเสมอ ถึงอย่างไรก็ตาม ดิฉันก็ดีใจที่ได้รับรางวัลในวันนี้"

         เจิ้งเพ่ยเพ่ยย่อมไม่ลืม “หูจวิ้นฉวน” King Hu 胡金銓 ผู้กำกับมือเอกแห่ง “หงษ์ทองคะนองศึก" Come Drink with Me 大醉俠 ที่ทำให้เธอครองตำแหน่งราชินีนักดาบ เธอให้สัญญาว่า ถ้าหมดข้อผูกพันกับบริษัท ชอว์ฯ แล้วละก็ จะแสดงให้กับบริษัทฯ ของผู้กำกับผู้นี้ ข่าวคืบหน้าเราคงจะได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้

         ปี 1967 เธอกับ “หูอินหลี” เดินทางไปเรียนบัลเล่ย์กับดนตรี ที่ญี่ปุ่นเพิ่มเติม ด้วยทุนรอนของบริษัทฯ ซึ่งก็ตรงกับจุดมุ่งหมายของเธออยู่แล้ว ในอนาคตถ้าเธอออกจากจักรวาลบันเทิงแล้วละก้อ จะเปิดโรงเรียนสอนบัลเล่ย์ และพยายามถ่ายทอดบัลเล่ย์ ที่ร่ำเรียนมา สู่อนุชนรุ่นหลังอย่างไม่รู้โรย


Come Drink With Me Official Trailer

         เคยมีข่าวว่า เธอกับ "เยี๊ยะหัว" Yueh Hua 岳華 มีสัมพันธ์สวาทกันอย่างลึกซึ้ง เรื่องนี้เธอบอกว่า “ไม่จริงเราสองคนรักกันฉันพี่น้อง เพราะทัศนะที่ถูกคอกัน” ณ บัดนี้สิ่งที่มายืนยันคำพูดของเธอก็คือ เธอรับหมั้นกับนักเรียนนอก ซึ่งกำลังทำปริญญาเอกอยู่ที่สหรัฐ ฯ ในแขนง “คอมพิวเตอร์” ทั้งสองรู้จักกันเมื่อ 7 ปีก่อน ขณะที่ไปถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง “ผาวิปโยค” ที่ไต้หวัน แล้วเธอก็ให้ติดต่อกันเรื่อยมา

         สิ้นปีนี้ สัญญาที่เซ็นไว้กับ บริษัท ชอว์ บราเดอร์ ก็จะสิ้นสุดลง เธอตั้งใจจะออกทันที แต่ข่าวล่าสุดแจ้งมาว่า เธอทนคำอ้อนวอนของ รัน-รันชอว์ ไม่ได้ จำใจตกลงเซ็นต่ออีก 1 ปี พร้อมกับทางบริษัทฯ ก็อนุญาตให้เธอบินไปสหรัฐฯ เพื่อปรึกษาหารือกับคู่หมั้น โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด ชอว์ฯ รับเหมา

         เจิ้งเพ่ยเพ่ย ชอบแสดงภาพยนตร์เพลง, ชีวิต มากกว่า ภาพยนตร์ประเภทกำลังภายใน แต่คนดูส่วนมากก็ชอบเธอในบท “นักดาบ” เธอตั้งความหวังไว้ว่า สัญญาที่เซ็นต่อไปนั้น ชอว์ บราเดอร์ คงหาภาพยนตร์ชีวิต เพลง มาให้เธอแสดง แต่ข้าพเจ้าคิดว่า เธอคงได้แต่คอย เพราะบัดนี้ตำแหน่ง “ราชินีนักดาบ” ตั้งขึ้นโดยสื่อมวลชนของฮ่องกงเมื่อวันที่ 15-21 มีนาคม เธอนำลิ่วมาด้วยคะแนนสูงถึง 44,636 รองลงมาก็คือ “ฉินผิง” ที่สามก็คือ "ซ่างกวนหลิงฟง” นางเอกจาก “ตะลุยแดนพยัคฆ์”

         เจิ้งเพ่ยเพ่ย จะยังเป็นคนของประชาชนต่อไปอีกนานแสนนาน ตราบใดที่เธอยังเดินอยู่บนเส้นทางสายนี้

=============================
***บทความโดย คุณ"กุลนิตย" ตีพิมพ์ในนิตยสาร "ดาราภาพ" ปีที่ 13 เล่มที่ 14 เดือนตุลาคม 2512(1969)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 มิถุนายน 2025, 13:01:20 โดย shawsbrothers »


พูดคุยสาระหนังชอว์ บราเธอร์, บันเทิงฮ่องกงบ้าง, ไทยบ้าง, มีฮอลลีวู๊ดแซมบ้างนิดหน่อยครับ !!!