Rouge (1987) ล่ารัก 59 ปี ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังดีอยู่ ครั้งหนึ่ง
เฉินหลง (Jackie Chan) พระเอกแอ็กชันอันดับหนึ่งของฮ่องกง เคยผลักดันหนังโรแมนติกดราม่าแนวจีนจ๋าเรื่องหนึ่งให้เกิดขึ้นได้จริงในวงการ ทั้งที่มันไม่ใช่แนวถนัดของเขา และตัวเขาเองก็ไม่สามารถแสดงในหนังแนวนี่ได้เลย เขาเคยกล่าวไว้ว่า
“นี่คือหนังที่ผมดีใจมากที่ได้ช่วยให้เกิดขึ้น ถึงแม้ตัวผมจะเล่นไม่ได้แนวแบบนี้ แต่มันสำคัญต่อวงการหนังฮ่องกง” นั่นคือ
Rouge (1987) หรือที่ในบ้านเรารู้จักกันในชื่อ ล่ารัก 59 ปี หนังที่หลายคนยกย่องว่าเป็นหนึ่งในงานระดับมาสเตอร์พีซของฮ่องกงยุคทอง
ย้อนกลับไปตอนปี 1986
สแตนลีย์ กวาน (Stanley Kwan) ผู้กำกับหนุ่มรุ่นใหม่จากกลุ่ม นิวเวฟฮ่องกง ได้ลิขสิทธิ์นิยายชื่อดังของ หลี่ปิกฮวา หรือลิเลียน ลี(งานที่คนรู้จักกันของเธอก็มี green snake และ farewell my concubine นิยายอีกเรื่องหนึ่งของเธอที่มีลักษณะเล่าเรื่อง 2 ยุคก็คือเทียนฟง คนตรง 2,000 ปี) ที่ตีพิมพ์ในปี 1984 มาเตรียมสร้างเป็นภาพยนตร์ ทว่าเมื่อเสนอโครงการนี้ให้หลายบริษัทกลับถูกปฏิเสธ เพราะเป็นหนังพีเรียดดราม่า ไม่มีฉากบู๊ ไม่มีตลาดรองรับ ต่างจากกระแสหนังฮ่องกงที่นิยมแนวแอ็กชันหรือคอเมดี้ในยุคนั้น
เมื่อเฉินหลงทราบเรื่องนี้ และมีบริษัทของตัวเองอยู่แล้ว ก็ยื่นมือเข้าช่วยบอกกับทีมว่า “เรื่องนี้ดีมาก ไม่ใช่หนังตลาดก็จริง แต่จะเป็นหนังที่มีคุณค่าต่อวงการ ผมช่วยออกหน้าให้เอง”
และในที่สุดด้วยการสนับสนุนจากของเฉินหลง หนังเรื่อง Rouge จึงได้รับไฟเขียวให้สร้างจริง และกลายมาเป็นหนึ่งในผลงานชั้นเยี่ยมของวงการที่ยังตราตรึงมาถึงทุกวันนี้ ( บนใบปิดเวอร์ชันแรกของหนังยังมีโลโก้ Golden Way Films ปรากฏอยู่ด้วย เป็นหลักฐานของ “ความกล้าหาญ” ที่คนรุ่นใหม่หลายคนอาจไม่เคยรู้เลยว่ามีส่วนจากเฉินหลงอยู่เบื้องหลัง)
Rouge ไม่ใช่หนังรักซาบซึ้งธรรมดา หากแต่สะท้อนภาพความจริงของมนุษย์ และเปรียบเทียบสังคมฮ่องกงระหว่างยุค 1930 กับ 1980 อย่างลึกซึ้ง เล่าผ่านกาลเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่โลกเปลี่ยน ผู้คนเปลี่ยน แต่ความรักยังคงค้างคา
เรื่องเริ่มจาก อาหยวน หนุ่มพนักงานขายโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ที่มีแฟนนักข่าวชื่อ อาฉู่ วันหนึ่งเขาได้พบหญิงสาวในชุดกี่เพ้าเก่าเดินเข้ามาขอประกาศตามหาคนหาย หญิงลึกลับผู้นี้คือ เฟลอร์ ที่แท้เธอคือผีสาวผู้กลับจากปรโลก ตามหาชายคนรักในอดีต หลังจากที่เคยตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยกันด้วยฝิ่น แต่ไปถึงปรโลกกลับไม่พบวิญญาณของเขา จึงย้อนกลับมาในฮ่องกงยุค 1987
เฟลอร์ในอดีตเป็นนางโลมชั้นสูงที่สวยสง่า ฉลาดเฉลียว ร้องเพลงเพราะ วันหนึ่งได้พบ เฉินเจิ้งปัง หรือ คุณชาย 12 ทายาทร้านสมุนไพรใหญ่ของตระกูลผู้ดี ทั้งคู่รักกันท่ามกลางอุปสรรคทางชนชั้น สุดท้ายตัดสินใจจบชีวิตด้วยกัน
เมื่ออาหยวนและอาฉู่รับรู้เรื่องนี้ ความโรแมนติกในอดีตก็สะท้อนกลับมายังความรักของตนเอง ความรักของหนุ่มสาวยุคใหม่แม้จริงใจ แต่เต็มไปด้วยความเป็นจริงที่ต่างจากความฟุ้งฝันในอดีต จนกระทั่งเมื่อทั้งสามพยายามตามหาคุณชาย 12 ในยุคปัจจุบัน และพบว่าเขากลายเป็นชายชราไร้ราศี เป็นตัวประกอบในกองถ่ายหนังไปเสียแล้ว ความจริงของอดีตจึงคลี่คลาย ความรักที่เคยฟังดูยิ่งใหญ่ อาจเป็นเพียงภาพลวงที่จางหายไปตามกาลเวลา
ความยอดเยี่ยมของหนังอยู่ที่การเปรียบเทียบยุคสมัย ความคิดคน และบทบาทหญิง-ชายที่เปลี่ยนไป จากฉากแรกที่เฟลอร์แต่งเป็นชายแต่คุณชาย 12 มีท่าทีอ่อนช้อย จนถึงฉากในกองถ่ายหนังผี ที่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความคลุมเครือ เป็นการสะท้อน “สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น” ได้อย่างลุ่มลึก
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดในฉาก เสื้อผ้า (ออกแบบโดยวิลเลียม จาง) ที่ถักทอให้เรื่องราวงดงาม ผู้ออกแบบเสื้อผ้าเลือกใช้เสื้อผ้าจริงทั้งชุดกี่เพ้าแท้จากยุค 1930 สีแดงเข้ม ม่วง เทา เพื่อสื่ออารมณ์รักหม่นเศร้า เช่นในฉากแม่ของคุณชาย 12 ที่ปฏิเสธเฟลอร์ด้วยคำพูดผู้ดีแสบลึก ฉากที่เฟลอร์ยืนใกล้กล้องแสดงถึงความแข็งแกร่ง ในขณะที่คุณชาย 12 อยู่เบื้องหลังอย่างอ่อนแรง
การแสดงของเหมยเยี่ยนฟาง และจางกั๋วหรงหรือเลสลี จางนั้นถึงขีดสุด เหมยเยี่ยนฟางปรากฏแทบทุกฉาก แบกหนังไว้ได้ทั้งหมด เดิมทีทีมงานตั้งใจให้ เจิ้งอี้เจี้ยน เล่นเป็นคุณชาย 12 แต่เหมยเยี่ยนฟางยืนกรานขอให้โอกาสเลสลี จาง และกลายเป็นบทดีที่สุดเรื่องหนึ่งของทั้งคู่อย่างไม่อาจลืม
ทุกอย่างที่กล่าวมา ทำให้ Rouge เป็นหนังที่สมบูรณ์แบบทั้งเนื้อหาและรูปแบบ ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังรุ่นหลังอย่าง In the Mood for Love ของ หว่องกาไว อีกด้วย
ผู้กำกับ สแตนลีย์ กวาน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้กำกับรุ่นแรกที่ประกาศตัวว่ารักเพศเดียวกัน ทำให้ Rouge เป็นงานระดับมาสเตอร์พีซของฮ่องกง ที่เมื่อกลับมาดูอีกครั้งในวันนี้ มันยังคงเป็น “แคปซูลเวลา” ชั้นดีที่พาเราย้อนสู่อดีต ได้เห็นทั้งความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และความไม่เปลี่ยนแปลงของหัวใจมนุษย์
ถ้าไม่มีการผลักดันอย่างกล้าหาญของเฉินหลงในปีนั้น Rouge อาจไม่มีวันได้ถือกำเนิด และฮ่องกงก็อาจจะขาดหนังรักระดับตำนานไปอีกหนึ่งเรื่องในประวัติศาสตร์ สมควรค่าแก่การกลับไปซึมซับอย่างยิ่งครับ