
มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีตชุมทางหนังไทยในอดีต Thai Old Movie Station
บทที่ 1
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
หรือจะปล่อยให้หนังไทยตายจริงๆ
โดย มนัส กิ่งจันทร์
... สวัสดีครับทุกท่าน..วันนี้ ก็ได้เวลาที่พวกเราจะกลับสู่คืนสภาวะปกติของการโพสระบบเดิมๆ แล้วนะครับ..ก็จะขอเริ่มต้นด้วยความรักความห่วงใยที่มีต่อหนังไทยในอดีต... ซึ่งทุกวันนี้ค่อยๆ เลือนหายไปจากคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเองวิตกถึงเรื่องนี้มานานหลายสิบปีแล้วครับ.. แต่ก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร นอกจากการช่วยพูดช่วยเขียนและช่วยหนังไทยก่อน..เรื่องนี้ ผมเขียนถึงไว้นานแล้ว.. วันนี้ ก็เลยจะนำกลับมาให้อ่านทบทวนกันอีก...ตอนนั้น ผมตั้งชื่อเรื่องว่า “หรือจะปล่อยให้หนังไทยตายจริงๆ” ลองอ่านดูนะครับ....
แม้ว่า วันเวลาจะผ่านมานานแล้ว..แต่ความรู้สึกว่าที่หนังไทยเก่าๆ กำลังจะตาย ใครจะช่วยได้ ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดมา “หรือจะปล่อยให้หนังไทยตายจริงๆ” นั้น ผมเขียนไว้ในหนังสือฟิล์มแอนด์สตาร์ส ฉบับที่ 24 ประจำเดือนกรกฎาคม 2547 วันนี้ ก็เลยต้องนำกลับมาอ่านอีกครั้ง...ตอนนั้นผมเขียนไว้ว่า.. ผมเคยคิดจะนำภาพดาราเก่า ๆ มาลงบ้าง แต่เนื้อที่มีจำกัด จึงเลือกใช้ใบปิดหนังซึ่งสื่อความหมายถึงหนังเรื่องนั้น ๆ ได้ดีกว่ามาลงอยู่เสมอ แต่ Film & stars ฉบับนี้อายุครบ 2 ปี จึงเลือกภาพพระเอก-นางเอกหนังไทยสมัยก่อน ๆ มาลงด้วย บางคนก็ยังมีผลงานให้เราเห็นอยู่ บางคนก็อำลาวงการไปแล้ว ปัจจุบัน นิตยสารที่บอกเล่าถึงอดีตของหนังไทยเหลือน้อยเต็มที บางเล่มก็แค่นำใบปิดหนังมาโชว์และเขียนถึงสั้น ๆ ไม่มีรายละเอียดที่ควรจะบอกให้รู้เกี่ยวกับหนังเรื่องนั้น ๆ Film & stars เล็งเห็นถึงความต้องการของคนรักหนังไทยเก่า ๆ ดีว่าต้องการข้อมูลลึกแค่ไหน เพียงไร จึงจัดคอลัมน์นี้ไว้ให้รำลึกถึงอดีตของหนังไทยซึ่งถือว่า เป็นมรดกของชาติไปแล้ว แต่ขณะนี้ มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากก็คือ คนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยดูหนังไทย แต่ก็ร้องยี้ไปกับเขาด้วยเมื่อมีใครพูดถึงหนังไทย ถ้าคนกลุ่มนี้เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นทีหนังไทยทั้งใหม่และเก่าคงไปไม่รอดแน่ ๆ หนังไทยเป็นเหมือนของใกล้ตัวจึงถูกคนไทยมองข้ามไปอย่างไม่มีคุณค่า หากไม่มีอะไรมากระทุ้งแรง ๆ (อย่างกรณี โหมโรง) แล้ว ก็ไม่ค่อยจะออกไปดูหนังกัน การปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักหนังไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญและเป็นหน้าที่ของทุก ๆ ฝ่ายที่จะต้องให้ความร่วมมือ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมกับเพื่อนออกตามหากากฟิล์มหนังไทยเก่า ๆ ในต่างจังหวัด แล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อไปเจอกับคู่แข่งซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน แต่เขาตามหาเฉพาะฟิล์มหนังเขมรเพราะหลังจากสงครามยุติ ก็มีคนเขมรอยากจะดูหนังเก่า ๆ ที่แสดงโดย ดีเสวต เจียยุทธร กวงซัมเฮือน กันอีก แต่หาฟิล์มไม่ได้ เลยสันนิษฐานว่า น่าจะมีอยู่กับคนไทยที่ไปฉายหนังในเขมรแล้วหนีภัยสงครามกลับมา หรือไม่เช่นนั้น หนังเขมรดัง ๆ อย่าง งูเก็งกอง กากี ปัญจะเทวี บัวขาวน้อย ถล่มฤทธิ์พญายักษ์ สังข์ทอง ฯลฯ ที่คนไทยสั่งซื้อฟิล์มมาฉายในเมืองไทย ก็น่าจะยังมีอยู่บ้าง ก็เลยต้องมาตามหาฟิล์มหนังเขมรในไทยเพื่อนำกลับไปอนุรักษ์ให้คนเขมรได้ดูกันอีก บังเอิญเพื่อนผมไปได้หนังเขมรเรื่อง สังข์ทอง กลับมา คนที่ตามหาฟิล์มหนังเขมรคนนั้นก็โทรศัพท์มาอ้อนวอนขอซื้อต่อ แต่เพื่อนผมก็บอกให้เขาไปหาฟิล์มหนังมิตร ชัยบัญชา มาแลกเอาไป เขาหายไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็กลับมาพร้อมกับฟิล์มหนังมิตร ชัยบัญชาเรื่องหนึ่ง ซึ่งเพื่อนผมยังไม่มีจึงได้แลกเปลี่ยนกัน ก่อนเขาจะกลับ เพื่อนผมยังบอกให้เขาแวะไปจังหวัดสุรินทร์ เพราะที่นั่น ยังมีหนังเขมรเรื่อง บัวขาวน้อย อยู่ที่ช่างอนันต์ฯ ให้ลองไปถามดู ซึ่งภายหลังก็รู้ว่า เขาได้ฟิล์มหนังนั้นกลับไปด้วย เคยมีร้านให้เช่าเทป VDO เล่าให้ผมฟังว่า มีคนไทยในต่างประเทศมาสั่งซื้อม้วน VDO หนังไทยทุกเรื่องทั้งเก่าและใหม่ไปบ่อย ๆ ตอนแรกก็นึกว่าจะเอาไปขายหรือให้เช่าในต่างประเทศ แต่เขากลับบอกว่า ไปอยู่เมืองนอกนาน ๆ เห็นแต่หนังนอก ก็เลยคิดถึงหนังไทย อยากจะดูหนังไทย แต่ก็หาดูไม่ได้ จึงต้องกลับมาขอซื้อ เอาไปแบ่งกันดูในกลุ่มคนไทยที่นั่น
ทั้งสองกรณีเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า อะไรก็ตามเมื่อไม่มีหรือเมื่อไม่อยู่แล้ว กฎธรรมชาติก็สอนให้คนเรารู้จักคิดถึงและออกแสวงหาสิ่งนั้น ๆ ถ้ายังพอตามหามาได้ ก็เป็นเรื่องโชคดีไป แต่ถ้าหาไม่ได้เพราะเราปล่อยปละละเลยหรือทิ้งขว้างนานเกินไปจนสิ่งนั้น ๆ สูญพันธุ์ไปหมด เราจะทำอย่างไรดี เราจะเอาอะไรมาทดแทนได้ หนังไทยก็เช่นกัน กว่าจะมีคนเห็นคุณค่าและออกตามเก็บกากฟิล์มหนังเก่า ๆ กลับมาอนุรักษ์ไว้ก็ช้าเกินกว่าอายุฟิล์มหนังบางเรื่องจะทนรอไหวแล้ว อย่างนี้เราจะทิ้งหนังไทยอีกหรือ นับตั้งแต่หนังไทยเรื่องแรกออกฉายมาจนถึงปัจจุบันจะมีทั้งหมดกี่เรื่องนั้น ก็ยังไม่เคยมีใครลองนับดู ถ้ากะโดยประมาณ ผมว่าน่าจะอยู่ราว ๆ 4,000 เรื่องขึ้นไป แต่เชื่อไหมครับ ปัจจุบันหนังเหล่านั้นมีโอกาสกลับมาให้ดูอีกในรูปแบบ VDO-VCD-DVD ตามท้องตลาดไม่เกิน 1,900 เรื่องเท่านั้น ซึ่งอุปสรรคหลัก ๆ ของการนำหนังไทยเก่า ๆ กลับมาอีกก็คือ